ชั่วสม่ำเสมอ

2095 คำ
ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นก็ตามรถม้าของหวังเว่ยซินไป ในขณะที่คนในรถม้ากำลังครุ่นคิดยิ้มมุมปาก นับได้ว่าความชั่วสม่ำเสมอของสกุลหวังทำให้นางประหยัดทั้งเวลาและเงินขึ้นไม่น้อย เดิมคิดว่าต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อตัวมารดากับน้องชายเสียอีก และไม่รู้ว่าจะต้องใช้พลังเจรจาแค่ไหน ทว่าในตอนนี้ ในเมื่อถูกขับออกมาแล้วจะไปที่ใดก็ล้วนง่าย เมื่อเข้าไปใกล้เรือน จี้เจินก็ตะโกนเรียกส่งเสียงออกไปก่อน “อี้หยาง อี้หยาง พี่เว่ยซินกลับมาแล้ว” ปัก! ปัก! เสียงผ่าฟืนของหวังอี้หยางถูกเสียงร้องเรียกของจี้เจินขัดจังหวะ จือซือจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าจากอาการป่วย “นั่นไม่ใช่เสียงของจี้เจินหรือ ไปดูเสียหน่อยเถอะ” “ขอรับท่านแม่” หวังอี้หวางวางขวานลง จากนั้นก็เดินไปยังประตู ภาพใบหน้ายิ้มแป้นแววตาระยิบระยับของของจี้เจินทำให้เด็กชายขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยถามสายตาก็มองไปเห็นรถม้าที่กำลังเลื่อนมายังประตูและผู้คนจำนวนสิบกว่าคนกำลังตามมา เมื่อหวังอี้หยางมองเห็นคนเหล่านั้นชัดเจนใบหน้าก็ซีดขึ้น “พวกท่านปู่ท่านย่ามาทำอะไร” จี้เจินไม่ทันสังเกตุเห็นสีหน้าของสหายได้ยินคำถามก็รีบตอบทันที “พวกเขาคงตามพี่เว่ยซินมา..นี่พี่เว่ยซินกลับมาแล้วนะ นั่นไงนางอยู่ในรถม้านั่น” หวังอี้หยางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ขณะนั้นรถม้าก็มาจอดตรงหน้าเรือนแล้วมีหญิงสาวงดงามแต่งกายหรูหราผู้หนึ่งลงมาจากรถม้า พอเห็นใบหน้าเขาก็พยายามก้าวเท้าเดินออกไปด้วยความยากลำบาก เอ่ยถามน้ำเสียงสั่น “พะ..พี่เว่ยซินจริงหรือ” เด็กชายเอ่ยถามเพราะคิดว่านี้คือความฝัน ไม่ทันได้มองดูให้ชัดอีกสักครั้งภาพตรงหน้าก็พร่ามัวไปหมดเพราะหยาดน้ำตา หวังเว่ยซินยิ้มอย่างอ่อนโยน นางเดินเข้าไปโอบกอดเด็กชาย “พี่กลับมา ..ท่านแม่เล่าท่านแม่อยู่ไหน” อี้หยางกลืนก้อนสะอื้นลงคอเอามือปาดน้ำตาลวก ๆ พูด “ท่านแม่อยู่ในเรือน...พี่สาวรีบเข้าไปหาท่านแม่เถอะ ท่านล้มป่วยเพราะคิดมากเรื่องท่าน” เด็กชายคว้ามือพี่สาวเข้าไปในเรือน หวังเว่ยซินยังไม่ก้าวเท้าตาม นางเบือนหน้ามายังลู่เมิ่งกล่าว “ท่านลู่...รบกวนท่านช่วยเฝ้าประตูเรือน อย่าให้ผู้ใดเข้าไปข้างในได้” “ขอรับคุณหนู” ฉับพลันคนของลู่เมิ่งก็เคลื่อนไหวออกมาเป็นกำแพงมนุษย์อยู่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว พวกสกุลหวังที่กำลังจะก้าวเท้าตามหวังเว่ยซินต่างชะงักและเงยหน้ามองอย่างหวาดกลัว หวังจงได้รับความอับอายอีกครั้ง เขาข่มความกลัวกล่าว “เรือนนี้เป็นของสกุลหวัง เหตุใดพวกข้าจะเข้าไปไม่ได้” ลู่เมิ่งจ้องมองด้วยสายตาดุดัน กลิ่นอายแผ่ซานความอำมหิตออกมา ตอบห้วน “ข้ามิทราบ” ริมฝีปากของหวังจงสั่นระริก ๆ ทว่าแม้จะเกรงกลัว แต่พวกเขาก็ยังใจดีสู้เสือ หันไปขอความเห็นใจจากชาวบ้านที่มามุงดู เสียงพูดคุยข้างนอกเริ่มโอนเอียงเข้าข้างสกุลหวัง หวังเว่ยซินไม่ได้สนใจ นางคุกเข่าข้างมารดา “ท่านแม่...ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” มือหยาบกระด้างของจือซือลูบไล้ไปยังใบหน้าเนียนของหวังเว่ยซินสั่นระริก ๆ นางจ้องมองบุตรสาวกลัวว่าภาพตรงหน้าจะหายไป เอ่ยเสียงแหบพร่า “ซินเอ๋อร์ ลูกจริง ๆ ใช่ไหม” “ท่านแม่ข้าเอง” จือซือดึงบุตรสาวเข้ามาในอ้อมกอดร้องไห้โหเสียงดัง “ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน” ทำให้เสียงหน้าเรือนพลันเบาลง ลู่เมิ่งยืนนิ่งเฝ้าประตูด้วยท่าทางดุดัน ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ ทว่าหูกลับกำลังเอียงฟังเสียงข้างในเรือน หวังเว่ยซินปล่อยให้มารดาร้องไห้ให้หน่ำใจ ก่อนจะพูดคุย เอ่ยเล่าเรื่องตกแต่งอย่างพิถีพิถันลงท้ายด้วยการขอร้องมารดาออกเดินทางไปด้วยกัน “ท่านแม่...ไปกับข้าเถิด ที่นั้นข้ามีพร้อมสำหรับทุกอย่าง อี้หยางก็จะได้เล่าเรียนมิใช่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้” จือซือหลังจากคลายความโคกเศร้าเริ่มมีสติ นางเหม่อมองบุตรสาว “ซินเอ๋อร์...ขอเพียงเจ้าอยู่อย่างมีสุขปลอดภัย แม่อยู่ที่นี่ได้” หวังเว่ยซินส่ายหน้า “หากไม่อยู่ร่วมกันข้าก็ไม่อาจจะวางใจได้ ท่านแม่ที่นี่ยังมีสิ่งใดให้ท่านอาวรณ์อีกหรือ” จือซือสะอึกในลำคอ นางไตร่ตรองภายในใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “..แม่เข้าใจแล้ว เช่นนั้นแม่จะไปกับเจ้า อี้หยางไปเก็บข้าวของ” “ขอรับท่านแม่” หวังเว่ยซินกวาดสายตามองภายในบ้านอันทรุดโทรม สั่นสะท้านในใจนอกจากอาภรณ์ที่สวมใส่ ล้วนไม่มีสิ่งที่ต้องเก็บสักอย่าง “เก็บแค่สิ่งของสำคัญเถอะเจ้าค่ะ” หวังอี้หยางเห็นสายตาของพี่สาวก็เข้าใจความหมาย เขาจึงผงกหัวก่อนจะเข้าไปในห้องนอน ประตูเรือนถูกเปิดออกมา ปรากฏภาพหวังเว่ยซินที่กำลังประครองจือซือออกมา แม้ดวงตาหงส์กับรูปร่างอ่อนซ้อยพวกชาวบ้านจะคุ้นชิน ทว่าความเด็ดขาดที่แฝงออกมาทางแววตาของหวังเว่ยซินทำให้พวกเขาตกตะลึงไม่กล้าเอ่ยพูดส่งเดช “นี่พวกเจ้าจะไปไหน” หวังจงไม่ยอมแพ้ วันนี้พวกเขาควรจะได้รับผลประโยชน์บ้าง “ข้าจะพามารดากับน้องชายไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วย” หวังเว่ยซินตอบอย่างไม่ปิดปัง นางวาดสายตามองกลุ่มคนเบื้องหน้ายิ้มบาง ๆ ชำเลืองมองไปยังลู่เมิ่ง “ท่านลู่ ช่วยยกสิ่งที่ข้าเตรียมเอาไว้ออกมาด้วยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ไม่รอให้ลู่เมิ่งสั่งการ พวกเขารีบนำออกมาทันที