ตอนที่ 9

1053 คำ
คำแผ่วต้องหูนิลลนารู้สึกเหมือนตนเองกำลังหลับฝัน รับรู้ได้ถึงความร้อนผะผ่าวแถวลำคอจนเลื่อนไล้เลยถึงหน้าอก ใจเริ่มสั่นสะท้าน “อย่าเพคะ... หม่อมฉัน”ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำแต่มันช่างเบาบางเหลือเกิน “อย่าห้ามเราเลยนิลลนา เราหยุดไม่ได้” กระดุมเสื้อถูกปลดอย่างเบามือเผยผิวเนื้อขาวเนียนลออตา ดวงพระเนตรเรียวคมทอประกายชื่นชม เนินทรวงอวบอิ่มจนแทบอยากดื่มด่ำ มาซาฮาฟจุมพิตไล่ตามลำคอ นิลลนาสะดุ้งความฝันพลันมลายอย่างฉับพลัน เมื่อสติแห่งผิดชอบเข้าแทรก ร่างบางขัดขืนดันกายออกห่างแต่ทว่าพระองค์ไม่ทรงยินยอม “เจ้าจะทำอะไร อย่าดิ้น!” “อย่านะเพคะ หม่อนฉันยังไม่พร้อม!” หญิงสาวร้องบอกน้ำตาเอ่อ “ไม่พร้อมได้ยังไงเจ้ารับปากเราแล้ว” ทรงไม่ฟังเสียงให้หมดพระอารมณ์เสียก่อน ทรงโน้มพระวรกายเข้าหาเรือนร่างงดงามอีกครั้ง นิลลนาดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดสุดชีวิตจนท่อนแขนสองข้างถูกรวบไว้เหนือศีรษะ “อื้อ!”อีกครั้งที่ริมฝีปากถูกครอบครอง เธอหลับตาทั้งน้ำตา ไม่อยากรับรู้อะไรแล้วในเวลานี้ โลกทั้งใบมันสลายลงต่อหน้า ประเทศแห่งอารยะธรรมช่างหลอกลวง กษัตริย์ผู้แข็งแกร่งมีเมตตาทั้งหล่อเหลา โกหกทั้งเพ แล้วจะโทษใครเมื่อตนเองเป็นคนเลือกมายังที่นี่เอง   คนใต้ร่างนิ่งงันจนพระองค์รู้สึกได้ กษัตรย์มาซาฮาฟผงกพระเศียรทอดพระเนตรเห็นดวงตาปิดสนิทลมหายใจแผ่วสม่ำเสมอ นางคง... สลบไปแล้ว พระวรกายสูงใหญ่ผละห่างนั่งกุมพระกรรเจียก เป็นครั้งแรกที่พระองค์ปรารถนาต่อสตรีนางหนึ่งมากเพียงนี้ แทบห้ามพระอารมณ์ไม่ได้ ทรงยืนแล้วสาวพระบาทออกนอกห้อง ครุ่นคิดบางอย่างแล้วพระราชดำเนินต่อ   อัสลันสวนทางรีบทำความเคารพ เห็นสีพระพักตร์แล้ว หญิงไทยคงสร้างเรื่องหนักใจให้ไม่น้อย ไม่เคยเห็นฝ่าบาทเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย “รัฐมนตรีอาริกมันมาหรือยัง” พระองค์ทรงตรัสกับองค์รักษ์ “มาแล้วพะยะค่ะ” พระวรกายสูงสง่าพระราชดำเนินไปยังท้องพระโรง เห็นรัฐมนรีกลางคนนั่งคอยอยู่ เมื่อพระองค์ทรงเสด็จเข้ามาจึงลุกยืนก้มศีรษะถวายบังคม “ขอพระองค์ทรงพระเจริญพะยะค่ะ” อาริกมันถวายความเคารพ “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ตามสบายเถอะ” กษัตริย์ตรัสแล้วทรงประทับลงบนพระราชอาสน์เคียงข้างข้าราชบริพารอย่างไม่ถือตัว “ท่านมีเรื่องอะไรถึงมาขอพบข้ารึอาริมัน” “กระหม่อมขอเข้าเรื่องเลยพะยะค่ะ มีชาวเมืองมาร้องเรียนเกี่ยวกับกลุ่มโจรเบกัล พวกมันกำเริบทำร้ายกองคาราวานพ่อค้าปล้นสะดมจนทำให้ผู้คนไม่กล้าสัญจรตามเส้นทางหลวง พอสัญจรเส้นทางอื่นก็เจอกับพายุทะเลทรายสูญเสียชีวิตทรัพย์สินจำนวนมาก” พระหัตถ์กำแน่นในพระอุระอึดอัดเพราะทรงกริ้ว แววพระเนตรราวกับเสือร้ายจ้องขย้ำเหยื่อ กี่ครั้งแล้วที่กำจัดพวกมันเหล่านั้นแต่กลับผุดขึ้นราวกับต้นกระบองเพชรคงต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นเสีย “ช่วงนี้ท่านส่งทหารไปดูแลก่อนก็แล้วกัน สร้างเพิงพักประจำจุดการสัญจร นำรถหุ้มเกราะสำหรับโจมตีประจำจุดด้วยอย่างน้อยห้าคัน ทหารต้องมีไม่ต่ำกว่าห้าสิบนาย” “กระหม่อมรับด้วยเกล้าพะยะค่ะ” รัฐมนตรีอาริมันถอยฉากออกไป กษัตริย์มาซาฮาฟถอนพระปัสสาสะเฮือกใหญ่ ในพระอุระแน่นหนัก เพราะภาระหน้าที่ของคำว่าประมุขของประเทศ “แค่เฝ้าคงเป็นการยากพะยะค่ะ พวกมันต้องหาทางจนได้” อัสลันออกความเห็น “ถ้าจะกำจัดคงต้องวางแผนกันอีกสักพัก ตอนนี้คงต้องระแวดระวังกันไปก่อน” “ไม่มีใครเคยเข้าไปที่รังของพวกมันได้เลยพะยะค่ะ” ราชองครักษ์บอกเสียงเครียด “ข้านี่แหละจะเป็นคนเข้าไปคนแรก!” อัสลันเห็นท่าทีฝ่าบาทแน่วแน่แล้วอดภูมิใจไม่ได้ สมแล้วกับพระนามอันเคยเลื่องลื่อ เล่าว่าพระองค์ชำนาญการอำพรางซ้อนเร้นในทะเลทรายยิ่งนัก กลายเป็นแมงป่องแห่งทะเลทราย แต่เพราะต้องบริหารงานราชกิจเลยไม่ได้ทำการรบเหมือนเช่นเคย ปล่อยให้หน่วยงานทางทหารจัดการแทน พระเนตรเรียวคมกวาดมองรอบๆ เห็นนางกำนัลยืนสงบนิ่งเพื่อรอรับคำสั่ง กษัตริย์หนุ่มทอดพระเนตรหญิงนางหนึ่งท่าทางไม่ใช่ชาวซากวัย “เจ้ามานี่หน่อย” ยกพระหัตถ์กวักเรียก นางกำนัลชี้ตนเองแล้วค่อยๆ หมอบคลานมาก้มหน้ากับพื้นพรม “เจ้าเป็นเกิดที่ประเทศอะไร” “หม่อมฉันมีบิดาเป็นคนไทย มารดาเป็นชาวซากวัยเพคะ” ครงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “แล้วพ่อแม่เจ้าไปไหนเสียล่ะ” “พ่อแม่หม่อมฉันถูกโจรดักปล้นและสังหาร ได้รับการช่วยเหลือจนมาเป็นนางกำนัลอยู่ในวังเพคะ” “เจ้าชื่ออะไรหรือ” “หม่อนฉันชื่อนาเดียเพคะ” “พอดีข้ามีงานอยากให้เจ้าทำพอจะช่วยข้าได้ไหม” นาเดียเงยหน้าช้อนสายตามองกษัตริย์ เห็นแววพระเนตรอ่อนโยนในนั้นมันทำให้เธอไม่นึกกลัว “แค่พระองค์ตรัสหม่อมฉันยินดีทำทุกอย่างเพคะ แม้แต่ให้ถวายชีวิตก็ตาม” “ไม่ต้องพูดขนาดนั้นหรอก ข้าแค่ต้องการให้เจ้าไปดูแลพระสนมเท่านั้นเอง นางเป็นคนไทย ที่นี่ไม่มีคนรู้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษมากนัก ข้าเห็นเจ้าหน้าตาผิวพรรณไม่เหมือนชาวซากวัยสักเท่าไหร่เลยถามดู พอรู้ว่าเจ้ามีเชื้อสายชาวไทยเลยโล่งอก หากมีเจ้าคอยดูแลเป็นเพื่อนนางคงดี” กษัตริย์มาซาฮาฟยกพระหัตถ์โบกห้าม ไม่ให้พูดจาน่ากลัว “หม่อมฉันยินดีทำตามรับสั่งเพคะ” “เจ้าพูดภาษาไทยได้ใช่ไหม” “หม่อมฉันพูดได้เพคะ” “ถ้าอย่างนั้นดีเลย ช่วยพูดคุยเป็นเพื่อนพระสนมหน่อยนะ”กษัตริย์แย้มสรวลด้วยความยินดีอย่างน้อย นิลลนาก็มีเพื่อน “เพคะ” พระเนตรคมกริบชำเลืองทางราชองค์รักษ์คู่พระหทัย “อัสลันฝากพาตัวนางไปดูแลนิลลนาด้วย” “พะยะค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม