"เอาละมิ้ม" ร่างแบบบางเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนับห้านาทีได้แล้ว วันนี้หลังจากตื่นขึ้นมาเธอก็นั่งมองตัวเองในกระจกนานนับครึ่งชั่วโมง เพราะหลังจากนี้เธอจะไม่ใช่ยุพเรศคนเดิมที่จากมาแล้ว แต่คืออรรัมภา โรจนทิพย์
เป็นอรรัมภาคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม
และมิชชั่นแรกของอรรัมภาคนใหม่ก็คือ การโทรหาคุณคู่หมั้น…
ลองดูสักตั้งแล้วกัน ชีวิตก่อนเจอลูกค้ามาตั้งหลายแบบ นี่แค่คู่หมั้นจะกลัวอะไร้ !
คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็กดโทรออกหาคุณคู่หมั้นทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายนั้นจะรับสายไหม กลัวก็กลัว อยากออกจากบ้านก็อยาก ฮึบ !
(ครับ…) เสียงรอสายดังแค่เพียงสองครั้งอีกฝั่งก็กดรับทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนอรรัมภาตกใจเพราะตั้งตัวไม่ทัน
"เอ่อ… คุณ…" อรรัมภาอึกอัก เหมือนคำพูดที่เตรียมมาจะหายไปจากหัวจนหมด ตอนนี้เธอดูเหมือนคนโง่ที่ไม่มีอะไรในสมองเลยสักนิด
(เป็นอะไรคะน้องมิ้ม) เสียงทุ้มที่ดังมาตามสายยิ่งทำให้อรรัมภาเม้มปากด้วยความกังวล และท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจพูด
"มิ้ม... มิ้มมีเรื่องจะขอให้คุณช่วย"
(...)
"ได้ไหมคะ" เมื่อเห็นว่าปลายสายเงียบอรรัมภาจึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
(เดี๋ยวให้มาร์โค่ไปรับนะคะ อยู่ไหน)
"โอ๊ะ !” อรรัมภาตาโตด้วยความดีใจ อีกทั้งยังประหลาดใจที่อีกฝ่ายพูดคะขาตอบกลับมา เธอรีบเอ่ยตอบทันที “อยู่บ้านค่ะ"
(อืม รออยู่ที่บ้านนะ) หญิงสาวเผยรอยยิ้มกว้างออกมาจนลักยิ้มบุ๋มลงประหนึ่งว่าอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเสียงทุ้มก็เอ่ยตามมา (จะให้ช่วยเรื่องอะไรเหรอคะ)
รอยยิ้มกว้างเมื่อครู่พลันหุบลง อรรัมภาขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินเสียงปลายสายเอ่ยถาม
"เราไม่ได้จะคุยกันตอนที่มิ้มไปเจอคุณหรอกเหรอคะ"
(แล้วพี่บอสบอกเหรอว่าจะให้น้องมิ้มมาคุยธุระตอนเจอกันน่ะ)
"อ้าว…"
(แค่จะให้มาร์โค่ไปรับมากินข้าวเฉย ๆ ค่ะ)
"อ๋อ… ค่ะ" อรรัมภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม อดที่จะรู้สึกเขินไม่ได้ นี่น่ะเหรอคนที่ไม่ชอบกัน งงไปหมดแล้ว ใครไม่ชอบไม่รู้ แต่เธอเขินอะ
และเมื่อเห็นว่าปลายสายเงียบไปอีกครั้งอรรัมภาเลยรีบเอ่ยบอกในสิ่งที่เขาถามค้างไว้
"อะ… อ๋อ คือมิ้มอยากให้คุณช่วย… ช่วยพามิ้มออกไปจากบ้านหลังนี้น่ะค่ะ"
(หึ !) หลังจากที่เงียบไปประมาณสิบวินาที ปลายสายก็ส่งเสียงขำออกมาจนอรรัมภาทำหน้าเหลอหลา นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า (ในที่สุดก็เอ่ยปากขอสักทีนะคะน้องมิ้ม)
น้ำเสียงที่ฟังดูอารมณ์ดีดังมาตามสายจนอรรัมภาอดที่จะแปลกใจไม่ได้
"แล้ว… คุณจะช่วยไหมคะ" เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
(คู่หมั้นขอทั้งที พี่บอสจะใจร้ายได้ยังไงล่ะคะ)
“ทางนี้ครับ" มาร์โค่มือขวาของบอสตันเอ่ยบอกอรรัมภาที่กำลังทำตัวลีบเดินตามมาเงียบ ๆ หลังจากที่วางสายจากบอสตันได้ไม่นานมาร์โค่ก็มาถึงบ้าน อรรัมภารีบออกจากห้องทันที แต่กว่าที่จะออกจากบ้านมาได้นั้นก็แสนยากเย็น เมื่อณิชาและกิตติที่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเอ่ยซักไซ้เธอจนน่ารำคาญ พวกนั้นหวังจะรั้งเธอไว้ให้นานที่สุดเพื่อที่จะได้ไปถึงที่นัดหมายช้าและทำให้บอสตันอารมณ์เสีย
แต่ขอโทษเถอะ
นี่นิวอรรัมภานะ ไม่กลัวใครทั้งนั้นย่ะ !
"คุณมาร์โค่ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้นกแก้วนกขุนทองมันร้องไป เหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดเอง" หญิงสาวพูดแค่นั้น และทันทีที่เดินมาถึงรถยุโรปคันสวยก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังออกมาจากในบ้านจนแก้วหูแทบแตก
หลังจากที่พ้นสองคนนั้นมาได้ ตอนนี้อรรัมภาก็กำลังจะขึ้นไปหาบอสตันที่ห้องทำงานของเขา ตึกคาร์เทียร์ใหญ่โตหรูหราเสียจนคนที่เคยทำงานในออฟฟิศเล็ก ๆ อย่างเธออดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้
ติ๊ง !
ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุดของตึกก่อนที่มาร์โค่จะพาอรรัมภาเดินไปยังห้องห้องหนึ่งที่มีป้ายหน้าห้องเขียนว่า ประธานกรรมการบริหาร ทันใดนั้นเลขาหน้าห้องก็ลุกขึ้นส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้เธอ
"คุณมิ้มสวัสดีค่ะ มาหาคุณบอสตันเหรอคะ"
"อ่า ค่ะ" อรรัมภาส่งยิ้มแห้งให้อีกคน
"น่ารักจังเลยนะคะ"
"คะ ?" อรรัมภาเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจ น่ารักอะไร นี่คุณเลขาคิดว่าอรรัมภากับบอสตันคบกันจริง ๆ หรือไง แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร มาร์โค่ก็ผายมือไปยังประตูบานใหญ่ก่อนจะยกมือเคาะประตูเบา ๆ สองสามที
"เข้ามา" เสียงที่ดังออกมาจากในห้องทำเอาอรรัมภาต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหลังจากที่มาร์โค่เปิดประตูให้แล้ว
ดวงตากลมโตทอดมองร่างสูงใหญ่ของคนที่กำลังยืนหันหลังให้กันอยู่ บอสตันเป็นคนรูปร่างสูง ไหล่กว้าง ขายาว แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตแต่ก็ดูออกว่าร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม และยังไม่ทันที่อรรัมภาจะได้สำรวจอีกคนมากไปกว่านี้ คนที่ยืนหันหลังอยู่ก็หันหน้ามาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
"มองขนาดนี้ พี่บอสคิดเงินดีไหมคะ"
พระเจ้า !
นี่ไม่ใช่คนแล้ว นี่คือพระเจ้ากรีก !