หวังจงและฮูหยินผู้เฒ่าต่างแสดงอาการตื่นเต้น คาดหวังหลายอย่างในใจ ยิ่งเมื่อเปิดหีบออกพวกเขาก็เบิกตามองแววตาเปี่ยมด้วยความปิติยินดี ก้าวเท้าออกไปแต่ไปทันได้แตะต้องหีบก็ถูกกระบี่ขวางทางเอาไว้ หวังหนิงรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ซินเอ๋อร์ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นเด็กมีน้ำใจ ย่อมแบ่งปั่นวาสนาในครั้งนี้เป็นแน่” รอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก ดูแฝงเจตนาร้ายชัดเจน ทำให้หวังหนิงที่กำลังจะพูดต่อหยุดชะงัก “เจ้ายิ้มเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร” หวังเว่ยซินก้าวออกไปก้มหยิบเครื่องประดับชุดหนึ่งออกมา แล้วเดินออกไปยังเบื้องหน้าเด็กสาวคนหนึ่ง “อิ้จิน...ข้าจำได้ได้ว่าเจ้าชอบผีเสื้อ” อี้จินตกตะลึงไม่คิดว่า หวังเว่ยซินจะเอ่ยและมอบของให้ตน นางมองปิ่นหยกแกะสลักผีเสื้อกำลังโบยบินอย่างสับสนอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “เว่ยซิน มันล้ำค่าเกินไป ข้ารับไม่ได้หรอก” หวังเว่ยซินดันเครื่องประดับให้ต่อ “ถือว่าเป็นของที่ข้ามอบให้เจ้า ตอบแทนที่เคยช่วยเหลือข้าตลอดมา” จากนั้นนางก็หันกลับไปหยิบผ้านวมผืนใหญ่แล้วเดินไปยังหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง “ป้าจาง ผ้านวมผืนนี้ตอบแทนที่ท่านให้ความอบอุ่นกับข้า” ป้าจางมองดูผ้านวมในมือหวังเว่ยซินไม่กล้าปฏิเสธ หน้าหนาวแต่ละปีช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน “ซินเอ๋อร์ เจ้าจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือ” ป้าจางเอ่ยถาม “ข้ามิทราบ” จากนั้นนางก็หันไปหยิบสิ่งของอีก ชาวบ้านมีจำนวนมากขึ้น ทุกคนต่างได้รับสิ่งที่ควรได้รับแม้กระทั่ง จี้เจินก็ยังได้รับเงินเป็นค่าเล่าเรียนเพิ่มอีกสิบตำลึง ลู่เมิ่งปรายตามอง หวังเว่ยซินที่กำลังมอบของให้เหล่าชาวบ้าน นางไม่เพียงมอบให้เฉย ๆ ยังเอ่ยวาจาอีกหลายประโยคแสดงความสนิทสนมคุ้นเคย ชายหนุ่มตั้งคำถาม นางกำลังแสดงให้เขาดูหรือให้ใครดูกันแน่ คนสกุลหวังที่คาดหวังว่าตนเองจะได้รับสีหน้าเปลี่ยนจากยิ้มระรื่นเป็นเขียวคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ หวังเว่ยซินมอบสิ่งของออกไปจนเกือบหมดสิ้น แล้ว!! หวังจงทนไม่ไหวเอ่ยขึ้น “หวังเว่ยซิน เจ้าทำเช่นนี้หมายความอย่างไร เจ้ากำลังเหยียบหยามพวกข้าหรือ” หวังเว่ยซินเค่นยิ้มในลำคอ ในที่สุดก็รู้ตัวเสียที “มิใช่ข้าบอกไปแล้วหรือทุกคนที่ข้ามอบให้ล้วนมีเหตุผลนะ” ชาวบ้านที่ได้ผลประโยชน์ต่างหยักหน้า “เช่นนั้นแล้วของข้าเล่า” หวังหนิงโวยวายขึ้น “ฮ่า ฮ่า...เช่นนั้นท่านลองกล่าวมาเถิดว่าข้าควรมอบให้ท่านด้วยเหตุผลใด” หวังหนิงชะงัก ทวนความทรงจำ แต่ภาพที่ประกฏออกมานางกลับไม่กล้าพูดออกมา เสียงตนเองด่าทอหวังเว่ยซินทุกวี่วันผุดขึ้นมา เสียงตบตีอีกฝ่าย ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ แต่นางยังแถออกไป “แล้วท่านแม่เล่า มิใช่ท่านแม่หรือที่มอบเงินให้แม่เจ้าไปซื้อย่ามารักษาเจ้าตอนป่วย อีกทั้งเรือนและอาหารที่เลี้ยงเจ้าจนเติบโตมาจนบัดนี้ เจ้าจะไม่สำนึกบุญคุณสักนิดหรือ” วาจานี้ หวังเว่ยซินย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเอ่ย นางจึงยกหีบเงินออกมา จากนั้นก็ก้าวออกไป ไม่รู้ว่านางสะดุดอะไรทำให้หีบเงินหล่นออกจากมือ เงินตำลึงจำนวนประมาณห้าสิบตำลึงหล่นกระจายออกมา “นี่เจ้า นี่เจ้า จงใจใช่หรือไม่” หวังจงชี้หน้าหวังเว่ยซินไม่ทันได้ด่าอะไร ก็หันไปเห็นบุตรหลานของตนเองช่วยกันเก็บเงินดังกล่าว มีเงินก้อนหนึ่งกลิ้งมาที่เท้าของเขา หวังจงจ้องมองหวังเว่ยซินสั่งให้นางก้มลงไปเก็บ แน่นอนว่านางไม่ทำ..ในจังหวะนั้นหญิงรับใช้ที่หวังเว่ยซินจ้างมาชั่วคราวก็โผล่ออกมาทำทีจะก้มลงเก็บเงินด้วยความโลภหวังจงไม่ทันคิด เขารีบก้มลงเก็บเงินนั่นทันที หึ! หวังเว่ยซินยิ้มอย่างพอใจ นับว่าช่วยทำให้ภาพลักษณ์สกุลหวังลดลงไปมาก เอาเท่านี้ก็พอ นางหันไปประครองให้มารดาขึ้นรถม้า หวังหนิงรีบตะโกนทันที “หวังเว่ยซิน เงินพวกนี้ข้าดูแล้วน่าจะไม่กี่สิบตำลึง เจ้าตอบแทนสกุลหวังเท่านี้หรือ” จือซือกำลังจะเอ่ยปาก เสียงหัวเราะเยาะของหวังเว่ยซินทำให้นางชะงักไม่กล้าพูด “ด้วยการเลี้ยงดูอย่างที่พวกเจ้าทำ ชาวบ้านทุกคนต่างรับรู้ ไม่รวมที่ท่านเมตตาขายข้าให้คนพ่อค้าค้าทาส ไล่มารดาและน้องชายข้ามาอยู่ที่เก่าซอมซ่อ ท่านคิดว่าพวกท่านควรได้รับเท่าไร” น้ำเสียงท้าทายแฝงความขบขันขมขืน ชาวบ้านที่ได้รับผลประโยชน์ต่างหันส่งสายตา เย้ยหยันสกุลหลังทำให้หวังจงไม่กล้าเอ่ยวาจา จือซือ ย่อคารวะบอกลาทุกคนอีกครั้ง “ทุกท่านโปรดดูแลสุขภาพด้วย” จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไป หวังอี้หยางหันไปลาสหายแล้วค่อยขึ้นรถม้าตามมารดา หวังเว่ยซินยิ้มน้อย ๆ โค้งศรีษะ แล้วหันไปพยักหน้าให้ลู่เมิ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองเข้าของต่าง ๆ ที่อยู่ในมือชาวบ้านด้วยสายตาเคียดแค้น มันควรเป็นของข้า มันควรเป็นของข้า นางก้าวเท้าหวังจะเข้าไปคุยกับหวังเว่ยซินก็ถูกคนของ ลู่เมิ่งขวางเอาไว้ หวังเว่ยซินเลิกผ้าม่านออกมาสบตาเหยียดหยามฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้ง เช่นนี้ เป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุด พวกคนโลภเมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่ตนเองควรจะได้ ทุกราตรี มิอาจนอนหลับสนิท ยามเข้าสู่ห้วงฝันก็จะเพ้อถึงของที่ถูกแย่งชิงไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม