“สินค้ารอบนี้เกรดพรีเมียมครับเฮีย” หนึ่งในคนสนิทที่ขุนแผนไว้เนื้อเชื่อใจรายงานถึงความคืบหน้าของงานวันนี้ให้ขุนแผนได้รู้
“มึงคิดว่าสมควรส่งไปที่ไหน” ขุนแผนเอ่ยถามลูกน้องอย่างไม่ใส่ใจนัก บางคราเขาก็นึกเบื่อกับความซ้ำซากจำเจในแวดสังคมโสมมที่เขาเลือกเดินมาตลอดชีวิต
“ซ่องเสี่ยอ๋าครับเฮีย” ลูกน้องคนสนิทพูดถึงซ่องที่ผู้หญิงเกรดพรีเมียมถูกจัดส่งไปขายเป็นประจำ ของดีมักถูกจัดไปที่นั่นเป็นอันดับแรก เมื่อหมดคุณภาพ เกรดต่ำลงจึงจะถูกส่งต่อไปที่ซ่องอื่น ๆ ซ่องเสี่ยอ๋าเน้นของพรีเมียมเท่านั้น
“ตามนั้น ตกลงราคาให้เรียบร้อย เอาให้สมน้ำสมเนื้อ อย่าให้เราเป็นฝ่ายเท่าทุน” ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจจึงยกให้คนสนิทนั้นจัดการดูแล เพราะวันนี้เขาเบื่อกับชีวิตแบบนี้ แต่ถึงจะเบื่อการใช้ชีวิตแบบนี้ คนอย่างขุนแผนก็จะไม่มีคำว่า ‘ขาดทุน’ เด็ดขาด คนอย่างเขามีเพียงคำว่า ‘เท่าทุน’ และ ‘กำไร’
“ครับ แล้วเฮียจะไปรับน้องธาราเลยไหมครับ” คนสนิทถาม เนื่องจากมองดูอาการของเจ้านายแล้ว มีเพียงหนูน้อยธาราเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาอารมณ์ของเจ้านายได้
“ไป ถึงเวลาแล้วใช่ไหม” ขุนแผนที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนปฏิกิริยาที่ดีขึ้น เมื่อคนสนิทถามถึงหนูน้อยธารา แก้วตาดวงใจสุดที่รักของเขา
“ครับ ผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” คนสนิทเอ่ยอย่างรู้งาน เนื่องด้วยหน้าที่ของเขาคือต้องคอยคุ้มกันให้เจ้านายและคนที่เจ้านายรัก
“ไม่ต้อง ไปจัดการงานที่สั่ง กูไปรับลูกแล้วจะกลับบ้านเลย ไม่ได้แวะเข้ามาอีก” ขุนแผนสั่งห้ามพลางร่างกายกำยำขยับลุกขึ้นยืน
“แต่ว่าเฮียครับ” ลูกน้องคนสนิทอยากจะขัดคำสั่ง แต่เมื่ออ้าปากจะพูดก็เจอสายตาดุดันที่บ่งบอกถึงความต้องการที่ชัดเจน ลูกน้องที่อยู่ด้วยมานานจึงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ทำได้เพียงก้มหน้าน้อมรับคำสั่ง
“จัดการเรียบร้อยแล้วรายงาน อย่าให้พลาด” ขุนแผนพูดอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องพักส่วนตัวของเขามายังรถยนต์คันหรูที่จอดรอรับ
ครั้งนี้เขาปฏิเสธลูกน้องทุกคนที่จะร่วมเดินทางไปกับเขา
‘แค่ไปรับธารา จะมาเรื่องมากอะไรนัก’ เขาก่นด่าในใจพลางส่งสายตาเชิงว่าตัวเขาไม่ชอบให้ขัดความต้องการของเขา
และแน่นอนว่าไม่มีลูกน้องหน้าไหนกล้าขัดคำสั่ง
‘ขุนแผน’ อายุ 27 ปี เขาเป็นผู้ชายที่สูญเสียสิ่งสำคัญหลายอย่างในชีวิตภายในช่วงเวลาไม่ห่างกันมากนัก แต่เดิมทีขุนแผนมีพี่น้องอีกสองคน
นั่นก็คือ ‘ขุนเขา’ ‘ไม้งาม’ สองคนนี้เป็นฝาแฝดกัน หลังจากคลอดคู่แฝด แม่ของพวกเขาที่ร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ กระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อขุนแผนอายุ 6 ขวบ ในขณะที่คู่แฝดอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น
การสูญเสียแม่ทำให้เด็กน้อยเกิดความว้าเหว่ ด้านพ่อไม่ต้องเอ่ยถึง เนื่องด้วยโดนคู่อริลอบวางระเบิดก่อนคู่แฝดคลอดเพียงหนึ่งเดือน
การดูแลเลี้ยงดูฟูมฟักพวกเขาทั้งสามจึงตกเป็นของคุณตาภิรมย์ เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่! ที่มีนิสัยโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
‘เป็นพี่คนโตต้องแข็งแกร่งและดูแลปกป้องน้องได้ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเรียกตัวเองว่าพี่!’ คือคำสั่งสอนของคุณตาภิรมย์ที่มีให้กับขุนแผนตั้งแต่ที่เขาได้รับการเลี้ยงดูจากตาแท้ ๆ โดยตรง
เขาจำคำสอนขึ้นใจ รักน้องทั้งสองยิ่งกว่าชีวิต สิ่งไหนว่าง่ายสำหรับน้อง สิ่งไหนว่าดีที่สุด เขาสรรหามาให้คู่แฝดทุกอย่าง
น้องของเขาจะต้องไม่ลำบาก และต้องไม่รู้สึกขาด
แต่เรื่องของความรู้สึกของมนุษย์ และความต้องการส่วนตัว ต่อให้พี่ชายคนโตพยายามเติมเต็มช่องว่างมากแค่ไหนก็ไม่พอ โศกนาฏกรรมถึงได้เกิดขึ้นกับคู่แฝดและคือความผิดที่ไม่ได้ก่อ ซึ่งติดอยู่ในใจของขุนแผนตลอดไป
“คูมป๊า” หนูน้อยธาราร้องเรียกพ่อของเธอพร้อมกับมือที่ยกโบกเรียกหา
“คิดถึงคุณป๊าไหมครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนนี้มีให้เพียงหนูน้อยธารา
“ค่า คิดถึงมาก” หนูน้อยวัย 4 ขวบเดินเข้ามากอดพ่อของเธอ
หนูน้อยธาราคือลูกสาวของขุนแผน ดวงใจดวงสุดท้ายของเขา เขารัก หวง ห่วงยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้
ก่อนหน้านี้หนูน้อยธารามีชื่อว่า ‘น้ำทิพย์’ สาเหตุบางอย่างทำให้ขุนแผนตัดสินใจเปลี่ยนชื่อให้หนูน้อย ‘น้ำทิพย์’ กลายมาเป็น ‘ธารา’
ทุกคนต้องเรียกเธอว่า ‘ธารา’
“ป๊าก็คิดถึงน้องธารา วันนี้น้องธาราอยากกินอะไรดีครับ” ขุนแผนย่อตัวอุ้มลูกสาว และลุกขึ้นยืนเดินมาที่รถ เขามักมารับลูกสาวของเขาด้วยตัวเอง โดยที่ปกติจะมีคนสนิทตามเขาตลอด นาน ๆ ครั้งจะได้อยู่กับลูกตามลำพัง
“ปลาค่าคูมป๊า” หนูน้อยส่งเสียงน่ารัก อาหารที่เธอโปรดปรานคือปลาเผาร้านใกล้บ้าน
“งั้นวันนี้เรากินปลาเผากัน” โมเมนต์น่ารักแบบนี้ เขามีให้แค่หนูน้อยธารา และคนดีกับลูกของเธอที่เขารักเอ็นดูเหมือนคนในครอบครัว
“คูมป๊าทำไมมาคนเดียวคะ” หนูน้อยธาราเอ่ยถามเมื่อพ่อของเธอพาเข้ามานั่งภายในรถ
“ก็วันนี้คุณป๊าอยากมารับธาราคนเดียวไงครับ นี่คุณป๊าว่าจะชวนธาราไปปล่อยปลาที่วัดก่อนเข้าบ้าน ธาราสนใจไหมลูก” ขุนแผนถามลูกสาวพร้อมทั้งหาน้ำกับขนมที่เตรียมไว้มาให้ลูกสาวได้ดื่มได้กินให้ชื่นใจ
“สนใจค่าคูมป๊า คูมป๊าน่ารักอีกแย้ว” หนูน้อยธาราฉีกยิ้มแสดงความดีใจที่จะได้อยู่กับพ่อ ทำกิจกรรมร่วมกับพ่อ พ่อคือคนที่เธอรักที่สุด เธอจดจำได้เพียงแค่พ่อเพียงคนเดียว
“งั้นเราก็ออกเดินทางกันเลยนะครับ”
สองพ่อลูกส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่คนเป็นพ่อจะขับรถออกจากสถานศึกษา มุ่งตรงไปยังเป้าหมายใหม่นั่นก็คือวัด สถานที่ทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ให้อาหารปลา
สถานที่ที่คนบาปเช่นเขาไม่สมควรเข้าไปเหยียบด้วยซ้ำ แต่ที่เขาไปเยือนก็เพราะหนูน้อยธาราชอบทำบุญ เธอชอบความสงบเงียบ
อะไรก็ตามที่ลูกสาวชื่นชอบ ขุนแผนจะสังเกตและคอยเติมเต็มให้เธอทุกอย่าง
เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกว่าเธอขาดของสำคัญบางอย่างไป
แม้ว่าหนูน้อยธาราจะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ขุนแผนได้ปฏิญาณกับตนเองไว้แล้วว่าจะมอบความรักที่มีทั้งหมดให้ลูกสาวตัวน้อย
หนูน้อยธาราเดิมทีชื่อ ‘น้ำทิพย์’ เธอเป็นเด็กน่าสงสารมาก เกิดมาทั้งที่แม่ไม่ต้องการ เติบโตโดยที่แม่นึกจะทิ้ง ก็ทิ้ง ยามอยากรัก ก็รัก
แม่ของเธอชื่อว่า ‘น้ำใจ’ น้ำใจเธอถูกขุนแผนแก้แค้นด้วยการข่มขืนเธอ และเธอก็ท้อง ซ้ำยังฆ่าชายที่รักตายต่อหน้าต่อตา หลังเหตุการณ์อันเลวร้ายน้ำใจกลายเป็นคนซึมเศร้า ขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลานาน
เธอรู้ว่าร่างกายเริ่มผิดปกติ และคิดจะเก็บเด็กเอาไว้เพื่อแก้แค้นไอ้สารเลวที่ทำลายชีวิตและพรากคนรักของเธอไป
น้ำใจเลือกบอกครอบครัวว่าเธอท้อง และต้องการเก็บเด็กไว้ ด้วยหน้าตาทางสังคม ฝั่งครอบครัวของน้ำใจจึงได้ขอร้องให้ลูกชายของเพื่อนสนิทมาแต่งงานด้วย
แต่งแค่ให้สังคมรับรู้ก็พอ
ทุกอย่างเป็นไปตามที่น้ำใจต้องการ กระทั่งน้ำใจคลอดลูก เบื้องหน้าผู้คนเธอดูแลลูกน้อยเป็นอย่างดี แต่เมื่อใดที่อยู่กันสองแม่ลูกแล้วยามมองดูหน้าลูกน้อย เธอจะนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายของวันนั้น และเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ลงมือทำร้ายลูกของเธอโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยให้คนได้รับรู้
เมื่อไม่ได้อยากให้เกิด ซ้ำยังเกิดมาด้วยความเกลียดชัง ทำให้ความเป็นแม่ไม่มีในตัวของน้ำใจ
ลูกน้อยที่น่ารักจึงน่าสงสารจับใจ และเรื่องน่าเศร้านี้ไม่มีใครรับรู้ นอกจากแม่ใจร้ายอย่างน้ำใจ และน้ำทิพย์เด็กน้อยน่ารักที่แม่ไม่เคยรัก
น้ำทิพย์โดนแม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจแบบนั้นกระทั่งหนูน้อยอายุ 3 ขวบ แล้วทุกอย่างในชีวิตของหนูน้อยก็เปลี่ยนไป
รวมถึงชื่อน้ำทิพย์ และผู้หญิงที่ชื่อว่าน้ำใจ