เพราะโลกที่สวยงามในสิ่งที่หล่อนคิดฝันอยู่นั้น ทำให้หล่อนคิดว่าเขาคือทุกอย่างของชีวิตและเชื่อมั่นที่จะเดินตามเขาไปทุกทางและรักในทุกอย่างที่เขาเป็น มือของหล่อนถูกเขาจูงไปไหน ขาของหล่อนก็ก้าวไปตามเขาทุกหนแห่งที่เขานำทางไป
“ห้องของเราเบอร์สิบเจ็ดไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวทักเมื่อการ์ดของผับเปิดห้องหมายเลขสิบแปดให้เขากับหล่อน
“ห้องของเราหมายเลขสิบแปดครับ” ภูชิตหันมาบอกยิ้มๆ แล้วเดินนำหล่อนเข้าไป
เนตรตรียาเดินตามไป สีหน้ายังเคลือบแคลงอยู่ว่าหล่อนเมาหรือเขาจำผิดกันแน่
“ไม่มีมนกับคุณธีภพอยู่ เราเข้าผิดห้องแล้วล่ะค่ะ เราต้องไปห้องเบอร์สิบเจ็ด” หล่อนกวาดมองทั่วห้องแล้วไม่พบเพื่อนจึงเอ่ยติงเขา
“ไม่ผิดครับ ห้องนั้นห้องของเขาสองคน แต่ห้องนี้ห้องของเรา”
ตอนแรกเนตรตรียาไม่เข้าใจคำพูดของเขาดีนัก แต่เมื่อเขากวาดตัวหล่อนเข้าวางแขนไปแนบชิดร่างเขาก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าเขาหมายถึงอะไร ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วของหล่อนเบิกกว้างทันใด
“อื๊อ พี่ภู ทำอะไรคะ ปล่อยตรีนะคะ” แขนของหล่อนพยายามยกมาดันอกแกร่งของเขา เพราะเขาไม่ได้กอดแน่นจึงพอดิ้นขลุกขลักได้บ้าง
การต่อต้านไม่ได้รุนแรงนักเพราะหล่อนไม่ได้รังเกียจเขา เพียงแต่ตกใจที่เขารุกล้ำหล่อนขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้าเขาสงวนท่าทีกับหล่อนมาตลอด หากยามอยู่ในที่รโหฐานเขากลับรุกชนิดไม่ให้หล่อนตั้งตัว การที่มีคนร่างสูงที่เฝ้าฝันถึงมายืนโอบกอด กลิ่นหอมอ่อนๆ แปลกประหลาดที่ไม่เคยได้ดอมดมมาก่อนจากตัวเขา พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดดวงหน้าทำให้หล่อนอ่อนระทวย แทบละลายอยู่ในอ้อมกอดเขา หากแต่ความอ่อนเดียงสาในการแนบชิดและการปิดกั้นตัวเองจากบุรุษเพศมาตลอดทำให้หล่อนยังคงดิ้นอึกอักในอ้อมกอดเขา และเบี่ยงหน้าหนียามเมื่อเขาก้มมาดอมดมความหอมหวานที่พวงแก้มและซอกคอโดยไม่สนใจที่จะตอบคำถามหล่อน
“พี่ภูคะ ปล่อยตรีก่อนค่ะ ไม่เอานะคะ ไม่” หญิงสาวพยายามบอกเขา แต่เสียงก็สั่นจนเหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง
ลมหายใจที่ติดขัดเพราะการรุกล้ำฉุกละหุกค่อยๆ ปล่อยโล่งขึ้นเมื่อเขาหยุดการกระทำทุกอย่าง หากหัวใจหล่อนก็ยังเต้นรัวกระหน่ำเมื่อรับรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นที่ลำคอระหง ลมหายใจร้อนผะผ่าวที่รินรดอยู่ยิ่งทำให้หล่อนตระหนกขึ้นกว่าเก่าอีกล้านเท่าตัว
เปลือกตาหล่อนถึงกับหลุบลงพร้อมลมหายใจที่ถอนออกอย่างโล่งใจเมื่อเขาถอนริมฝีปากที่กดจูบลำคอหล่อนออก หากแต่เมื่อลืมตาอีกครั้ง ดวงหน้าของเขาก็ห่างจากหน้าหล่อนไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร แววตาหวานฉ่ำบ่งบอกความต้องการบางอย่างของเขาไม่เหมือนดวงตาอ่อนโยนที่เคยทอดมองหล่อนแม้แต่น้อย
หล่อนไม่ชินกับสายตาแบบนี้ของเขาเลย
ขนอ่อนหล่อนลุกชันทั่วกายเมื่อมือที่ยังโอบกอดหล่อนอยู่ไล้นิ้วคลึงผิวเนื้อที่โผล่พ้นอาภรณ์ของหล่อนให้ตระหนกกับดวงตาของเขาเพิ่มมากขึ้น
“พอแล้วค่ะพี่ภู ไม่เล่นแล้วนะคะ” หญิงสาวพยายามตั้งสติแล้วดันอกเขาออกน้อยๆ เสียงหัวเราะเบาๆ คล้ายพึงใจจึงดังในลำคอเขาทำให้หล่อนสบตากับเขาอีกครั้ง
หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยให้ตายเถอะ
“ครับ พี่จะไม่เล่นแล้ว ขอโทษนะครับ พี่ไม่รู้ว่าน้องไม่ชอบเล่น พี่จะทำจริงๆ แล้วครับ” หลังคำพูดสุดท้ายของเขา ริมฝีปากอุ่นชื้นก็ถูกลดลงมาประกบริมฝีปากของหล่อนแบบเฉียบพลัน ไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว
มือที่เคยไล้ปลายนิ้วกับผิวหล่อนเบาๆ ก็เคล้นคลึงหนักหน่วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงริมฝีปากที่บดขยี้ปล้นจูบแรกจากหล่อนไป ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อรับรู้ผ่านสติที่เลือนรางว่าไม่เพียงจูบแรกของหล่อนที่จะถูกปล้นไป เสื้อผ้าอาภรณ์ของหล่อนก็ดูเหมือนจะถูกพรากไปจากกายด้วยน้ำมือของเขาด้วยเช่นกัน