หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้ประกอบไปด้วย 2 เรื่องสั้น ได้แก่
1. หมอผี
2. สุดแค้นแสนพิศวาส
****************************************************************************
ลูกบอลที่ส้มแก่คล้อยบ่ายไปทางทิศตะวันตก สำแดงรัศมีร้อนเร่าเผาแผดให้ทุกสิ่งอย่างเหี่ยวเฉา รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ที่ต้องดำรงชีพภายใต้หลังคาแห่งผืนฟ้า และแสงสว่างจากดวงตะวัน
ร่างอ้อนแอ้นอรชร สวมเสื้อแขนกุดสีโอรสอ่อน ผ้าถุงสีเดียวกันหากแต่เข้มกว่า ขับผิวสีเปลือกไข่ให้ขาวนวลราวกับมีรัศมีทอประกายออกมาท่ามกลางแสงแดดจัดจ้า ผมยาวดำขลับราวเส้นไหมคลอเคลียกระจายทั่วแผ่นหลังไปจนถึงสะเอวคอด เหงื่อเป็นเม็ดผดขึ้นทั่วใบหน้างามรูปไข่ ไหลเปียกคิ้วโก่งที่พาดวางอยู่บนดวงตากลมโต ขนตางอนเป็นแพ จมูกเล็กโด่งรั้นที่ปลายเชิดนั้นมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่เช่นกัน ปากอวบอิ่มเผยอนิด ๆ เพื่อเป็นการระบายองศาสูงในร่างกายให้ออกไปบ้าง
ความร้อนของอากาศและแสงแดด บวกกับสิ่งของที่อยู่เต็มตะกร้า ก็ทำให้กายเหนื่อยพอแรง แต่เมื่อผสานเข้ากับความร้อนเร่าในจิตใจยิ่งทำให้หนักหน่วงและรวดร้าว น้ำตามันไหลออกมาทางหางตามิได้ขาด น้อยกว่าน้ำเหงื่อเสียเมื่อไหร่
ข้าวกลางวันก็ยังไม่ตกถึงท้อง นี่ก็น่าจะร่วมบ่ายสาม อากาศก็ร้อน สาวเจ้าสาวเท้าที่สวมรองเท้าหูคีบ เดินออกห่างจากตลาดมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือมากว่าสี่กิโลเมตร อันเป็นทิศทางกลับบ้าน จากที่เป็นตลาดผู้คนพลุกพล่าน กลับกลายเป็นไร่อ้อยสูงหนาทึบมีสลับกับทุ่งนาบ้าง ต้นไม้ใหญ่ที่พอจะให้ร่มเงาก็หายากเหลือเกิน แดดก็ยิ่งแผดเผาอย่างไม่คณาลงเลย ฝีเท้าที่มันรวดเร็วในคราแรกกลับเริ่มช้าลง ช้าลง สุดท้ายเธอก็ทรุดฮวบลงบนริมถนนเปลี่ยว
รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบ๊ค์คันใหญ่สีดำสนิทที่แล่นมาไม่รวดเร็วนัก จอดเทียบข้างทางทันทีที่เห็นร่างหนึ่งล้มบนถนนต่อหน้าต่อตา คนขับเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ห่อหุ้มกายด้วยเสื้อหนังแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำ ข้างในเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนสีเดียวกัน รีบถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้แล้ววิ่งตรงไปยังร่างที่นอนอยู่ทันที
เมื่อเห็นเป็นร่างของหญิงสาว ที่รอบตัวกระจายไปด้วยของในตะกร้าที่ซื้อมาจากตลาด ทั้งผัก เนื้อสัตว์ และผลไม้ในคราแรกเขาก็ชะงัก แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เขาก็รีบเข้าไปช้อนอุ้มเธอเข้ามาในวงแขนแล้วเขย่า
“ น้อง น้อง ”
ร่างนั้นอ่อนปวกเปียก เขาจึงรีบวิ่งกลับไปหยิบขวดน้ำที่เก็บไว้ในช่องเก็บของแล้ววิ่งกลับมาประคองเธอขึ้น ก่อนจะเทน้ำใส่ฝ่ามือแล้วลูบไล้ทั่วใบหน้านวลนั้น ก่อนใช้ฝ่ามือใหญ่พัดพอให้มีลมโบกโชยให้เธอรู้สึกเย็นขึ้นบ้าง ถึงเล็กน้อยก็ยังดี
เธอเริ่มขยับตัวและปรือตาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ปากอวบอิ่มที่ตอนนี้ซีดเหลือหลายเผยอเอ่ยเบา ๆ
“ น้ำ.. หิวน้ำ ”
“ โอเค ผมมีน้ำ เดี๋ยวจะจรดขวดน้ำที่ปากนะ ค่อย ๆ กิน เดี๋ยวสำลัก ”
“ จ้ะ ”
เขาประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่งทว่าก็ยังพิงที่หน้าอกหนา ก่อนจรดขวดน้ำที่ปาก หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นประคองขวดทำให้ทาบทับไปบนมือใหญ่พอดิบพอดี
เมื่อได้น้ำเข้าสู่ร่างกาย ๆ อะไร ๆ ก็รู้สึกจะสดชื่นขึ้น เธอค่อย ๆ ลืมตาให้เต็มที่ ก่อนจะพบว่าตนเองพิงอยู่กับอกอุ่นของชายร่างใหญ่ ใบหน้าเขาอยู่ห่างเธอเพียงไม่ถึงฟุต ทำให้เห็นทุกรายละเอียดแห่งความคมเข้มหล่อเหลาอย่างที่บุรุษพึงมีทุกประการ คิ้วเข้ม ตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากไม่บางนักแต่ก็หยักสวย ใบหน้ายาวล้อมกรอบไปด้วยไรเคราเข้มครึ้ม ทำให้เขาดูคมสันมากขึ้น สายตาคมมองมาที่เธออย่างปิดความเป็นห่วงเป็นใยไม่มิด เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ ดีขึ้นไหม ”
เธอพยักหน้าแล้วรีบพยุงตัวให้ออกห่างจากอ้อมอกของชายแปลกหน้า หน้าแดงซ่านอย่างบอกไม่ถูกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โดนชายอื่นแตะเนื้อต้องตัวนอกเสียจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผัว
ผัวที่ไม่เคยสนใจใยดี ผัวผู้ที่ทิ้งให้เธอเดินกลับบ้าน ทั้งที่ระยะทางจากตลาดถึงบ้านนั้นร่วมสิบห้ากิโลเมตร ผัวผู้ที่ไม่เคยพึงพอใจในรสกามาทั้งที่อายุร่วมหกสิบ ยังใช้เงินซื้อผู้หญิงมากหน้าหลายตามาปรนนิบัติเรื่องอย่างว่าอยู่ร่ำไป โดยไม่สนใจว่าผู้เป็นเมียจะรู้สึกเช่นไร
“ แล้วนี่ไปยังไงมายังไงถึงมาเดินอยู่คนเดียวแบบนี้ ไร่อ้อยก็ยิ่งทึบยิ่งสูง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวมันอันตราย ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้เธอหลุดจากภวังค์ เธอยิ้มแหย ๆ แล้วตอบ
“ บัวมากับผัว วานให้เขาไปช่วยถือของ แต่เขาร้อน หงุดหงิดใส่แล้วขับรถหนีไปเลยจ้ะ ” ชายหนุ่มทำหน้าเหลือเชื่อ
“ อะไรนะ อยู่ดี ๆ ก็ทิ้งเมียแบบนี้ง่าย ๆ เนี่ยนะ ”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย
“ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ บัวเคยเดินแล้ว แต่วันนี้มันร้อนนักก็เลยเป็นลม ยังไงก็ขอบใจพี่มากนะจ๊ะที่ช่วยบัวไว้ ”
“ เคยเดินแล้ว แปลว่าผัวน่ะทิ้งให้เดินกลับหลายหนแล้วงั้นเหรอ ” เธอก้มหน้า เลี่ยงที่จะตอบ ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้าหวาน อายุอานามไม่น่าจะเกินยี่สิบ แต่ใบหน้าสวยงามอ่อนเยาว์นั้นฉายแววระทมทุกข์เกินอายุอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้สึกว่าตนเองคงจะถามมากไป จึงเลิกที่จะซักไซ้ในเรื่องผัวเธอต่อ
“ ชื่อบัวใช่ไหม บ้านอยู่ไหน ”
“ ใช่จ้ะ ชื่อบัว บ้านอยู่ภาคอีสานโน่น แต่ตอนนี้อยู่บ้านผัวที่ห้วยหนองตรม ” เธอตอบซื่อ ๆ ชายหนุ่มยิ้ม
“ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ”
“ จะดีเหรอจ๊ะพี่ บัวเกรงใจ ”
“ ไม่เป็นไร ดีกว่าปล่อยให้บัวเดินอยู่คนเดียว เปลี่ยว อันตราย ”
เขาบอกพร้อมลุกขึ้นเก็บของที่กระจัดกระจายใส่ตะกร้าให้ หญิงสาวค่อยพยุงตัวให้ลุกขึ้น แต่เลือดลมคงยังไม่เข้าที่จึงรู้สึกวูบและเซถลา เคราะห์ดีที่ร่างสูงใหญ่นั้นไวเหลือเกิน เขาเอื้อมมือไปเหนี่ยวร่างเธอให้เข้าหา แต่ความที่มือหนึ่งถือตะกร้าทำให้ทรงตัวไม่ดีนัก จึงไถลล้มลงไปข้างถนน โดยที่มีร่างนุ่มนิ่มอยู่บนตัวเขา
...เบียดบด แนบชิด