บทที่ 1 ตอนที่ 3

1037 คำ
"ทำไม? คิดอะไรอยู่"            "เปล่า...ได้เห็นพ่อมีความสุขก็ดีแล้ว ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลา"            "ก็มัวแต่เอาเวลาไปให้สาวๆ" กฤษณะย้อนบุตรชาย            "มันก็ต้องมีบ้าง ผมโสดนี่พ่อ"            "เอาเถอะ...ไหนๆ ก็มาแล้ววันนี้เราไปล่องแก่งกันดีกว่า คิดถึงสมัยที่แม่แกยังอยู่ เขาชอบนักหนาให้พ่อพาไป" สายตาอันร่วงโรยไปตามวัยมากกว่าครึ่งศตวรรษทอดมองออกไปเลื่อนลอยในขณะที่เอ่ยถึงอดีตงดงามอันแต่หนหลัง            แม้เขาจะไม่มีวันดึงรั้งมันกลับคืนมาได้ แต่ก็ดีใจตรงที่ว่าในยามที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน เขา...ได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว            "หึ หึ เอาสิ พอได้เมียเด็กก็แอบเฟี้ยวเลยนะพ่อ"            "กลัวจะน้อยหน้าแกสิ หืม...แต่ละวันเปลี่ยนหน้าไม่ซ้ำคน นี่ยังดีนะที่ยังทำงานทำการอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องคอยยืนแจกบัตรคิวหน้าประตูบ้านให้แกแน่ๆ"            "พ่อก็พูดเกินไป..." ชายหนุ่มลอบยิ้มแล้วส่ายศีรษะกับคำเปรียบเปรยกึ่งแดกดันของบิดา ทั้งคู่นั่งดื่มกาแฟและชมทิวทัศน์ม่านหมอกตลอดช่วงเช้าในวันนั้น ก่อนจะดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ตามที่ได้พูดคุยกันเอาไว้ในเวลาต่อมา            แม้จะมีเวลาให้กันน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะใช้ทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่าที่สุดเมื่อได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน ศิขราจึงเติบโตมาในครอบครัวที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบพอสมควร ทั้งในด้านการเอาใจใส่ การอบรมสั่งสอน            แต่ก็นั่นแหละ ในช่วงชีวิตหนึ่งของทุกคนย่อมเคยทำเรื่องผิดพลาด รวมถึงตัวเขาด้วย แต่สำหรับคนอื่นมันอาจจะผ่านมาแล้วผ่านไปเป็นเรื่องปกติ            ผิดกับเขา...ที่ทุกอย่างยังตามหลอกหลอนประหนึ่งว่า เหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งดำเนินเกิดขึ้นไม่นานมานี้ และวนเวียนอยู่อย่างนั้นตลอดระยะเวลาห้าปีเต็ม            และยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่...จะสามารถลบเลือนฝันร้ายที่ฝังลึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วได้เสียที... กฤษณะได้พาว่าที่ภรรยาคนใหม่ของเขาเข้ามาอยู่ในบ้านทันทีหลังจากที่ได้ตกลงกับบุตรชายคนเดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และงานแต่งก็ถูกจัดขึ้นตามกำหนดภายในสัปดาห์ถัดมา เป็นงานเลี้ยงง่ายๆ มีแต่คนในครอบครัวและญาติสนิทและเพื่อนฝูง โดยจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พิธีการก็เป็นไปตามธรรมเนียมเพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง            เจ้าบ่าววัยหกสิบเศษอยู่ในชุดทักซิโด้ผ้าเนื้อดี แม้อายุจะล่วงเลยเข้ามาครึ่งค่อนชีวิตแล้วแต่กฤษณะยังคงดูภูมิฐานมีราศี รูปร่างสันทัดไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ล่วงเลยไปตามวัย เขาเดินควงเจ้าสาวรุ่นลูกพาแนะนำให้แขกเหรื่อได้รู้จัก พร้อมทั้งดื่มกินพอเป็นพิธี เสียงหัวเราะ รอยยิ้มเต็มตื้นสมเป็นงานมงคล            ทว่า...เจ้าสาวของเขากลับมีสีหน้าเรียบเฉย และเงียบสงบเกินความจำเป็น            "เป็นอะไรหรือเปล่าเอื้อง เหนื่อยเหรอ..." กฤษณะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าช่อเอื้อง...เจ้าสาวของเขาดูสุขุมกว่าที่คิด เขาอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ว่าหล่อนเครียดกับเหตุการณ์นี้หรือเปล่า ที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายรุ่นพ่อโดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับความอยู่รอดเป็นการแลกเปลี่ยน            "เอื้องตื่นเต้นค่ะคุณท่าน มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้นเลย กลัวจะทำให้คุณท่านขายหน้า" เจ้าสาวในชุดขาวบริสุทธิ์ให้คำตอบพร้อมรอยยิ้มหวานเล็กน้อย            วันนี้หล่อนสวยที่สุด...สวยสมกับเป็นวันของหล่อน แต่ทว่าแววตานั้นยังเศร้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง            "หึ หึ...ยังเรียกคุณท่านอีกเหรอ เราแต่งงานกันแล้วนะ เอื้องเรียกฉันว่าคุณกฤษเหมือนที่คนอื่นๆ เขาเรียกเถอะ อีกอย่างไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น วันนี้วันแต่งงาน เอื้องควรจะมีความสุขให้มากที่สุด รู้ไหม"            "ค่ะคุณท่าน เอ่อ...คุณกฤษ" สาวเจ้ายิ้มตอบด้วยท่าทีเขินอาย หล่อนมีเค้าโครงและเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียวหากเทียบกับผู้หญิงทั่วๆ ไปแล้ว...            ช่อเอื้องซึ่งไม่เคยผ่านการศัลยกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่หล่อนก็คงความสวยแบบธรรมชาติได้เหมือนถูกเสกปั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าคิ้วคาง ปากเล็กเป็นกระจับ ดวงตาที่กลมโตและผิวพรรณผุดผ่องมีน้ำมีนวลเปล่งออร่าโดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางประคบประหงม            กฤษณะรู้สึกได้ว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีเสียจริง ที่ได้ผู้หญิงซึ่งมีคุณสมบัติความดีเพียบพร้อมอยู่ในตัว อีกทั้งหล่อนยังสวยจนใครๆ ก็ต้องอิจฉาเขาเช่นนี้มาเป็นคู่ชีวิต            "คุณพี่สวัสดีค่ะ ขอโทษที่น้องมาช้า เอ่อ...มีธุระนิดหน่อยค่ะ" เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ทั้งคู่หันกลับไปมองท่ามกลางแขกเหรื่อที่กำลังนั่งรับประทานอาหารและชมการแสดงบนเวที            "มณีนั่นเอง...คิดว่าจะไม่มาเสียแล้วสิ" กฤษณะยิ้มรื่นทันทีเมื่อหันหลังกลับมาแล้วเห็นว่าหญิงสาวแสนสวยในชุดราตรีสีเขียวมรกตที่ยืนส่งยิ้มให้   "จะไม่มาได้ยังไงกันคะ งานแต่งคุณพี่ทั้งที เจ้าสาวสวยมากๆ ค่ะ ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสอง ขอให้รักกันนานๆ อยู่ครองคู่กันตลอดไปนะคะ" เนตรมณีกล่าวอวยพรด้วยความจริงใจ ยิ้มให้กับความสุขของเพื่อนรุ่นพี่ที่หล่อนเฝ้าแอบหลงรักมาตลอดหลายปีตั้งแต่เขายังครองคู่อยู่กับภรรยาเก่าซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคภัยไข้เจ็บ            ครั้งหนึ่ง...หล่อนเคยแทรกตัวเข้ามาคอยดูแลเขาในยามที่กฤษณะตกอยู่ในภาวะเศร้าซึมหมองหม่นจากการสูญเสีย แต่ก็คงไม่มีความหมายมากพอให้เขาหันกลับมามองในความปรารถนาดีของหล่อน มาบัดนี้กฤษณะได้แต่งงานอีกครั้งหล่อนก็ทำได้แต่ยินดีกับความสุขครั้งใหม่ของเขาเท่านั้น            สำหรับหล่อน...คงเป็นได้แค่คนแอบรักอยู่เช่นนี้ตลอดไป ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกกลับคืน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม