ผ่านไปอีกวันเขาที่ฉันช่วยเอาไว้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขายังหายใจอยู่นะ ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะตายหรอก (มั้ง)
เวลาที่ฉันไปเรียนหรือไปทำงานฉันจะแปะโน้ตไว้เผื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาจะได้อ่าน แต่แล้วเขาก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี จนตอนนี้ฉันเลิกงานแล้ว และฉันกำลังนั่งเช็ดตัวให้เขา คือระหว่างกลับจากมอฉันแอบแวะซื้อเสื้อผ้าให้เขา กะจากขนาดไซซ์ตัวที่เขาใส่มา ก็ค่อนข้างตัวใหญ่อะนะ
เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันเห็นผู้ชายโป๊ มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบายจริง ๆ
หมับ!
ข้อมือของฉันถูกคว้าไว้ระหว่างที่ฉันกำลังจะลุกออกจากเตียงเพื่อเอาข้าวของไปเก็บ
“คุณ! เฮ้อ โล่งอก” ฉันวางกะลังมังและยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเขา “เป็นไงบ้าง ปวดแผลไหม นี่ฉันคิดว่าคุณจะไม่รอดซะแล้วนะ”
“…” เขาเงียบ มองหน้าฉันและไม่มีคำตอบใด ๆ ออกจากปากของเขา
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณเป็นใบ้ไปแล้ว นั่นไง ฉันบอกแล้วว่าให้ไปหาหมอ คุณก็บอกแต่ว่าจะไม่ไป แล้วคราวนี้จะทำยังไง”
“เรา…” เสียงของเขาแหบแห้งมาก
“อ้าว ไม่ได้ใบ้ เสียงแหบแบบนี้เดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้ดื่ม จะได้สดชื่นบ้าง” ฉันลุกขึ้นยืน แต่ก้าวเดินไม่ได้เพราะว่า “นี่คุณ ปล่อยมือฉัน ฉันจะไปเอาน้ำมาให้ดื่ม”
พูดเฉย ๆ เหมือนเขาจะไม่รู้เรื่อง คือเขามองเฉย ๆ อะ ฉันจึงต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาแกะมือของเขาออก
“สดชื่นขึ้นหน่อยไหม ปวดแผลมากหรือเปล่า นี่ฉันซื้อยาเท่าที่เภสัชกรจะขายให้ได้มารักษาคุณเลยนะ ควรขอบคุณฉันมาก ๆ ด้วยเพราะว่าฉันไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อน เสื้อผ้าข้าวของฉันก็เป็นคนซื้อให้ ฉันทั้งเช็ดตัวเฝ้าไข้ในเวลาที่ฉันอยู่บ้าน แบ่งที่นอนให้คุณด้วย”
“…”
“นี่…ที่ฉันพูดฉันไม่ได้ทวงบุญคุณหรอกนะ ก็แค่เล่าให้ฟัง แล้วนี่คุณชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ไปเป็นศัตรูกับใครอะถึงโดนทำร้ายขนาดนี้ หรือว่าคุณทำงานผิดกฎหมายตำรวจเลยตามล่างี้เหรอ” ฉันมองหน้าของเขาเพื่อรอคำตอบ เขาดูงง ๆ อะ
แล้วคำพูดของเขาก็ทำเอาฉันแทบฉุน “เรารู้จักกันไหม”
“นี่คุณ! คุณหาว่าฉันเสือกงี้เหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น คือเราสองคนรู้จักกันไหม” เขารีบปฏิเสธ
“เราจะรู้จักกันได้ยังไง ฉันไม่เคยรู้จักคุณ วันนั้นฉันเลิกงานเดินกลับบ้าน แล้วคุณนอนคว่ำอยู่หน้าหาดทราย คุณขอร้องให้ช่วย และบอกว่าห้ามให้ฉันบอกใครหรือพาไปโรงพยาบาลเด็ดขาด ถ้าจะตายก็ให้ตายเลย แล้วก็เอาศพโยนลงทะเลซะ” ฉันเล่าเรื่องคืนก่อนนั้นให้เขาฟัง
“งั้นผมชื่ออะไรล่ะ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
“…” เอ่อ ทำไมเหมือนในหนังในละคร ในนิยายเลยล่ะ
“ผมจำอะไรไม่ได้จริง ๆ นะคุณ ทำไงดี” เขายื่นมือมาจับมือของฉัน จับเขย่าไปมาคล้ายต้องการให้ฉันช่วยเหลือ
“นี่ไม่ใช่ว่าคุณฟื้นขึ้นมาตอนที่ฉันไม่อยู่แล้วเอานิยายเล่มนั้นมาอ่านรึเปล่า” ฉันจ้องจับผิดและชี้ไปที่หนังสือนิยายตรงหัวเตียง ต้องบอกก่อนว่าฉันชอบอ่านนิยายแล้วเพ้อฝัน การอ่านนิยายคือสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกดี เพราะชีวิตของฉันไม่ได้เป็นอิสระดั่งตัวละครในนิยาย
“ผมเพิ่งตื่น แล้วสภาพของผมแบบนี้คุณคิดว่าผมจะมีอารมณ์หาหนังสือมาอ่านหรือไง”
“ก็ใช่” ฉันคิดตามที่เขาพูด “งั้นคุณความจำเสื่อมเหรอ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ เราจะทำยังไงกันดี ไปหาหมอกันไหม”
“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมบอกยังไงก็ห้ามไปหาหมอ ผมในตอนนั้นอาจจะมีเหตุผลที่ไม่ไปหาหมอ แล้วถ้าตอนนี้ผมไป มันจะไม่แย่หรือไง”
“ทำไมที่คุณพูดมันซับซ้อนชวนให้ฉันสับสนแบบนี้”
“นั่นสิ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้ แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไง” เขายกสองมือขึ้นกุมที่ศีรษะของตนเอง
“เอ่อ… คุณอย่าเพิ่งเครียดสิ ไม่เป็นไรนะ ถ้ายังจำอะไรไม่ได้ก็อยู่กับฉันไปก่อน เดี๋ยวคุณอาจจะจำได้ก็ได้”
“แล้วถ้าผมจำไม่ได้ตลอดไป ผมจะไม่ต้องอยู่กับคุณไปตลอดเลยหรือไง” จริงอย่างที่เขาพูดนะ
“นี่คุณอย่าเพิ่งคิดในแง่ลบขนาดนั้นสิ วันนี้จำไม่ได้ พรุ่งนี้คุณอาจจะจำได้ก็ได้นะ” ฉันเห็นเขาดูเครียดจึงพูดให้กำลังใจ แต่ในใจฉันก็คิดแบบเขาแล้วนะ
ถ้าเขาจำไม่ได้ตลอดไปฉันจะทำยังไง การซ่อนคนคนหนึ่งเอาไว้เพื่อไม่ให้ป้าเห็นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“คุณคิดแบบนั้นเหรอ” เขามองหน้าฉัน นัยน์ตาของเขามันดูน่าสงสารจัง เหมือนลูกหมาที่พัดหลงกับแม่หมาเลย
“อื้ม ใครจะโชคร้ายไปตลอดล่ะ เดี๋ยวคุณก็จำได้ เชื่อฉันนะ” ฉันกรีดยิ้มให้กำลังใจ เขามองฉันด้วยแววตาที่ใสซื่อ
“คุณชื่ออะไร”
“อ้อมรัก”
“แล้วผมชื่ออะไร”
“ฉันไม่รู้”
“…”
“นี่อย่าเพิ่งทำหน้าเศร้าสิ งั้นให้ฉันช่วยตั้งให้เอาไหม เพราะยังไงตอนนี้คุณก็ยังจำตัวเองไม่ได้ ฉันตั้งให้ก่อนได้นะ จะได้เรียกถูก” ฉันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก็เขาตีหน้าเศร้าได้น่าหดหู่มาก
“งั้นคุณจะให้ผมชื่ออะไร”
“นั่นสิ ชื่ออะไรดี ฉันเจอคุณที่ริมหาด คุณนอนฟุบหน้าลงกับพื้นทราย งั้นคุณชื่อทรายดีไหม ง่ายดี ไม่ต้องคิดเยอะ”
“ทรายเหรอ ผู้ชายน้อยคนที่จะเชื่อนี้นะคุณ”
“เอาเถอะน่า ชื่อทรายแหละดีแล้ว หรือถ้าคุณไม่ชอบ คุณจะตั้งเองก็ได้นะ”
“ทรายก็ทราย คุณเป็นผู้มีพระคุณ คุณว่ายังไงผมโอเคทั้งนั้น”
“โอเค งั้นก็คุณทรายนะ”
“คุณอายุเท่าไหร่”
“21”
“ผมอายุเท่าไหร่”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าถ้าคุณไม่ใช้หน้าเกินอายุ ก็แสดงว่าคุณอาจจะแก่กว่าฉันนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันเรียกคุณว่าพี่แล้วกัน พี่ทราย”
“เหมือนหลอกด่าว่าผมแก่”
“ไม่ใช่นะ ก็แค่อธิบายเอง”
“รู้แล้วครับ พี่ก็แค่แซวเฉย ๆ ไม่อยากให้น้องอ้อมรักเครียดไปกับพี่ ขอบคุณนะที่ช่วยพี่ ทั้งที่เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ น้องมีน้ำใจมาก ๆ ถ้าพี่จำได้เมื่อไหร่พี่สัญญาเลยว่าพี่จะตอบแทนน้องอ้อมรักทุกอย่าง” เขาคว้ามือของฉันไปจับและยิ้มใสซื่อมาให้ฉัน
“เอ่อ…พี่อาจจะหิว ดึกขนาดนี้แล้วด้วย อ้อมต้มโจ๊กกระปุกให้นะ” ฉันดึงมือออกจากมือของเขา แม้ว่าฉันจะทำงานกลางคืน แต่ว่าฉันพยายามเซฟตัวเองให้มากที่สุด
“ขอบคุณนะครับ” ผู้ชายอะไรยิ้มบ่อย
“อ้อพี่ การที่พี่รักษาตัวอยู่ที่นี่ พี่ต้องฟังอ้อมนะ ตอนนี้เท่ากับว่าอ้อมเอาพี่มาแอบไว้ คนในครอบครัวของอ้อมไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่นี่ และเราจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเราจะซวยกันทั้งคู่” ฉันนึกเรื่องของป้าขึ้นมาได้จึงรีบบอกกับเขาไว้ เกิดออกไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าป้าคงอาละวาดและตบท้ายด้วยการหาผู้ชายรวย ๆ ให้ฉัน
ส่วนผู้ชายคนนี้ก็อาจจะกลายเป็นคนเร่ร่อนถ้าหากว่าพี่เขายังจำอะไรไม่ได้
ป้าของฉันใจดำมาก ใครที่ไม่มีผลประโยชน์ป้าไม่แลตามองให้เสียเวลาอยู่แล้ว
“ขอบคุณนะครับ” เขาเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มอีกแล้ว
“เลิกพูดขอบคุณเถอะค่ะ เอาไว้พี่หายแล้วค่อยขอบคุณอ้อม เพราะที่พี่ลืมทุกอย่างอาจจะผิดที่อ้อมไม่ยอมพาพี่ไปหาหมอ นั่นก็เท่ากับเป็นความผิดของอ้อมด้วย ถ้างั้นพี่รอตรงนี้นะ อ้อมขอเวลาต้มโจ๊กแป๊บเดียว” ฉันยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในครัว
ยอมรับว่าง่วงและเหนื่อยมาก แต่เมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมาก็โล่งใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ตายในห้องของฉัน
และเขาก็น่าเห็นใจนะที่จำอะไรไม่ได้สักอย่าง ถ้าฉันเป็นเขาฉันคงเคว้งมาก