บทที่ 1 ตอนที่ 1
ความมืด หมอกหนาลอยฟุ้งอยู่รอบๆ ตัว ชายหนุ่มเหยียบย่างเท้าเปล่าลงบนพื้น กวาดตามองด้วยความระแวงแปลกประหลาดในใจ ที่นี่ที่ไหน...แล้วเขามาทำอะไร สายตากวาดมองไปรอบๆ เดินวนอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกเหนื่อยก็เหมือนยังวนเวียนไปมาอยู่ที่เดิม ความเงียบวังเวงอ้างว้างก่อให้เกิดความกลัวและรู้สึกได้ว่าไร้ทางออกโดยสิ้นเชิง
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงได้มาโผล่อยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาดเช่นนี้ แล้วจะหาทางออกกลับไปสู่สภาวะปกติได้อย่างไร
"นั่นใคร!..." ในขณะที่กำลังตกอยู่ในความเหนื่อยอ่อนและสับสน ร่างเลือนรางก็ปรากฏขึ้นอยู่ปลายสายตาด้านข้างตัวเขา ชายหนุ่มรีบหันขวับไปมอง ก็ได้เห็นเพียงความเลือนรางไม่จัดเจน
หมอกหนาปกคลุมขาวโพลนไปทั่ว รับรู้ได้แต่เพียงว่าร่างนั้นเป็นผู้หญิง เพราะผมยาว...และใส่ชุดยาวเลยเข่าลงมาเล็กน้อย หล่อนยืนนิ่งหันหน้ามาทางเขา แต่เขาก็ไม่อาจสังเกตเห็นเครื่องหน้าและสีหน้าของเจ้าหล่อนด้วยความขมุกขมัวของบรรยากาศที่ทึบหนา
"เธอเป็นใคร...รู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน..." ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างมีความหวัง พร้อมกับเดินเข้าไปหาหล่อน รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่ไม่ได้เดียวดายอยู่ในความเวิ้งว้างนี้เพียงลำพัง
แต่...เดินเท่าไหร่กลับไปไม่ถึงร่างเล็กที่ยืนนิ่งนั้นเสียที ทั้งๆ ที่หล่อนไม่ได้ขยับเขยื้อนใดๆ เลย
"นี่เธอ...เธอเป็นใครกันแน่..." ชายหนุ่มถอนหายใจหอบ เอื้อมมือหวังคว้าตัวหล่อนด้วยความโมโห แต่กลับยื่นมือไปไม่ถึงสักที แต่แล้วจู่ๆ
"เฮ้ย!" ร่างเล็กแน่นิ่งก็กลับปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเพียงคืบในชั่วพริบตา ชายหนุ่มแทบชักมือกลับไม่ทันด้วยความตกใจ เขากลืนน้ำลายลงคอเฮือก พยายามมองหน้าที่ก้มงุดและค่อยๆ เงยขึ้นมาเผชิญสายตากับเขา
"เธอ..." เขามองหน้าขาวซีดที่ดูเศร้าสุดใจนั้นแล้วครุ่นคิด คลับคล้ายคลับคลาคุ้นชินจนรู้สึกหนักอึ้งไปหมดทั้งร่าง
"พเยีย...เธอใช่ไหม" เสียงทุ้มของเขาสั่นในขณะที่เอ่ยถาม เหยียดยิ้มด้วยความดีใจกึ่งสงสัย สองมือยกขึ้นหวังประคองใบหน้าหวานเศร้าสร้อยของหล่อน
"พเยีย!!!" ร่างเล็กถอยห่างออกไป แล้วหันหลังให้เขา วิ่งหนีหายไปทันที
"พเยีย! เดี๋ยวก่อนจะไปไหน!!! รอพี่ก่อน!" เขาตะโกนตามหลังในขณะที่วิ่งตามร่างของหล่อนไปท่ามกลางความมืดโดยไม่รีรอ หล่อนวิ่งเร็วตัวปลิวแหวกฝ่าหมอกหนาและความมืดแล้วหยุดยืนนิ่งในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปใกล้...
เบื้องหน้าไม่ได้เป็นเพียงความเวิ้งว้างไม่มีจุดหมายอีกต่อไปเพราะมันคือหน้าผา...
ร่างเล็กนั้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้าริมหน้าผาสูงชัน ที่ทอดสายตามองออกไปก็เป็นทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีพระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฝากฟ้า สาดแสงนวลตาทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น สายตาเศร้าหม่นตัดพ้อจ้องเขาคล้ายกำลังเสียใจอย่างสุดแสน...
แต่ไม่มีน้ำตาแม้สักหยด สายลมพัดพลิ้วกระทบชุดที่หล่อนสวมอยู่จนสะบัดไปตามแรงลม ผมยาวเลยบ่าสยาย เสียงสายลมพัดวูบหวิว ความมืดที่ถูกแสงจันทร์ส่องกลืนกลายเป็นโทนสีน้ำเงินสะท้อนกับผืนน้ำทะเล คลื่นด้านล่างสาดกระทบกับโขดหินไม่สร่างซา
"พเยียอย่านะ..." มือใหญ่เงื้อเอื้อมออกไปหวังไขว่คว้า ประหนึ่งอ่านออกความคิดว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดทำการใดอยู่
"อย่านะพเยีย!!" ร่างเล็กหันหลังให้กับเขาทันควันเมื่อชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปใกล้ หล่อนหันหน้ากลับมามองเขาแล้วเหยียดยิ้มไม่มีความหมาย สายตาดุคมแดงก่ำเคลือบแฝงความเจ็บช้ำจนรู้สึกได้ชัดเจน
"พเยีย!!!" ชายหนุ่มตะโกนก้องสุดเสียงในขณะที่ร่างเล็กนั้นกระโดดทิ้งตัวลงไปเบื้องล่าง เขาก้าวไปยืนตรงที่หล่อนยืนอยู่ก่อนหน้า แต่ทว่า...ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว
ไม่มีหล่อน...ไม่เหลืออะไรเลย
"พเยีย!"
"คุณปั้น! คุณปั้นเป็นอะไรคะ...คุณปั้น!"
ร่างใหญ่สะดุ้งเพริบลุกนั่งจนผ้าห่มร่นลงมากองอยู่บนตัก เขาหายใจหอบฮัก เหงื่อท่วมตัวเหมือนเพิ่งผ่านการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยมาอย่างหนักทั้งที่เพิ่งจะสะดุ้งตื่นจากการหลับลึก
"คุณปั้น!"
เสียงหวานแหลมเอ่ยเรียกซ้ำทำให้ชายหนุ่มได้สติมากขึ้น เขามองหล่อนที่นั่งเปลือยอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าตกใจและแปลกใจ
"ออกไปได้แล้ว..." เขาบอกกับหล่อน แล้วรีบสลัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นจากเตียงไปคว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่บนโซฟาเบดใกล้ๆ มาพันรอบตัวช่วงล่าง
"อะไรกันคะที่รัก...นี่เพิ่งจะหกโมงเช้านะคะ คุณฝันร้ายแล้วมาอารมณ์เสียใส่แนทแบบนี้ไม่ได้นะ" สาวสวยดีดตัวลงมายืนขวางหน้าเขาเอาไว้ทั้งที่ตัวเองยังเปลือยอวดสัดส่วนความสาวทุกสรรพางค์
"ผมบอกให้ออกไปไง...หรือต้องให้ยามหน้าบ้านมาจับโยน..." น้ำเสียงชายหนุ่มเคร่งขรึมจริงจัง เขาไม่ได้พิศวาสในเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้าแม้แต่น้อยในตอนนี้ แม้เมื่อคืนที่ผ่านมาจะสนองตอบต่อกันอย่างเร่าร้อนก็ตาม
"อะไรกันเนี่ย...งี่เง่าที่สุด..."
"ผมมีเวลาให้คุณยี่สิบนาทีสำหรับหอบผ้าออกไปจากบ้านนะที่รัก...คุณก็รู้ว่าเราไม่ได้พบกันเพื่อสานต่อไปมากกว่าคืนเดียว" พูดจบร่างใหญ่ก็เดินหน้าเครียดออกไปจากห้อง ปล่อยให้สาวเจ้าออกอาการกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจอยู่คนเดียว
หมดเวลา...หมดอารมณ์...ก็หมดความหมาย