เวลากว่าหลายชั่วโมงที่ฉันนั่งอยู่ที่ตรงนี้ และก็กับเธอที่เอาแต่นั่งร้องไห้เศร้าโศกเสียใจจนไม่เหลือน้ำตาให้รินไหล ตอนนี้บุหลันสงบลงไปมากแล้ว แต่เธอก็ยังเอาแต่นั่งเหม่อลอยไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ มือของเธอก็กำเข้าหากันแน่นตลอดเวลาจนฉันหวาดกลัวว่าเธออาจจะเจ็บจนไร้ความรู้สึก
ฉันเอื้อมมือไปหาเธอและลูบมันบางเบาเพื่อหวังให้เจ้าตัวได้ผ่อนคลาย บุหลันหันมาสบมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะยกยิ้มออกมาอย่างฝืดฝืนให้ฉันต้องขยับเข้าไปชิดใกล้กับเธอ
“รู้ใช่ไหม...ว่าคุณสามารถบอกเราได้ทุกอย่าง” ฉันยกยิ้มให้กับเธอและยกมือขึ้นไปลูบเปลือกตาของเธอบางเบาเพราะมันกำลังแดงก่ำ
ซึ่งบุหลันเองก็ส่งยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะพิงตัวเข้ามาใกล้ ๆ กับฉันจนตอนนี้ฉันสามารถที่จะใช้คางเกยศีรษะของเธอได้ แม้รู้ว่าตอนนี้มันอาจจะไม่สมควรที่จะรู้สึกแบบนี้...แต่ฉันกลับรู้สึกดีกับมันมาก ๆ จนแทบจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวอยู่แล้ว
“ติรู้ไหม...ว่าทำไมครั้งนี้เราถึงตัดสินใจที่จะออกมา” เธอพยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นไหว
เอาจริง ๆ ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่กับฉันเมื่อวานนี้บุหลันเองก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังเลย หลายครั้งหลายคราที่คนทั้งสองมีปัญหากัน มันก็มักจะเป็นเรื่องเดิม ๆ ก็คือว่าแฟนหนุ่มของเธอแอบไปหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นจนบุหลันจับได้อยู่หลายครั้ง
แต่ทุกครั้งก็ลงเอยด้วยการที่ผู้ชายคนนั้นกลับมาขอโอกาส ซึ่งฉันก็มักจะต้องมองภาพที่เขาสองคนกอดกันกลมเกลียวก่อนจะเดินจากออกไปแสนไกล...และไม่นานต่อมาเธอก็กลับมาหาฉันในสภาพแบบนั้นอีก
ฉันไม่เคยบอกกล่าวหรือปลอบใจเธอเลยเวลาที่เธอเจอเรื่องราวแบบนั้น แต่ฉันกลับเป็นฝ่ายที่นั่งอยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนกับเธอเสียมากกว่า เพราะฉันรู้นิสัยของเจ้าหล่อนดีกว่าใครทั้งหมด
บุหลันไม่ได้ต้องการคำปลอบโยนเหล่านั้นเพราะตัวเธอรู้ตัวเองอยู่เสมอว่ากลับไปอีกกี่ครั้งก็มีแต่ความเสี่ยง...เธอเพียงต้องการความสบายใจจากใครบางคนเท่านั้น และคน ๆ นั้นที่เธอเลือกก็คือฉันคนนี้นี่เอง
“แล้วหลันอยากเล่าไหม?” ฉันถามออกไปพลางยกมือขึ้นมาลูบที่ศีรษะของเธอบางเบาเพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังจะสะอื้นไห้อีกครั้งแล้ว
“อื้ม...เราอึดอัดมากเลยติ ครั้งนี้เราจะไม่กลับไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว” เธอสะอื้นร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ซึ่งฉันก็ยกมือขึ้นมาโอบกอดเธอเอาไว้แทนและลูบไหล่ของเธอบางเบาอย่างปลอบประโลม
ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายอย่างที่เธอว่าจริง ๆ เถอะนะ...ฉันเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันเองก็เจ็บไม่ได้น้อยไปกว่าเธอเลย
เพราะเธอเป็นดวงใจของฉันนี่หน่า...
“ครั้งนี้เขาทำผู้หญิงท้อง...” มือของฉันที่ลูบไหล่ของเธอนั้นหยุดชะงัก
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว มันคือเรื่องใหญ่ที่มีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งเกิดมา...แม้มันอาจจะเป็นความไม่ตั้งใจหรืออาจจะคึกคะนองของคนทั้งสอง แต่ถ้าหากเขาคิดจะทิ้งผู้หญิงคนนั้นกับลูกของเขา ฉันบอกเลยตรงนี้ว่าเขาเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!
“ผู้หญิงคนนั้นเคยมาที่คอนโดอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ฉันออกไปทำงานข้างนอก...พวกเขามาทำเรื่องแบบนั้นกันน่ะ” บุหลันกำลังพยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่ฉันกลับยิ่งกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก
ทำไมเธอถึงต้องเจอเรื่องราวที่เลวร้ายแบบนี้อยู่ตลอดเลยกันนะ...แล้วทำไมตั้งแต่ตอนนั้นฉันถึงไม่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปให้ชัด ๆ กัน
ไม่แน่ถ้าตอนนั้นเธอคิดเหมือนกันกับฉัน...เราสองคนอาจจะเป็นคนที่มีความสุขมาก ๆ และเธอก็คงจะไม่ต้องมานั่งร้องไห้เสียใจให้กับผู้ชายเลว ๆ อยู่แบบนี้
“ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเคยเห็นเราออกไปไหนมาไหนกับเขา เมื่อวานนี้ก่อนที่เขาจะกลับมา...ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาเราที่ห้อง”
“…”
“หล่อนยื่นที่ตรวจครรภ์ให้เราดู...และบอกกับเราทั้งน้ำตาว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก”
“…”
“ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูกเลยติ...เรารู้สึกเหมือนโดนค้อนมาทุบหัวแรง ๆ เลย” และเจ้าหล่อนก็เริ่มสะอื้นร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ถ้าตอนนั้นฉันอยู่กับเธอด้วยมันจะเป็นอย่างไรกันนะ...เธออาจจะรู้สึกดีมากกว่านี้หรือเปล่า? หรือเธอก็ยังจะเสียใจเหมือนเดิมเมื่อได้รู้ความจริงที่แสนเลวร้ายของผู้ชายที่เคยบอกกับเธอว่ารักนักรักหนา
ตลอดเวลากว่าห้าปีที่คนทั้งสองคบกันมา...ผู้ชายคนนั้นทำให้บุหลันต้องเสียน้ำตาไปแล้วกว่าร้อย ๆ ครั้ง และทุกครั้งฉันก็ทำได้เพียงแต่นั่งมองเพื่อเป็นเพื่อนปลอบใจ แม้ว่าหัวใจของฉันมันจะเจ็บปวดทุกครั้งที่เรื่องราวมันเป็นเช่นนั้น
รัตติกาลยังคงปลอบประโลมคนในอ้อมกอดด้วยการลูบไหล่ของเธอบางเบา ฉันกำลังคิดและตัดสินใจ ในใจของฉันก็แสนแค้นกับผู้ชายเลว ๆ คนนั้นที่ไม่รู้จักพอ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ใช่ของฉันดังขึ้นมา ก่อนที่ทั้งฉันและเธอจะหันหน้ากลับไปสบมองที่มันพร้อม ๆ กัน รูปหน้าจอโชว์หราพร้อมกับเบอร์โทรที่คนทั้งสองเมมสื่อถึงกัน มันทำให้บุหลันน้ำตาไหลลงมาอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาให้ตัวเองต้องเจ็บปวด
ไม่นานเสียงก็ค่อย ๆ ดับไป พร้อมกับข้อความอีกกว่าร้อยข้อความที่บุหลันไม่เคยได้เปิดอ่าน เจ้าตัวยังคงสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอด และฉันคนนี้มันก็สุดเกินจะทนไหว...
“บุหลัน...” ฉันเอ่ยเรียกเธอออกมา ซึ่งเธอก็พยายามจะหยุดร้องไห้และผละออกมาสบมองกันอย่างมีคำถาม
ฉันเอื้อมมือไปเกาะกุมมือของเธอเอาไว้ และสบมองใบหน้าของเธออย่างจริงจังไม่มีล้อหลอก ต่อแต่นี้ไปฉันจะไม่อนุญาตให้เธอกลับไปผิดหวังและเสียใจอีกแล้ว...ฉันขอสัญญากับตัวเองเอาไว้ ณ ที่ตรงนี้
“มันอาจจะฟังดูฉวยโอกาสไปหน่อยนะ แต่ฟังเราสักนิดหนึ่งได้ไหม?” เจ้าหล่อนมองหน้าของฉันอย่างไม่เข้าใจว่าฉันกำลังต้องการที่จะสื่ออะไรกันแน่
“หมายความว่ายังไง?” เธอสูดน้ำมูดเข้าปอดให้ฉันเผยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูจนฉันต้องเอื้อมมือขึ้นไปลูบที่เปลือกตาของเธอบางเบาเพื่อซับน้ำตาที่กำลังจะรินไหลลงมาอีกครั้ง
“ต่อแต่นี้ไปให้เราดูแลหลันได้ไหม?” ฉันถามคำถามเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สามนับจากเมื่อวาน แต่ฉันกลับไม่เคยได้รับคำตอบใด ๆ จากเธอกลับมาเลยแม้เพียงครั้งเดียว
“แต่ติก็ดูแลเราตลอดอยู่แล้วนิ...” เธอเอียงคอมองอย่างคนสงสัย เพราะที่ผ่าน ๆ มามันก็จริงที่ฉันดูแลเธอ
แต่ฉันไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อนกับเธออีกแล้ว…
“ที่ผ่านมามันก็ใช่...เราดูแลหลันมาตลอดในฐานะของคำว่าเพื่อน” ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า อีกใจก็กลัวคำตอบของเธอเหลือเกิน
แต่ที่กลัวมากที่สุดคงไม่พ้นหากเธอจะนึกรังเกียจ...และเดินออกจากชีวิตของฉันไป ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้แน่ ๆ
“ติต้องการจะสื่ออะไรให้เราได้รู้กันแน่...” เป็นเพราะว่าฉันเงียบไปกับความประหม่าเธอจึงเร่งเร้า
ฉันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนมันออกมาพร้อม ๆ กับการบีบมือเธอเพื่อให้เธอเชื่อว่าเรื่องที่ฉันจะพูดต่อไปนี้มันเป็นเรื่องจริง...ไม่ใช่เรื่องโกหกพูดเท็จแต่อย่างใด
“เราอยากดูแลคุณในฐานะที่มีสิทธิ์มากกว่านั้น...เราขอร้องแค่ตอนนี้คุณไม่ปฏิเสธเรา และให้โอกาสเราได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเรา...ก็รักคุณไม่ได้น้อยไปกว่าใครเลย”