Out to be :: CHAPTER 9 เด็กช่างยนต์ & เด็กช่างกล [70%]

1219 คำ
ผมสะบัดหน้าหนีขนมผิงที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกกับอารมณ์ของผมที่ขึ้นๆ ลงๆ ยิ่งกว่าคลื่นทะเลเสียอีก อันที่จริงผมเป็นพวกใจร้อนมากเห็นอะไรขัดหูขัดตาไม่ได้ก็พร้อมวิ่งเข้าใส่ อาจจะเพราะนิสัยเลือดร้อน ใครมองหน้าหรือทำอะไรให้ไม่พอใจก็จะเดินไปหาเรื่องก่อนเลยไม่ถามไถ่เหตุผลอะไรทั้งนั้น ดีนะที่ยังถามปกติของผมก็คือไอ้แก่นั่นหมอบคาตีนไปแล้ว ยังเกรงใจเฮียเข้มอยู่ไม่งั้นเจอกันข้างนอกมีหวังผมได้ต่อยมันหน้าแหกไปแล้ว “วันนี้กูไม่กลับห้อง” “อือ” “เจอกันพรุ่งนี้” “เค แล้วก็นะเคลียร์กับขนมผิงดีๆ ล่ะมึง” ไอ้แต้งท์โบกมือให้ผมขณะสวมหมวกกันน็อกขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์และขับออกไปจากอู่ในเวลาสองทุ่มที่เป็นเวลาอู่ปิดพอดี เฮียเข้มกับแม่ของขนมผิงหรือคุณน้าปิ่นยังไม่กลับจากทำธุระ ผมก็เลยรอให้ช่างหลายคนกลับไปจนหมดยืนส่งเพื่อนที่ขับรถสู่ท้องถนนผมก็กลับเข้ามาในอู่อีกครั้งและเดินหลบหลีกกล้องวงจรปิดมาถึงบ้านของขนมผิง ไม่รีรอที่จะปีนป่ายขึ้นไปหาขนมผิงที่ชั้นสอง หน้าต่างที่ปิดผ้าม่านเปิดไฟส่องแสงสว่างทำให้รู้ว่าเธอคงจะอยู่ในห้อง ก๊อก ก๊อก~ เคาะหน้าต่างสองทีผ้าม่านสีม่วงก็ถูกเปิดขึ้น ขนมผิงที่สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำผ้าบางก็เปิดหน้าต่างออกมาแต่ก็ไม่ได้เอี้ยวตัวให้ผมกระโดดเข้าไปในห้อง “ทำไมไม่เข้าทางประตูดีๆ พ่อฉันไม่อยู่” “มันชิน” “นายมีอะไร?” “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “แต่ฉันไม่มี นายกลับไปได้แล้ว ฉันมีงานต้องทำต่อนะคิง” “ก็ทำไปดิ ฉันรอเธอได้” ผมพยายามดันไหล่บางให้ถอยหนีเพื่อจะได้เข้าไปในห้อง มานั่งยองๆ แบบหมิ่นเหม่แบบนี้แอบกลัวตกลงไปคอหักตายเหมือนกันนะ “ผิง” “ไม่ วันนี้ฉันไม่ให้นายเข้ามา” “อยากโดนดีใช่ไหม?” คำขู่ของผมมักจะได้ผลกับขนมผิงเสมอ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น “มีอะไรก็คุยกันวันอื่น ฉันไม่พร้อม” “ทำไม?” “ฉันเป็นประจำเดือน” “แล้ว?” ขนมผิงถึงกับนิ่งไปทันที พอได้ยินคำถามนี้ “หรือเธอคิดว่าฉันจะเอาเธอ” “...” “หึ” “ไม่ต้องขำเลย ออกไป!” อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้เคยรับมือมาก่อนแล้วไงตอนที่ขนมผิงเป็นประจำเดือนน่ะ “เดี๋ยวตก อย่าดัน” “งั้นก็ลงไปสิ ถ้าไม่อยากคอหักตาย” มือของผมเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้แน่ ขนมผิงเองก็ไม่ยอมหยุดนะเอามือยันแผงอกผมให้กระโดดออกไปจากบานหน้าต่าง กระทั่งเราสองคนเงียบปากสนิทเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วดังขึ้น ขนมผิงเบิกตากว้างรีบดึงข้อมือผมกระชากเข้ามาในห้องและปิดหน้าต่างพร้อมผ้าม่าน “เธอไล่ ฉันกลับก็ได้” “นายจะบ้าหรือไง พ่อฉันมาแล้วนะ อยากตายใช่ปะ!” ผมยกยิ้มมุมปากมองขนมผิงที่ทำหน้าบูดใส่ผมและเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมตรงโต๊ะทำงาน ขณะที่สายตาเสมองเสื้อช้อปสีกรมท่าที่ถูกพับไว้บนเตียงอย่างเรียบร้อย ช้อปของเชส... ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงจากนั้นก็ถอดรองเท้าพลางใช้ปลายเท้าเขี่ยเสื้อช้อปของเชสกระเด็นออกจากเตียง “ทำอะไรของนายเนี่ย” “ไม่พอใจ” “นายอย่าทำนิสัยแบบนี้สิคิง นี่มันไม่ใช่เสื้อฉันนะ” “เพราะมันไม่ใช่เสื้อเธอไง ฉันถึงใช้ตีนเขี่ยมันออก” ลอบมองขนมผิงที่ลุกขึ้นหยิบเสื้อช้อปของเชสขึ้นมาปัดและแขวนไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า “ตกลงจะบอกฉันได้หรือยังว่าไปเอาเสื้อช้อปมาจากไหน?” “ก็เด็กช่างให้มาสวมตอนโดนรถขับเหยียบน้ำกระเด็นใส่ แค่นั้น” “แน่ใจ” เค้นเสียงแข็งถามคนตรงหน้าที่เบือนหน้าหนีผมไปที่จอโน้ตบุ๊กอีกครั้ง “ขนมผิง” “จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา” “มันจีบเธอหรือเปล่า?” คำถามนี้คือสิ่งที่ผมต้องการคำตอบมากที่สุด ไม่ใช่อะไรหรอกนะแค่อยากให้ขนมผิงคิดให้ดีถ้าหากจะเลือกใครสักคนให้เข้ามาในชีวิต ขนมผิงถอนหายใจและหมุนเก้าอี้นวมมาเผชิญหน้ากับผม เธอนั่งตวัดขาไขว่ห้างยกแขนทั้งสองพาดอกใบหน้าสวยแลดูเรียบนิ่งขณะจดจ้องมองมา “ใช่” “...” “เชสเขาจีบฉัน” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการผมก็มีคำถามมากมายอยู่เต็มหัวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่อยากถามถึงความรู้สึกของขนมผิงที่ถูกตามจีบจากเด็กช่างที่ผมเพิ่งจะเจอหน้ามันมาวันนี้สดๆ ร้อนๆ “ถามทำไม” “ไม่มีอะไร” ยักไหล่ไหวพลางเอนตัวลงนอนบนเตียง และทอดสายตามองไปรอบห้องของเธออย่างที่เคยทำประจำ “นึกว่าจะเจอกับผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่านี้” “เชสไม่ดีตรงไหน?” “ฉันจะไปรู้ได้ไง ไม่ได้สนิทกัน” “แต่เชสก็ไม่ได้เลวร้าย” “หึ ไล่ตีกับคู่อริ กล้าพูดนะว่าไม่เลวร้าย” “แค่กับฉันไง ที่เขาไม่เลวร้าย” มองยังไงว่ามันไม่เลวร้าย แค่วันนี้ท่าทางที่มันมองผมก็พอจะเดาออก เพียงแต่ว่ามันไม่รู้ว่าผมสนิทสนมกับขนมผิง ถ้าเกิดรู้ผมก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ที่เป็นภัยต่อขนมผิงหรือเปล่า “ที่ถามนี่คือเป็นห่วงหรือจริงๆ กำลังหึงฉันกันแน่?” “ใครหึง” ผมรีบถามขนมผิงกลับทันทีจนเธอยักไหล่ไหว “เธอจะมีใครมาจีบหรือคบกับใครก็สิทธิ์ของเธอ” “ทั้งที่นายก็รู้ว่าฉันชอบนาย” “...” “รู้ว่าฉันคงไม่มีใคร ก็เลยไม่คิดจะหึงหวงสักนิด” “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ขนมผิงนิ่งไปทันทีกับคำตอบของผม ทุกครั้งที่เธอถามเรื่องความสัมพันธ์ของเราผมมักจะตอบแบบนี้เสมอว่าระหว่างเรามันไม่ความรู้สึกบ้าๆ แบบนั้นเข้ามาเกี่ยว ก็แค่เซ็กซ์เท่านั้นอีกอย่างผมไม่เคยอยากได้มัน แต่ขนมผิงเสนอให้ผมเองเพื่อหวังจะรั้งผมเอาไว้ สุดท้ายมันก็เป็นการกระทำที่โง่เขลา “นายก็มองฉันเปิดใจให้คนอื่นได้โดยไม่มีความรู้สึกอะไรเลยใช่ไหมคิง” “ฉันแค่จะบอกว่าดูผู้ชายให้ดี ไม่ได้ให้มาถามฉันกลับ” เวลาขนมผิงวกเข้าเรื่องของเราผมก็มักจะหงุดหงิดทุกครั้ง แค่ไม่ชอบที่เธอถามหาความสัมพันธ์ของเราทั้งที่มันไม่มีวันเกิดขึ้นและไม่มีวันเป็นไปได้ “แล้วแต่เธอ ฉันถือว่าเตือนเธอแล้ว” “ขอบใจที่เตือน” เธอตอบผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทีหลังไม่ต้องยุ่ง ชีวิตฉันจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัวของฉัน” [70%] *---------------------------------------------------------*
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม