ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากวันที่อรรัมภาย้ายไปอยู่กับบอสตัน ตอนนี้ชีวิตของหญิงสาวค่อนข้างสงบสุขมากขึ้น ถ้าไม่นับรวมกับที่ต้องคอยสู้รบกับเจ้าของห้องที่ว่างเป็นไม่ได้ชอบแกล้งเธอตลอดนั่นละนะ
ทางฝั่งโรจนทิพย์นั้นดูเหมือนว่าจะเงียบสงบมาก ไม่มีข่าวให้เห็นผ่านสายตาเลยแม้แต่ข่าวเดียว ความเงียบนั้นตอกย้ำอรรัมภาให้มั่นใจมากขึ้นว่าพวกนั้นต้องกลับมาพร้อมแผนการชั่วร้ายอะไรบางอย่างแน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเธอกับบอสตันก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่อย่างใด แผนการจัดการโรจนทิพย์นั้นดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ การจัดการครอบครัวที่มีอิทธิพลนั้นไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยาก เพียงแค่เธอกับบอสตันเห็นตรงกันว่าควรจัดการหลังงานแต่งเสร็จสิ้นไปก่อน เพราะงานแต่งงานครั้งนี้ควรสวยงามที่สุดในชีวิตของเราทั้งสอง แม้ว่าจะมีคนในครอบครัวนั้นมาร่วมงานด้วยก็ตาม
หลักฐานการจัดการครอบครัวโรจนทิพย์ทั้งหมดนั้นอยู่ในมือของบอสตันเรียบร้อยแล้ว ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่น ๆ ที่ครอบครัวฝั่งนั้นทำเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หรือเรื่องยักยอกเงินในบริษัทก็ตาม
และเพราะทุกอย่างถูกจัดการไว้หมดแล้วจึงทำให้ตอนนี้ชีวิตของอรรัมภาว่างมาก นอกจากไปลองชุดแต่งงานแล้วก็ไม่มีอะไรทำเลย วัน ๆ หนึ่งเธอต้องติดสอยห้อยตามบอสตันมาทำงานด้วยตลอด เพื่อเป็นการเรียนรู้งานในอนาคต
"ห้องพี่บอสมีหนังสือแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" อรรัมภาหยิบหนังสือนวนิยายขึ้นมาถืออย่างงุนงง เนื่องจากปกติห้องของบอสตันจะมีแต่เอกสารสำคัญเท่านั้น แล้วทำไมถึงได้มีหนังสือนวนิยายด้วยล่ะ
"เมื่อวานค่ะ"
"คะ ?" นัยน์ตาคู่สวยหันไปมองคนที่นั่งอ่านเอกสารด้วยสายตาไม่เข้าใจ
"พี่บอสให้มาร์โค่ซื้อมาเมื่อวานค่ะ พี่บอสกลัวน้องมิ้มเบื่อ" เสียงที่ตอบกลับมาเรียบ ๆ นั้นกลับทำให้คนฟังยิ้มกว้าง
"น่ารักจังค่ะ"
"มาพูดใกล้ ๆ สิคะ" ดวงตาคมมองสบสายตากับคนตัวเล็กด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ และแน่นอนว่าต้องโดนแหวใส่อีกตามเคย
"ทำงานไปเลยค่ะ !"
"หึ" บอสตันส่ายหัวด้วยความขบขันกับคนตัวเล็กที่เขินแล้วชอบโวยวาย
ก๊อก… ก๊อก…
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเรียกสายตาของทั้งสองคนให้หันไปมองตามเสียง ก่อนที่บอสตันจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าก่อนหน้า
"เข้ามา"
คนที่เคาะประตูนั้นคือธันวา เขาทักทายอรรัมภาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่เพื่อนสนิท
"สวัสดีครับน้องมิ้ม"
"สวัสดีค่ะพี่ธัน" อรรัมภาทักทายตอบ บอสตันเลื่อนเอกสารออกจากตัวแล้วเปลี่ยนเป็นท่านั่งพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
"มีอะไร"
อรรัมภาสังเกตหลายครั้งแล้วว่าเวลาที่บอสตันอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างกลกันต์และธันวา เขาจะมีท่าทีที่ผ่อนคลายลงมากกว่าปกติและจะสนใจเพื่อนมากกว่างานตรงหน้า บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวให้ความสำคัญกับเพื่อนสนิทมาก แม้จะแสดงท่าทีรำคาญเพื่อนอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม
"แม่ให้เอาขนมมาให้" ธันวาวางถุงที่ถือมาลงบนโต๊ะทำงานเพื่อนสนิท
"คราวนี้ทำอะไรล่ะ" บอสตันเอ่ยถามก่อนจะเปิดถุงดู
"บัวลอย อ้อ พี่มีมาให้น้องมิ้มด้วยนะครับ" ธันวาหันมายิ้มให้อรรัมภาที่มองอยู่ด้วยรอยยิ้มใจดี หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากฝั่งเคาน์เตอร์บาร์ในห้องทำงานของบอสตัน
"ขอบคุณนะคะ"
"แล้วเรื่องงานแต่งไปถึงไหนแล้ว" ธันวาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนเอ่ยถามด้วยท่าทีสบาย ๆ
"ก็โอเค เหลือแค่การ์ดกับของชำร่วย" บอสตันตอบ
"อืม สถานที่ได้แล้วเหรอ"
"แล้วมึงจะให้กูไปแต่งที่ไหน โรงแรมกูก็มี" บอสตันเอ่ยด้วยท่าทีรำคาญเพื่อนสนิทจนธันวาหัวเราะออกมา
"มีอะไรให้ช่วยก็บอก คุณนายเขาตื่นเต้นมากนะที่มึงจะแต่งงาน"
"แล้วเมื่อไรมึงจะแต่งบ้าง" บอสตันถามกลับ
"เมียกูยังไม่มีเลย" ธันวาว่าด้วยท่าทีเซ็ง ๆ แม้ในใจตอนนี้จะไม่ได้ซีเรียสเรื่องมีแฟนหรือไม่มี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเซ็งเหมือนกัน
ระหว่างนั้นอรรัมภาเดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำ
"น้ำค่ะพี่ธัน"
"ขอบคุณครับ" ธันวาหันไปขอบคุณอรรัมภาก่อนที่สายตาจะสะดุดกับสร้อยที่ร่างบางใส่
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" อรรัมภาเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองสร้อยที่ตัวเองใส่ด้วยแววตาไหววูบ
"อ่า… สร้อยนี่ของน้องมิ้มเหรอครับ" ธันวาเงยหน้ามองเธอแล้วเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง
"อ๋อ ใช่ค่ะ" และเมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัดก็ยิ่งทำให้ธันวานิ่งไปกว่าเดิมจนอรรัมภาและบอสตันได้แต่ลอบมองกันอย่างงุนงง อรรัมภาเอ่ยขึ้นว่า "ป้าทองบอกว่ามิ้มใส่มันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ พี่ธันมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"อ่า… เปล่าครับ แค่สวยดีน่ะ" ร่างสูงส่ายหัวช้า ๆ แล้วส่งยิ้มให้คนที่ทำหน้างงอยู่ อรรัมภาเองก็ไม่อยากคิดอะไรมากจึงยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหันไปพูดกับบอสตันที่นั่งมองเพื่อนสนิทตัวเอง
"พี่บอส มิ้มไปเข้าห้องน้ำนะคะ"
"ค่ะ" บอสตันหันมามองหน้าอรรัมภาแล้วส่งยิ้มให้ ทว่าได้รับการแยกเขี้ยวกลับมาแทน และเมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปจากห้องแล้วเขาจึงถามเพื่อนสนิทตัวเองเสียงเรียบ “มีอะไร”
"หืม" ธันวาเลิกคิ้วสูง
"สร้อยเส้นนั้นมันมีอะไร" เมื่อได้ยินคำถามของเพื่อนพร้อมทั้งสายตาที่มองมาอย่างกดดัน ก็ทำเอาธันวาเงียบไปอย่างคนคิดไม่ตก "หรือมันเกี่ยวกับสร้อยที่มึงใส่วันนั้น"
"เฮ้อ !" ในที่สุดธันวาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยืดตัวขึ้นตรงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อย่างที่กูบอกว่าสร้อยเส้นนั้นน้องสาวกูทำให้"
"แต่กูไม่เคยรู้เลยว่ามึงมีน้องสาวด้วย" บอสตันท้วง อันที่จริงเขาก็สงสัยตั้งแต่วันนั้นแล้วที่ธันวาพูดถึงน้องสาว เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเจ้าตัวไม่เคยเอ่ยถึงน้องสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"ใช่ เพราะน้องสาวกูไม่ได้อยู่กับกู"
"ไม่ได้อยู่กับมึงคืออะไร" บอสตันขมวดคิ้ว
"น้องกูหายตัวไปตอนสี่ขวบ…" พอพูดถึงเรื่องนี้ดวงตาของธันวาก็หม่นแสงลง พลางนึกถึงน้องสาวตัวน้อยที่เคยเล่นด้วยกัน เคยหยอกล้อกันในวันวาน ซึ่งตอนนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง "กูกับพ่อแม่ตามหาน้องมาตลอด แต่ไม่เคยเจอ"
ธันวาเล่า ในตอนนั้นครอบครัวของเขาไม่ได้มีอิทธิพลมากมายนัก ทำให้การตามหาค่อนข้างยากลำบาก และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีอิทธิพลมากกว่าเมื่อก่อนมาก แต่การตามหาคนที่หายไปเกือบยี่สิบปีก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
"แล้วสร้อยล่ะ" บอสตันถาม
"สร้อยนั่นกูกับน้องทำมาแลกกัน ที่มึงเห็นกูใส่คือสร้อยที่น้องทำให้กู ส่วนสร้อยที่กูทำให้น้องคือสร้อยที่สั่งทำ แล้วมัน..."
"..."
"เหมือนกับที่น้องมิ้มใส่…" ดวงตาคมไหววูบเล็กน้อย ในใจตอนแรกที่เห็นอรรัมภาใส่นั้นธันวายอมรับว่าตกใจและดีใจมาก แต่หากพอคิดอีกที ถ้าสร้อยเส้นนั้นมีคนให้หญิงสาวมาอีกทีล่ะ
"มึงจะบอกว่าน้องมิ้มคือน้องมึงเหรอ" บอสตันขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหน้านั้นไม่ใช่ว่าธันวาจะไม่เคยเจออรรัมภาสักหน่อย แถมสร้อยเส้นนั้นบอสตันก็จำได้ว่าเจ้าตัวใส่มันอยู่บ่อยครั้ง
"กูไม่รู้"