“ทำไมนอนดึก” พี่ทรายเขาถามขณะที่ฉันแกะยาออกจากแผงเพื่อให้เขาได้กินหลังจากที่กินโจ๊กหมดแล้ว
โจ๊กที่ฉันเป็นคนป้อน เนื่องจากเขายังขยับแขนมากไม่ได้
“ป้าของอ้อมเปิดร้านเหล้า เขาให้อ้อมไปทำงานช่วย อ้อมเป็นเด็กชงเหล้า แล้วก็เคลียร์บัญชี ร้านเหล้าอยู่ใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ”
“ขอโทษที่ถามนะ แต่เห็นพูดถึงแต่ป้าหมายความว่า…”
“อ้อมไม่มีพ่อ ส่วนแม่เสียไปตั้งแต่อ้อมยังเด็ก อ้อมอยู่กับยายแล้วก็ป้า ยายเพิ่งเสียไป น่าจะเกือบปีได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยมีป้าคนเดียวที่เป็นคนในครอบครัว ป้าของอ้อมดุมาก พี่ห้ามออกจากห้องนี้นะ แล้วก็อย่าเสียงดังด้วย”
“พี่ทำอ้อมลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่ก็กำลังลำบากนี่นา ใครกันจะอยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ อ้อมเต็มใจช่วย พี่ไม่ต้องคิดมากนะ กินยาแล้วนอนพัก เดี๋ยวอ้อมจะไปอาบน้ำจะได้มานอน ดึกมากแล้ว” ยื่นแก้วน้ำให้ดื่มเรียบร้อยฉันจึงอยากจะอาบน้ำบ้าง
“ครับ” พี่เขาพยักหน้ารับเบา ๆ ฉันก็เลยลุกขึ้นมาเตรียมเสื้อผ้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ
อาบน้ำแล้วก็จะจัดการแต่งตัวในห้องน้ำเลยค่ะ
ผ่านไปสักพักฉันจัดการตัวเองเรียบร้อยจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ มาจัดแจงที่นอนของตัวเอง
“ให้พี่นอนข้างล่างดีกว่านะ อ้อมเป็นเจ้าของห้อง”
“ไม่ได้หรอก พี่ป่วยอยู่นะ จะมานอนข้างล่างได้ไง พี่ไม่ต้องคิดมาก อ้อมนอนได้สบายมาก” ฉันคว้าหมอนมาวางตรงที่นอนด้านล่างของฉัน
“พี่นอนได้แล้วนะ พักผ่อนเยอะ ๆ แล้วถ้าเจ็บปวดตรงไหนเรียกอ้อมได้เลย ฝันดีค่ะ” ฉันเดินมาห่มผ้าให้พี่เขา จากนั้นจึงเดินไปปิดไฟและเดินกลับมาล้มตัวนอนตรงที่นอนที่เพิ่งจัดเสร็จเมื่อครู่
พอหัวถึงหมอนไม่ถึง 2 นาทีฉันก็หลับสนิท
“อยากเข้าห้องน้ำเหรอคะพี่ทราย” เช้าวันใหม่ฉันกำลังเตรียมกับข้าวไว้ให้พี่เขา
“อืม” พี่ทรายเขาขานรับและพยายามจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“อ้อมช่วยดีกว่านะคะ ตอนนี้ร่างกายของพี่ยังไม่หายดี ไม่ฝืนดีกว่าเดี๋ยวมันจะทรุด” ฉันวางของในมือแล้วรีบเดินมาพยุงพี่เขา
“เมื่อไหร่พี่จะหายก็ไม่รู้” พี่เขาพูดตัดพ้อ
“มันต้องใช้เวลานะคะพี่ แล้วเราจะให้หายเหมือนเวลาไปหาหมอก็ไม่ได้ อย่าลืมสิคะว่าเราไม่ได้ไปหาหมอนะ” ฉันพูดพร้อมยิ้มให้กำลังใจ
“พี่ไม่อยากเป็นภาระอ้อมนาน ๆ พี่เกรงใจ ตื่นมาก็นึกว่าจะจำได้ กลับจำไม่ได้เหมือนเดิม”
“เรื่องความจำเราต้องใจเย็น ๆ สิคะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องอ้อมนะ ถือซะว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว อ้อมจะช่วยพี่จนกว่าพี่จะหายดี” ฉันบอกพร้อมทั้งพยุงพี่เขาเข้าห้องน้ำ
“ถ้าเสร็จแล้วเรียกอ้อมได้นะ เดี๋ยวอ้อมมาช่วย” ฉันหมายถึงช่วยพี่เขาทำความสะอาดนั่นแหละ
พี่เขาทำหน้าตื่น ๆ ก่อนที่สองแก้มจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นสีอมชมพู
“เอ่อ… คืออ้อมไม่ได้คิดทะลึ่งนะจ๊ะ อ้อมแค่เห็นว่าพี่ยังทำไมถนัดไง ถ้างั้นอ้อมรอข้างนอกนะ” ฉันรีบพูดแก้ตัวและพาตัวเองออกมาอยู่ด้านนอก รู้สึกใบหน้ามันร้อนวูบวาบแปลก ๆ ไหนจะหัวใจที่เต้นแรงอย่างผิดปกตินี่อีก
ก็ฉันเห็นทุกส่วนของร่างกายเขาแล้วไง ก็เลยคิดว่าไม่น่าแปลกอะไรที่จะยื่นมือเข้าช่วยคนที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ใครจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด
“อ้อมเลิกเรียนบ่ายโมงนะพี่ทราย อันนี้ข้าวต้ม ช่วงนี้พี่ทานอาหารอ่อนไปก่อน แล้วเดี๋ยวอ้อมจะรีบกลับมานะจ๊ะ” ฉันเอากล่องข้าวต้มมาวางข้างเตียงให้พี่เขา เผื่อว่าพี่เขาจะหิว แต่ว่าก่อนหน้านี้ฉันก็ป้อนพี่เขาและให้กินยาเรียบร้อย
จริง ๆ ก็กังวลเรื่องเข้าห้องน้ำของพี่เขาอยู่ แต่ถ้าฉันหยุดเรียนป้าได้ด่าฉันแน่
และการเข้าห้องน้ำเมื่อเช้าพี่เขาก็ทำความสะอาดเอง เรียกให้ฉันช่วยพยุงออกมาอย่างเดียว
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะ พี่สัญญาว่าจะอยู่เงียบ ๆ ไม่ให้ใครสงสัย”
“ค่ะ” ฉันคว้ากระเป๋าสะพายและเดินออกจากบ้าน ล็อกห้องลงกลอนประตูทุกบานเหมือนที่เคยทำ เพื่อที่ป้าจะได้ไม่สงสัย ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา
ฉันเข้าเรียนตามปกติ พี่เปลวรุ่นพี่ต่างคณะยังคงตามตื๊อฉันเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ฉันนับถือในความอยากเอาชนะของเขาจริง ๆ และมองแล้วเขาก็ดูไม่ได้ชอบอะไรฉันมากมายนัก เพียงแค่อยากทำให้คนเห็นว่าในที่สุดก็จีบฉันติด
แต่ฉันคิดว่าพี่เปลวน่าจะเสียเวลาปีกว่าไปโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะฉันไม่มีทางชอบผู้ชายแบบเขา
เวลา 14.02 น.
ฉันกำลังลงจากรถประจำทางหลังจากที่ไปเรียนกลับมาแล้ว และฉันแวะร้านขนมปังชานมเจ้าประจำ สั่งแบบที่เคยสั่ง และยืนรออยู่หน้าร้าน
ระหว่างนั้นฉันก็กดโทรศัพท์มือถือเล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจรอบข้าง กระทั่งมีแรงกระตุกตรงกระโปรงนักศักษา ทำให้ฉันหันไปมอง
“ว่าไงคะน้อง” ฉันเอ่ยถามเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก ซึ่งเธอกำลังจับกระโปรงของฉัน
“เห็นคูมป๊าของหนูไหมคะ” เด็กผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยถาม เธอเริ่มน้ำตาเอ่อคลอ
“หลงกับพ่อเหรอคะ น้องจำเบอร์ของพ่อได้ไหม เดี๋ยวพี่โทรให้” ฉันย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของหนูน้อย
“คูมป๊าหายไปค่ะ หนูคิดถึงคูมป๊า ฮือ ฮือ ฮือ…” รอบนี้หนูน้อยร้องไห้ด้วย
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะน้อง เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน พี่เชื่อว่าต้องมีคนมาตามหาน้องแน่ ๆ ค่ะ” น้องเขาเหมือนลูกคุณหนูมากค่ะ มองจากการแต่งตัวและเสื้อผ้าที่น้องเขาสวมใส่นะคะ
“หนูจะหาคูมป๊า หนูคิดถึงคูมป๊าค่ะ”
“ชู่ว์ ถ้าคิดถึงต้องห้ามร้องนะคะ เดี๋ยวคนจะหาว่าพี่แกล้งหนู เอางี้ กินขนมปังไหมคะ พี่สั่งขนมปังไว้ น้องกินรอคุณป๊าดีไหม” ตรงกับจังหวะที่เจ้าของร้านยื่นขนมปังกับชานมมาให้ฉันพอดิบพอดี
“ค่ะ” หนูน้อยพยักหน้ารับฉันจึงลุกขึ้นยืนจ่ายเงินและพาน้องเขาเดินมานั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้ ๆ กับร้าน เผื่อว่าพ่อของน้องจะมาตามหาน้อง
“นี่ค่ะกินเยอะ ๆ นะคะ เดี๋ยวคุณป๊าก็มารับน้องแล้ว” ฉันยื่นขนมปังให้น้อง พร้อมกับสั่งน้ำเปล่าร้านค้าที่อยู่ข้าง ๆ มาให้น้องด้วย
“พี่ใจดีจังเลยค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ” ในมือเธอถือขนมปังที่ฉันยื่นให้ ดวงตาใสแป๋วมองมาที่ฉัน
“พี่ชื่ออ้อมรักค่ะ แล้วน้องชื่ออะไรคะ”
“หนูชื่อธาราค่ะ คูมป๊าชื่อขุนแผน คูมป๊าหล่อมาก ๆ เลยนะคะ พี่ว่าธาราน่ารักไหมคะ” หนูน้อยตรงหน้าของฉันบอกชื่อของตัวเองและชื่อของพ่อเธอด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
“น้องธาราน่ารักมากค่ะ ชื่อก็น่ารัก เพราะงั้นห้ามร้องไห้นะคะ น้องต้องเข้มแข็ง เดี๋ยวคุณป๊าก็มารับ”
“หนูขอกอดได้ไหมคะ” หนูน้อยเอ่ยขอด้วยแววตาน่าสงสาร
แกคงขวัญเสียที่พลัดหลงกับผู้ปกครองสินะ
“ได้ค่ะ มากอดกัน” ฉันอ้างแขนรอ ส่วนหนูน้อยวางขนมปังไว้ที่กล่อง และเดินมากอดฉัน
“อบอุ่นมากเลยค่ะพี่อ้อมรัก”
“เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้างั้นก็กินขนมปังได้แล้วนะคะ” ฉันยิ้มให้หนูน้อยตรงหน้า เธอเดินกลับไปนั่งที่เดิม และหยิบเอาขนมปังไปกิน เธอกินขนมปังอย่างเอร็ดอร่อย ฉันเปิดน้ำเปล่ายื่นให้เธอเมื่อขนมปังหมด
เธอหันมายิ้มให้ฉัน เธอน่ารักจัง
“เป็นแม่ให้หนูได้ไหมคะ หนูอยากมีแม่ พี่ใจดีมาก คูมป๊าต้องเห็นด้วยแน่ ๆ ถ้าจะเอาพี่มาเป็นแม่” หนูน้อยลงจากม้าหินอ่อนและยืนมองหน้าฉัน
“เอ่อ…”
“น้องธารา!” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรออกไปเสียงเรียกชื่อดังขึ้นพร้อมชายกลุ่มใหญ่วิ่งกันไปทั่ว หนึ่งสายตาของชายกลุ่มนั้นหันมามองฉันและมองหนูน้อย และจากนั้นเขากลุ่มนั้นก็วิ่งตรงมาที่ฉัน
“น้องธารา ออกมาคนเดียวไม่ได้นะครับ รู้ไหมว่าเขาตามหากันให้วุ่น พวกผมตกใจหมดเลย ห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ” ชายคนหนึ่งนั่งลงตรงหน้าหนูน้อยพลางมีสีหน้าโล่งใจ
“ขอโทษค่ะพี่พิช หนูแค่คิดถึงคูมป๊า อยากหาคูมป๊า” หนูน้อยตอบผู้ชายตรงหน้าของเธอ มองแล้วน่าจะเป็นคนสนิทกันถึงได้รู้ชื่อ และหนูน้อยคนนี้ไม่มีท่าทางหวาดกลัว อาจจะเป็นผู้ปกครองของเธอสินะ
“ปลอดภัยก็ดีแล้วครับ แต่ครั้งหน้าห้ามแอบออกมาอีกนะครับ พี่หัวใจจะวาย มีหวังพี่ตายแน่ ๆ ถ้าน้องธาราหายไป เรากลับกันเถอะครับ ไปรอคุณป๊าที่บ้านกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ กลับบ้านก็ได้ แต่ให้คูมแม่กลับไปด้วยได้ไหมคะ” หนูน้อยพูดและหันมามองหน้าฉัน ชายคนนั้นก็ด้วย ไม่สิ ชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มต่างหากที่กำลังมองฉัน
“เอ่อ พอดีว่าฉันเห็นน้องเขาหลงทางมาก็เลยนั่งเป็นเพื่อนค่ะ เผื่อผู้ปกครองน้องจะมารับ ส่วนเรื่องคุณแม่ ฉันคิดว่าน้องน่าจะเข้าใจผิดไป ถ้ายังไงฉันขอตัวนะคะ แล้วก็ช่วยดูแลน้องให้มากกว่านี้หน่อยนะคะอย่าให้แกคาดสายตา แถวนี้มันค่อนข้างอันตราย” ฉันพูดและลุกขึ้นยืน
“พี่ไปก่อนนะคะน้องธารา ต่อไปอย่าแอบออกมาอีกนะคะ” ฉันยิ้มให้หนูน้อยพลางยื่นมือไปลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู
“ไม่มาเป็นคูมแม่จริง ๆ เหรอคะ หนูอยากให้พี่เป็นคูมแม่ของหนูนะคะ”
“พี่ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ ยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย เพราะงั้นพี่ก็ยังเป็นแม่ให้น้องธาราไม่ได้ เอาไว้ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีก แล้วน้องธารายังต้องการให้พี่เป็นแม่ พี่จะเป็นให้นะคะ พี่สัญญา”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ แต่ระหว่างนี้น้องต้องเป็นเด็กดี ห้ามออกไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะว่าข้างนอกอันตรายเยอะมาก และคนใจร้ายก็เยอะ น้องธาราต้องห้ามดื้อ ต้องเชื่อฟังผู้ปกครองนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ หนูจะเชื่อคูมแม่นะคะ” ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ที่มีคนเรียกฉันว่าแม่
“ค่ะ งั้นพี่ไปนะคะ น้องกลับบ้านดี ๆ นะ”
“หนูจะคิดถึงคูมแม่ และจะไม่ลืมคูมแม่นะคะ” หนูน้อยเธอโผเข้ามากอดฉัน ในขณะที่รอบตัวของฉันมีแต่กลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำยืนล้อมอยู่
เหมือนตกอยู่ในดงมาเฟียที่เคยอ่านในนิยายเลยฉัน ถ้าเป็นดงมาเฟียอย่างในนิยาย ฉันอยากจะขอเจ้าพ่อมาเฟียหล่อ ๆ แล้วกัน มองหน้าทีจะได้ฟินทั้งวันทั้งคืน