หลังจากที่พาลูกสาวตัวน้อยไปทำบุญที่วัดและกลับมาแวะซื้อปลาเผาให้ลูกสาวได้กินอย่างเอร็ดอร่อย ก็ถึงช่วงเข้านอนของหนูน้อยธารา
ขุนแผนกล่อมลูกสาวนอนด้วยตัวเองทุกคืน ช่วงกล่อมลูกนอนไม่ว่าจะยุ่งมากแค่ไหนเขาก็จะปลีกตัวเข้ามาหาลูกสาว ชายหนุ่มพยายามเติมเต็มความรู้สึกทุกอย่างให้ลูกสาว
และเขารู้ดีว่าลูกสาวต้องการสิ่งใดมากที่สุด ซึ่งสิ่งนั้นคือสิ่งที่ตัวเขายังหาให้หนูน้อยธาราไม่ได้
“คูมป๊าขา” หนูน้อยธาราเรียกพ่อของเธอ แทนที่นิทานที่พ่อเล่าจบแล้วจะทำให้เธอหลับเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้กลับไม่ใช่ และขุนแผนรู้ดีว่าลูกสาวต้องการจะพูดสิ่งใด
“ขาลูก” มือใหญ่ลูบที่ศีรษะของหนูน้อยอย่างเอ็นดู หนูน้อยธาราขยับตัวเข้ามากอดขุนแผน
“หนูอยากได้อ้อมกอดของแม่จังเลยค่ะ เพื่อน ๆ เล่าว่ากอดแม่อุ่นมาก” หนูน้อยมองหน้าพ่อของเธอ
ขุนแผนรู้อยู่แล้วว่านี่คือสิ่งที่ลูกต้องการ ซึ่งเขาหาให้ลูกสาวไม่ได้
“กอดป๊าก่อนได้ไหมครับ หรือว่ากอดของป๊าไม่อุ่นแล้ว” การเบี่ยงเบนความสนใจที่ขุนแผนใช้มักจะได้ผลเสมอเวลาที่พูดออกไปแบบนี้
“อย่าน้อยใจค่าคูมป๊า กอดคูมป๊าอุ่นที่สุด หนูแค่อยากลองกอดแม่แบบเพื่อนบ้าง แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่า กอดคูมป๊าคนเดียวก็ได้” แม้ว่าหนูน้อยธาราจะอยากได้แม่เหมือนที่เพื่อนมี
แต่เมื่อเทียบกันแล้วเวลาที่พ่อพูดแบบนี้ทีไร เธอมักจะตัดใจเรื่องแม่ และพูดเอาใจพ่อก่อนเสมอ
“ป๊ารักธารามากนะลูก” ขุนแผนยิ้มให้ลูกสาว ในขณะที่สมองของเขากำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีต
เรื่องสยดสยองที่เขาพยายามลืมมัน แต่ไม่เคยลืมเลือนลบหายไปได้
“หนูก็รักคูมป๊าค่า” เอ่ยคำรักและซบที่อกของพ่อ เพียงไม่นานหนูน้อยธาราก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อขุนแผนแน่ใจว่าลูกสาวหลับแล้ว เขาจึงห่มผ้าให้ลูกสาว และเดินออกจากห้อง
“ฝากธาราด้วยนะครับป้า” ขุนแผนพูดกับป้าเกด แม่นมที่คอยดูแลเขาและคู่แฝดมาตั้งแต่เด็ก เขาไว้ใจป้าเกดจึงขอให้ป้าเกดดูแลธาราในเวลาที่เขาไม่อยู่
สั่งป้าเกดแล้วขุนแผนจึงเดินเข้าห้องของตนเอง วันนี้เขาจะไปดื่มที่ผับของเพื่อนสนิท เนื่องจากเกิดอารมณ์เบื่อหลังจากที่คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา ไหนจะเรื่องที่ลูกสาวต้องการแม่ ยิ่งโตความต้องการของเด็กยิ่งเพิ่มมากขึ้น ข้อนี้เขารู้ดี และเขาไม่อยากทำพลาดเหมือนตอนคู่แฝดอีก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาขุนแผนเดินเข้ามาในคลับหรูย่านกลางเมือง เขาเดินตรงไปโซนดับเบิลวีไอพี เพื่อนในกลุ่มของเขาเป็นเจ้าของที่นี่ เพื่อนเขาปาร์ตี้กันทุกวันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ต่างจากขุนแผนที่นาน ๆ โผล่มาครั้ง
“ลมเพลมพัดซัดพ่อขุนแผนมาเหรอครับ” ศิลาหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของขุนแผนเอ่ยแซว
“ดูจากสีหน้าพ่อแผนของมึงแล้วคงมีเรื่องกลัดกลุ้ม” แอร์เพื่อนอีกคนพูดเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทอย่างขุนแผน
“กลัดกลุ้มไม่ว่า ขออย่ากลัดมันแล้วกัน” เอ็มเจเจ้าของคลับแซวบ้าง
“ปากพวกมึงยังหมาเหมือนเดิม” ขุนแผนนั่งลงตรงที่ประจำของเขา ความปากหมาของเพื่อนขุนแผนชินเสียแล้ว
“มาแนวนี้หลานสาวกูถามหาแม่อีกแล้วว่างั้น” เอ็มเจเอ่ยถามถึงประเด็นที่ทำให้เสือเงียบอย่างขุนแผนออกจากถ้ำของตัวอง
“อืม กูไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี” ขุนแผนพูดอย่างคนจนตรอก เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับความต้องของลูกสาวในสิ่งนี้
พูดตรง ๆ คือนี่เป็นสิ่งเดียวที่ขุนแผนหาให้หนูน้อยธาราไม่ได้
ผู้หญิงน่ะหาง่าย แต่จะหาคนที่รักและเอ็นดูลูกสาวของเขาจริง ๆ นั้นยาก นี่คือสิ่งที่ขุนแผนคิด และชีวิตนี้เขาไม่ได้เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนสักครั้ง
ประสบการณ์จากคนรอบตัวสอนให้ขุนแผนฝังใจว่ารักแท้ไม่มีจริง ความรักก็แค่เรื่องน้ำเน่า
“เอาน่าค่อย ๆ แก้ไป” เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่กลุ่มเพื่อนของขุนแผนจะไม่เอ่ยแซวเขา เพราะเพื่อน ๆ ต่างรู้ว่านี่คือเรื่องซีเรียสของขุนแผน เพื่อนสนิททั้งสามของขุนแผนรู้และอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองวันนั้น ถ้าหากเป็นไปได้เรื่องวันนั้นก็ไม่มีใครอยากให้เกิด
เกือบหนึ่งปีแล้วกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันนั้นที่ห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูชื่อดังกลางใจเมือง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ได้จัดงานวิวาห์ขึ้นอย่างสมเกียรติ
งานวิวาห์ใหญ่โต แต่บ่าวสาวไม่ได้มีความรักให้กัน ฝ่ายชายคิดง่าย ๆ ว่าไม่ได้อยากรัก แค่อยากทำให้มันถูกต้อง และไม่อยากให้ลูกของตนเองกำพร้าอย่างที่ตนเป็น ในขณะที่ฝ่ายหญิงเงียบทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งทุกอย่าง ไม่ออกความเห็นใด ๆ ทั้งนั้น
กระทั่งถึงช่วงคู่บ่าวสาวขึ้นพูดบนเวที เจ้าสาวจูงมือลูกสาวขึ้นเวทีไปด้วย ในขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าวนั่นก็คือขุนแผนเป็นฝ่ายพูดตามสคริปต์ที่จดไว้ น้ำใจที่เป็นเจ้าสาวก็อาศัยช่วงเวลานั้นจ่อปืนมาที่หัวของลูกสาว ผู้คนในงานแตกตื่นฮือฮา
“ทำบ้าอะไร!” ขุนแผนถามด้วยความตกใจ เขาเป็นห่วงหนูน้อยน้ำทิพย์ลูกสาวของเขามาก
“ก็จะฆ่าอีเด็กนี่ไง มึงรักมันมากไม่ใช่เหรอ กูจะฆ่ามันมึงจะได้เจ็บปวดไง” น้ำใจพูดด้วยความสติแตก เธอคิดและตระเตรียมแผนการมาอย่างดีแล้ว
“อย่าทำบ้า ๆ นั่นลูก เด็กไม่รู้เรื่องอะไร” ถ้าตรงหน้าไม่ใช่หนูน้อยน้ำทิพย์ ขุนแผนไม่มีทางปล่อยให้เรื่องบ้า ๆ เกิดขึ้นแน่
น้ำใจมองขุนแผนด้วยสายตาที่เกลียดชัง เธอผลักหนูน้อยน้ำทิพย์ใส่ขุนแผน ขุนแผนรีบกอดร่างหนูน้อยไว้แน่น น้ำใจมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเหยียดหยัน
“กูไม่เคยเห็นอีเด็กที่มีเลือดชั่วนี่เป็นลูกของกู กูเกลียดมัน เกลียดมันที่สุด เพราะมันมีเลือดชั่ว ๆ ของมึง มึงมันไอ้เหี้ย มึงฆ่าคนที่กูรัก ทำลายอนาคตกู มึงทำให้อีเด็กเวรนี่เกิดมา แล้วมึงยังมาบังคับให้กูแต่งงานกับมึง เฮอะ…มึงฝันไปเถอะว่าจะได้แตะต้องกูอีก คนอย่างมึงครั้งเดียวก็เกินพอ กูจะทำให้มึงเห็น กูจะทำให้มึงจดจำภาพนี้ไปจนตาย มึงจะต้องอับอาย ตราบาปนี้จะอยู่ในใจมึงกับลูกของมึงไปตลอด กูขอให้มึงถูกผู้คนครหา ขอให้มึงไม่มีที่ยืนในสังคม ขอให้ชีวิตมึงฉิบหาย เจอแต่เรื่องเหี้ย ๆ ไอ้สารเลว”
ปัง!!!
สิ้นคำพูดของน้ำใจเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เจ้าสาวในชุดวิวาห์สีขาวบริสุทธิ์ทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลออกมาทางใบหน้าที่เละเทะของเธอ ชุดวิวาห์สีขาวค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
น้ำใจปลิดชีพตัวเองด้วยการใช้ปืนยิงกรอกปาก แน่นอนว่าเธอเสียชีวิตคาที่
“แม่ขา ฮึก ฮึก ๆ ฮือ...กรี๊ด” หนูน้อยน้ำทิพย์วัย 3 ขวบมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่าง หนูน้อยรู้ว่าสีแดงที่ไหลออกจากร่างของผู้เป็นแม่คือเลือด เลือดที่มาพร้อมความเจ็บปวด หนูน้อยรู้จักเลือดเพราะแม่เคยทำให้เธอเลือดออกบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่เลือดไหลเธอจะรู้ว่ามันเจ็บมาก
หนูน้อยกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงก่อนที่เธอจะหมดสติไป ขณะเดียวกันขุนแผนยังคงช็อกกับสิ่งที่น้ำใจตัดสินใจทำ เขาดึงสติกลับมาได้เมื่อลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดหมดสติ
ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไปหมด ขุนแผนตัดสินใจอุ้มหนูน้อยน้ำทิพย์ออกจากงาน มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เหตุการณ์ที่โรงแรมขุนแผนสั่งให้คนของเขาเคลียร์ให้จบทุกอย่าง ห้ามคนในพูด ห้ามคนนอกสอด และห้ามเป็นข่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาขุนแผนตั้งรับไม่ทัน เขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น เขาไม่คิดว่าน้ำใจจะใจเด็ดบ้าบิ่นเพียงนี้
และหนึ่งในผลกระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หนูน้อยน้ำทิพย์จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
คราแรกขุนแผนเครียดมาก แต่เมื่อทบทวนดูแล้วเขาจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ลูกสาวของเขาช็อกจนจำเหตุการณ์เลวร้ายนั้นไม่ได้
ขุนแผนจึงเลือกที่จะปลูกฝังความทรงจำใหม่ ๆ ให้ลูกสาว และบอกกับลูกสาวไปว่าแม่จากไปเพราะโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาหาย
และหนูน้อยน้ำทิพย์จึงได้ชื่อใหม่เป็นธารา ส่วนชื่อมารดาขุนแผนไม่เอ่ยถึงให้หนูน้อยได้ยิน
นับตั้งแต่นั้นมาหนูน้อยธาราจึงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่พ่อของเธอเป็นคนเขียนสตอรี่ป้อนข้อมูลใหม่ ๆ ที่สร้างแต่ความสุขทุกอย่างให้เธอ