2
งานที่แท้จริง
นั่งไปสักพักใหญ่ ๆ ก็ถึงจุดหมายในการทิ้งสมอและค้างคืนที่นี่ ตรงหน้าเป็นเกาะร้างขนาดเล็กไร้สิ่งปลูกสร้าง มีชายหาดสีขาวให้ลงเล่นน้ำได้ สองหนุ่มเลือกมาพักตรงจุดนี้ เพราะว่าเป็นเกาะที่ค่อนข้างสงบ ไม่มีคนสนใจแวะมาท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ เหตุเพราะไม่ใช่เกาะที่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด ธาวินเปิดระเบียงด้านข้างของเรือลงเป็นที่นั่ง สามารถหย่อนเท้าลงไปในทะเล ให้ทุกคนได้ลงเล่นน้ำอย่างสะดวกสบาย ส่วนเขากับอนุชิตมีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารการกินของทุกคน
“เป็นไงจิลโอเคกันไหม” ธาวินมาดักรอถามหญิงสาวทั้งคู่ระหว่างที่พวกเธอเดินมาเข้าห้องน้ำ
“ก็พอได้” จิลาวัลย์ยักไหล่ก่อนมองไปยังคนด้านหลัง ซึ่งเจ้าตัวยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลอยู่
“เอาให้ได้แบบนี้ไปตลอดสามวันนะนีน ห้ามไปขัดใจเจ้านายเด็ดขาดรู้ไหม” ธาวินกำชับนีนนาราอีกรอบ ก่อนจะขึ้นไปยังห้องคนขับตามเดิม งานของเขาหากเจ้านายไม่เรียก ก็จะไม่ออกมาวุ่นวายกับการพักผ่อนของพวกเขา
“จิลฉันไม่ชอบคุณเจนธรรมเลย” นีนนารามองซ้ายขวาก่อนพูดกับจิลาวัลย์
“เขาก็หล่อดีนี่ทำไมเหรอ น่ารักจะตายไป คุณบารเมษฐ์สิน่ากลัวทำหน้ายักษ์ตลอดเลย คนแบบนี้เอาใจยากรู้ไหม”
“ถึงเขาจะหน้ายักษ์แต่เขาก็ไม่ได้มือปลาหมึกนะ”
“เหรอ แล้วถ้าคุณเจนธรรมเขาอยาก เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ไปเข้าห้องน้ำเถอะ เจ้านายรอนานแล้ว”
“อืม”
‘เกิดพวกเขาอยากสวิงขึ้นมาล่ะนีนเธอจะทำยังไง’
จิลาวัลย์ไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกมา เพราะเธอผ่านเรื่องพวกนี้มานักต่อนักแล้ว จึงมองเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับนีนนาราแล้ว เธอไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะรับเรื่องนี้ได้ไหม เพราะจากที่เห็นนั้นเจนธรรมก็สนใจนีนนาราอยู่ไม่น้อย
ทั้งคู่กลับออกมาก็เห็นสองหนุ่ม ลงไปว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลกันแล้ว ทั้งสองใช้หน้ากากดำน้ำตื้นในการดำน้ำดูปะการัง และบรรดาปลาสวยงามใต้น้ำ
“จิลมาดูปลาด้วยกันสิเยอะแยะไปหมดเลย สวย ๆ ทั้งนั้นคุณต้องชอบแน่ ๆ มาเร็วครับ” เจนธรรมโผล่ขึ้นมากวักมือเรียกหญิงสาว
“ค่ะคุณเจนธรรม ถ้าจิลลงน้ำแล้วดูแลจิลด้วยนะคะจิลว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งค่ะ” จิลาวัลย์ตะโกนตอบเขาไปอย่างออดอ้อน
“เสื้อชูชีพเลยจ้าคนสวยรับรองไม่มีจมแน่นอนครับ” คนรู้ทันชี้ไปที่เสื้อชูชีพบนเรือ
จิลาวัลย์หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนหันไปหยิบเสื้อชูชีพมาสวมใส่ตามด้วยหน้ากากดำน้ำตื้น แต่ก่อนที่จะลงทะเลหญิงสาวหันมามองนีนนาราเล็กน้อย
“ต้องลงไปในน้ำกับพวกเขานะนีน เธอจะมานั่งอยู่อย่างนี้ไม่ได้ งานของเราคืออยู่ใกล้ ๆ เจ้านาย คอยพูดคุยและให้ความสุขพวกเขา”
“แต่ฉันว่ายน้ำไม่เป็นนี่ อีกอย่างคุณบารเมษฐ์ก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันสักหน่อย คงไม่เป็นไรมั้งถ้าฉันจะนั่งเล่นน้ำอยู่ตรงนี้”
“ไม่ได้เด็ดขาด ! ใส่เสื้อชูชีพเดี๋ยวนี้เลย ถ้ากลัวจมน้ำก็เอาห่วงยางไปด้วยก็ได้ ไม่อยากดำน้ำก็ไปเล่นน้ำใกล้ ๆ คุณบารเมษฐ์เขาโน่น” จิลาวัลย์พูดจบก็หย่อนตัวลงน้ำ และว่ายไปหาเจนธรรม
นีนนารานั่งตีเท้าในน้ำเล่นอยู่เพียงลำพัง เธอรู้ว่าจิลาวัลย์ส่งสายตาบังคับให้ลงทะเลอยู่ตลอดเวลา แต่บารเมษฐ์นั้นกลับไม่ได้สนใจไยดีเธอจริง ๆ เขาดำน้ำดูปลาไกลจากตัวเรือออกไปพอสมควร เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจถอดเสื้อคลุมตาข่ายออก หยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาสวมแทน
หญิงสาวนึกโทษตัวเอง ที่บ่ายเบี่ยงการเรียนว่ายน้ำมาตลอด ใครจะคิดล่ะว่าหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอมีความจำเป็นต้องย้ายตามมารดากลับบ้านเกิดที่ภาคใต้ นีนนาราตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อชูชีพเสร็จแล้ว ก็หันไปคว้าห่วงยางกับอุปกรณ์ดำน้ำตื้น ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหย่อนตัวลงน้ำไป
เสียงหัวเราะคิกคักของจิลาวัลย์กับเจนธรรมดังอยู่ไม่ไกล แต่กลับไม่สามารถมองเห็นทั้งคู่ได้ นีนนาราคิดว่าพวกเขาคงหลบไปทำอะไรบางอย่าง ที่อีกฝั่งของเรือเป็นแน่ หันไปมองฝั่งขวาของเรือ ก็เห็นบารเมษฐ์ดำน้ำห่างจากตัวเรือไปอีก ทว่าจุดที่เขาดำน้ำอยู่นั้น มีเกาะกลางน้ำเล็ก ๆ อยู่ด้วย เหมือนเขากำลังดำน้ำวนรอบเกาะนั้น
“เอาวะ ไปก็ไป” มีทั้งเสื้อชูชีพทั้งห่วงยางจะกลัวอะไร หญิงสาวเกาะห่วงยาง ใช้เท้าตีน้ำเข้าไปหาบารเมษฐ์ใกล้ ๆ
เข้าใกล้เขาแล้วก็ยังไม่กล้ารบกวนเวลาดูปลาของเขา ได้แต่เกาะห่วงยางลอยตัวตามเขาไปเงียบ ๆ ฝูงปลาสวยงามก็ว่ายวนรอบตัวเธอไปมา ไม่ต้องดำน้ำก็สามารถมองเห็นได้เหมือนกัน นานหลายนาทีกว่าเขาจะเงยหน้าขึ้นมาจากน้ำ ครั้นเห็นเธออยู่ด้านหลังก็มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย เหมือนเขาจะข้องใจกับห่วงยางที่เธอเกาะอยู่
“พอดีฉันว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ” เห็นสายตาของเขาแล้ว นีนนาราก็เลยต้องบอกความจริงออกไป
“หึ ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วลงมาทำไม”
“เอ่อ ฉัน ก็” คนถูกดุพูดไม่ออกเพราะเธอก็งง ๆ กับชีวิตอยู่เหมือนกันว่าลงน้ำมาทำไม
“ว่ายไม่เป็นก็เล่นน้ำตรงระเบียงเรือโน่นสิ มาทำอะไรตรงนี้เกะกะชะมัด” เขาเอ่ยติดรำคาญ
“เอ่อ ค่ะ” นีนนาราคิดว่าเขาบอกให้เธอกลับไปที่เรือได้
“แล้วนั่นจะไปไหน”
“ก็กลับไปที่เรือไงคะ” หญิงสาวตอบเขาอย่างที่เข้าใจ
“เธอนี่มันงี่เง่าชะมัดเลยรู้ไหม มาแล้วก็ดำน้ำดูปลาดูปะการังไปสิ จะเกาะห่วงยางทำไม” คราวนี้บารเมษฐ์โมโหจริง ๆ
“อ้าว ก็เมื่อกี้” นีนนาราชี้นิ้วไปที่เรือแบบงง ๆ ก่อนหน้ายังไล่เธออยู่ปาว ๆ แล้วนี่เขาว่ายน้ำเข้ามาหาเธอทำไม
“ใช้เป็นไหม” เขามองไปที่หน้ากากดำน้ำในมือของนีนนารา
“พอเป็นค่ะ” หน้ากากดำน้ำแบบนี้ เธอเคยใช้แค่ครั้งเดียวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นแบบท่อสนอร์เคิลเสียมากกว่า แต่แบบนี้ง่ายกว่าเยอะครอบทั้งหน้ามองเห็นได้กว้างกว่า อีกทั้งยังหายใจได้ทั้งปากและจมูก
“งั้นก็ใส่สิรออะไรอยู่ เดี๋ยวฉันจะเอาห่วงยางไปแขวนไว้บนกิ่งไม้นั่นก่อน จะได้ไม่ลอยหายไปไหน เดี๋ยวจะได้ดำน้ำไปพร้อม ๆ กัน” คนพูดดึงห่วงยางออกจากมือของหญิงสาว ว่ายน้ำเข้าไปใกล้ ๆ เกาะกลางน้ำ คล้องห่วงยางไว้กับกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาเหนือน้ำ เสร็จแล้วก็ว่ายน้ำกลับไปหาหญิงสาว
“คุณบารเมษฐ์ คุณอย่าไปไกลนะ ขาฉันหยั่งไม่ถึงพื้น” พอไม่มีห่วงยางนีนนาราพลอยรู้สึกกลัวขึ้นมา มือจับเสื้อชูชีพเอาไว้แน่น ๆ
“ขาใครจะหยั่งถึงพื้นได้ คิดอะไรบ้า ๆ ดำใกล้ ๆ ฉันก็แล้วกันรับรองไม่จมน้ำตายแน่” เขาบอกก่อนจะมองต่ำลงไปในน้ำ บิกินีสีแดงสด ที่ตัดกับผิวขาวใต้น้ำก็ชวนมองใช่เล่น นั่นแหละเหตุผลหลักในการเปลี่ยนใจของเขา มีแม่ตุ๊กตาตัวขาวแสนอวบนี่อยู่ข้าง ๆ ตอนดำน้ำก็คงจะเพลินตาใช่เล่น
“มาสิ ถ้าไม่ไหวให้ลูบที่หลังฉันรู้ไหมจะได้รู้” บารเมษฐ์ดึงมือหญิงสาวมาใกล้ ๆ และพาเจ้าตัวดำน้ำไปด้วยกัน เขาทิ้งระยะห่างให้ดำขนานกันไปเพียงเล็กน้อย
แต่การให้นีนนารามาดำน้ำดูปลา อยู่ในรัศมีสายตาของเขานั้นคงจะเป็นเรื่องอันตรายจนเกินไป ภาพใต้น้ำนั่นเย้ายวนเขาเหลือเกิน ความอวบอิ่มก็ทิ่มตาเขาอยู่โทนโท่ ทำเอาน้องชายเขาเริ่มขยับตัวผิดที่ผิดเวลาเข้าเสียแล้ว นีนนาราดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นฝูงปลาสวย ๆ ว่ายผ่านหน้า ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเขากำลังจะคลั่งตายกับทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้นที่พลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำใต้ทะเล