กษัตริย์มาซาฮาฟรู้สึกราวกับพระองค์ถูกตบพระพักตร์ครั้งที่สอง ขนาดรู้ว่าพระองค์เป็นใครนางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แถมยังแสดงสีหน้าหนักแน่น ไม่เคยมีสตรีนางใดทำกับพระองค์เช่นนี้มาก่อนเลย
“เจ้าแน่ใจรึที่พูดออกมา”
“หม่อมฉันแน่ใจเพคะ”
พระวรกายสูงใหญ่ก้าวประชิดอย่างรวดเร็ว คว้าเรียวแขนกระชากจนร่างบางปะทะแผงพระอุระกว้าง นิลลนาตระหนกใช้มือผลักดันสุดแรงแล้วดิ้นรน
“พระองค์จะทำอะไรหม่อมฉัน!” เธอร้องถาม
“หากเราเข้าใกล้เจ้ามากกว่านี้ บางที... เจ้าอาจจะเปลี่ยนคำพูด” สุรเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู
“หม่อมฉันไม่มีวันเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาด ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ พระองค์ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนียวหม่อมฉันด้วย!”
คำพูดแสดงถึงเจตนา นึกโมโหครามครั้นเหตุใดนางถึงได้ดื้อดึงนัก แค่พระองค์พึงใจ ไม่ว่าสตรีนางใดต่างปรารถนาในตัวพระองค์ทั้งนั้น
“ต่อให้เจ้าไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ แต่ถ้าหากเจ้าเหยียบย่างเข้ามาบนผืนแผ่นดินเรา เราก็มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจเหมือนกัน!”
นิลลนากัดฟันข่มความกลัว นี่หรือกษัตริย์ที่ทุกคนพากันพูดถึง ทำไมมันช่างแตกต่างจากที่ได้ยินมามากนัก พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัย แถมยังไม่มีเหตุผลเสียอีก
“พระองค์ทรงต้อนรับแขกจากประเทศอื่นเช่นนี้หรือเพคะ ฉุดมาเมื่อต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ พระองค์ทรงปกครองประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีความเมตตาเลยสักนิด!"
กษัตริย์มาซาฮาฟทรงกริ้วเมื่อได้ยินถ้อยคำไม่รื่นพระกันต์ ไม่เคยมีหญิงใดต่อปากต่อคำแถมยังวิจารณ์การปกครองของพระองค์มาก่อน
“นี่เจ้ากล้าว่าข้างั้นหรือ”
“หม่อนฉันกล้าสิเพคะ ในเมื่อพระองค์ทำไม่ถูกต้อง!”
“นิลลนา!” ทรงตวาด พระพักตร์เริ่มแดงเพราะทรงกริ้ว
คนตัวเล็กสั่นสะท้านเมื่อพระกรรัดร่างกายเธอแน่นขึ้น หญิงสาวหาทางเอาตัวรอดด้วยการดิ้นรน แต่ทว่าพระวรกายพระองค์ไม่สะท้านสะเทือน
“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ หากพระองค์ไม่ต้อนรับหม่อมฉันจะกลับประเทศไทย!”
“ข้าไม่ให้เจ้ากลับหรอกนิลลนา เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้าเลือกปฏิเสธข้า ข้าก็มีวิธีอื่น” ทรงกัดพระทนต์แล้วปล่อยร่างบางรั้งข้อมือให้เดินตาม
นิลลนากวาดตามองรอบๆ เห็นนางกำนัลพากันมองมาแล้วก้มศีรษะทำความเคารพ พระองค์กำลังพาเธอไปยังที่แห่งใด เสียงฝีเท้านับร้อย เสียงปืนดังก้องจนเธอสะดุ้งยกมือปิด ฝ่าบาททรงหันพระเศียรแววพระเนตรดุดัน
“จะพาหม่อมฉันไปไหนเพคะ หม่อมฉันไม่ไป!” คนตัวเล็กดื้อดึงพยายามแกะพระหัตถ์ออก
พระองค์ไม่ฟังเสียงลากร่างบางมายังลานกว้างด้านหน้า รั้งให้ขึ้นเวทีไว้สำหรับสอนทหาร อัสลันยกมือเพื่อหยุดการฝึกก้มศีรษะทำความเคารพแล้วหลบมายืนอยู่ด้านหลัง อดแปลกใจเหตุใดพระองค์ถึงพาตัวหญิงไทยมายังสถานที่แห่งนี้แถมดูท่าทางนางหวาดกลัวนัก
ไมค์ถูกส่งมา กษัตริย์ซาฮาฟจอใกล้พระโอษฐ์หันมองคนตัวเล็กกำลังขัดขืน เพื่อให้ข้อมือหลุดพ้นจากพันธนาการ พระวรกายสูงใหญ่ทรงยืนสง่าท่ามกลางทหารนับพัน
“เรามีเรื่องจะประกาศ เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนฝึกหนักมาตลอดปี เรามีของขวัญพิเศษจะมอบให้”
ร่างบางถูกรั้งให้มายืนด้านหน้า “สตรีนางนี้จะเป็นเครื่องผ่อนคลายสำหรับพวกเจ้า”
เสียงทหารโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดี นิลลนาตาโตหันมองเห็นมุมพระโอษฐ์กระตุกขึ้น
“พระองค์ทรงตรัสอะไรออกไป!” เธอถามน้ำตาเริ่มคลอ ภาษาที่ใช้เป็นภาษาถิ่นซึ่งเธอไม่เข้าใจเลย
อัสลันอดรนทนไม่ได้เลยขยับใกล้กระซิบแผ่ว พอเธอได้ยินน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาด ร่างกายแทบทรุดกองกับพื้น
“ข้าให้เจ้าเลือกแล้วนิลลนา แต่เจ้าเลือกจะปฏิเสธ มันช่วยไม่ได้”
“พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ หม่อนฉันไม่ใช่ทาส หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของพระองค์” หญิงสาวตัดพ้อทั้งน้ำตา
“เจ้าหายไปคนเดียว ประเทศอื่นคงไม่มีใครมานั่งสงสัยข้าหรอก” กษัตริย์ทรงตรัสแล้วแย้มสรวลเยือกเย็น
ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้
“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตา
กษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจ
ร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย
“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”
“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่น
ทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว
“พระองค์จะทำอะไร!”
“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”
“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”
ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอันแสนล้ำลึก เธอไม่เคยพบพานความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มือสองข้างจิกขยุมพระปฤษฎางค์ใบหน้าผ่าวร้อนราวกับตนกำลังจับไข้ ยามพระองค์ถอนพระโอษฐ์สบพระเนตร นิลลนารู้ดีว่านี่คือมนต์อย่างหนึ่ง
“เจ้า... หวานเหลือเกินนิลลนา”