บทที่ 5

1415 คำ
รีน่าไม่อยากเข้าแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์ใช่ไหมลูก” อัลรีน่ามีอาการตกใจเล็กน้อยกับคำถามแทงใจดำของมารดา ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสราวกับน้ำที่น้อยคนนักจะอ่านและเดาใจเธอถูก ได้เงยหน้าขึ้นมองมารดาด้วยความฉงนสงสัยว่ามารดาเดาถูกได้อย่างไร “ทำไมคุณแม่รู้คะ ว่ารีน่าไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์” “รีน่า แม่เป็นแม่หนูนะ เลี้ยงหนูมาตั้งแต่แบเบาะมีหรือแม่จะเดาใจหนูไม่ถูก” คุณธัญจิรายิ้มอบอุ่นให้บุตรสาวไม่อยากคาดเดาเหตุผลว่า ทำไมนางฟ้าองค์น้อยที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิง เข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายอีสดรีสส์รูปงาม ถึงได้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาในเวลานี้ อัลรีน่ายิ้มเศร้าๆ เลิกปิดบังความรู้สึกของตัวเอง เมื่ออยู่กับมารดาแค่เพียงสองคน “สมัยเด็กๆ รีน่าใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะได้แต่งงานเดินเคียงคู่กับเจ้าชายอีสดรีสส์ผู้กุมหัวใจสาวๆ ทั่วทั้งดาลิยา แต่นั่นก็เป็นความฝันจิตนาการของเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ยังไม่รู้จักคำว่าความรัก แต่สำหรับอัลรีน่าในตอนนี้ ขณะที่นั่งอยู่ตรงหน้าของคุณแม่ เธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์เลยสักนิด ไม่ว่าเจ้าชายจะมีรูปโฉมหล่อเหลาร่ำรวยมากเพียงใด เธอก็ไม่อยากแต่งงานด้วย” “ทำไมอัลรีน่า ทำไมหนูไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์” น้ำเสียงที่เอ่ยถามห้าวทุ้มของบิดาซึ่งยืนอยู่ตรงช่องธรณีประตู ทำเอาสองแม่ลูกถึงกับสะดุ้งเฮือกตกใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะอัลรีน่าที่ตกใจหน้าถอดสีกว่ามารดา ด้วยไม่คิดว่าบิดาจะมาได้ยินการสนทนาของเธอเข้า “รีน่า ทำไมไม่ตอบคำถามพ่อ” พลเอกรอซีรู้สึกตัวว่าในตอนแรกได้กระชากเสียงถามติดห้วนๆ จนลูกสาวตกใจหน้าถอดสี ดังนั้นคำถามที่เปล่งออกมาอีกครั้งจึงแผ่วเบานุ่มนวลกว่าครั้งแรกมาก อัลรีน่ารีบเดินเข้าไปสวมกอดบิดาไว้แน่น แม้บิดาจะเป็นคนดุตามแบบฉบับของนักรบองครักษ์เอกของพระเจ้าแผ่นดิน แต่กระนั้นท่านก็เป็นคนใจดีมีเหตุมีผลเสมอเวลาพูดคุยกับทุกคนในครอบครัว “คุณพ่อคะ รีน่าไม่อยากแต่งงาน รีน่าไม่ได้รักเจ้าชายอีสดรีสส์ คุณพ่อขอร้องเจ้าชายอะดะบีให้ยกเลิกการแต่งงานระหว่างรีน่ากับเจ้าชายอีสดรีสส์เถอะคะ” พลเอกรอซีถอนหายใจยาว เดินหนีลูกสาวไปทรุดตัวลงนั่งใกล้กับภรรยา ซึ่งมีสีหน้าอมทุกข์ใจไม่ต่างจากบุตรสาว “รีน่า รู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่หนูขอร้องพ่อมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เจ้าชายอะดะบีไม่มีทางยกเลิกเรื่องนี้ มีแต่จะเร่งให้หนูกับเจ้าชายอีสดรีสส์เข้าพิธีอภิเษกในเร็ววัน” “รีน่าไม่ได้รักเจ้าชายอีสดรีสส์ รีน่าจะไม่แต่งงานกับคนที่รีน่าไม่ได้รักเป็นอันขาด” อัลรีน่าค้านเสียงแข็ง หัวใจห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง หากบิดาได้เอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว หนทางแห่งอิสรภาพที่จะหลุดพ้นจากการเข้าพิธีแต่งงานก็คงเป็นไปได้ยาก “รีน่าจะไม่แต่งงานไม่ได้ พ่อกับเจ้าชายอะดะบีได้เอ่ยคำมั่นสัญญาต่อกันไว้แล้ว หากเมื่อใดที่ลูกอายุครบยี่สิบสี่ปี ลูกต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายอีสดรีสส์โดยไม่มีข้อแม้” การสนทนาของพ่อลูกเริ่มดุเดือดมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้สุ้มเสียงทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยความละมุนละไม ต่างก็รักษาน้ำใจของกันและกัน แต่เมื่อการสนทนาความคิดเห็นเริ่มขัดแย้งกัน น้ำหนักเสียงอารมณ์ทั้งฝ่ายผู้เป็นบิดาและบุตรสาวต่างก็รุนแรงขึ้นตามๆ กัน “ยังไงรีน่าก็จะไม่แต่ง ทำไมคุณพ่อต้องบังคับรีน่าด้วย การแต่งงานใช้ชีวิตคู่โดยที่คนทั้งสองไม่ได้รักกันจะก่อให้เกิดความสุขขึ้นได้อย่างไร” อัลรีน่าลุกขึ้นยืนกล้าขัดคำสั่งของบิดาเป็นครั้งแรกในรอบปี ไม่ว่าบิดาจะมีเหตุผลใดมาเอ่ยอ้างยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ชีวิตทั้งชีวิตต้องเดินทางอยู่บนเส้นทางแห่งความทุกข์ พลเอกรอซีจับต้นแขนเนียนนุ่มมือของบุตรสาวไว้มั่น “อัลรีน่า ลูกฟังพ่อนะ บุรุษชาติผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้กล่าวคำมั่นสัญญาต่อเจ้าเหนือหัวว่า จะให้บุตรสาวของตนเองได้เข้าพิธีอภิเษกกับโอรสของพระองค์ และเวลานั้นก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว พ่ออยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อไม่อาจเป็นคนตระบัดสัตย์ต่อเจ้าแผ่นดินได้ หากรีน่าไม่ยอมแต่งงาน พ่อก็จำเป็นต้องบอกว่านี่คือคำสั่ง! รีน่าจะขัดคำสั่งของพ่อไม่ได้ถ้าหากต้องจับตัวรีน่ามัดมือมัดเท้าส่งไปให้เจ้าอีสดรีสส์ พ่อก็จำเป็นต้องทำเช่นเดียวกัน” คุณธัญจิราถึงกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาด้วยความสงสารลูกสาว นางอยากมีอำนาจวิเศษเข้าไปช่วยอัลรีน่าในขณะนี้เหลือเกิน การใช้ชีวิตคู่ร่วมกับสามีผู้ที่รักมั่นต่อหน้าที่การงานอันทรงเกียรติเป็นองครักษ์เอกของเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นหน้าที่สืบทอดกันมาของบุรุษชาติในตระกูลฟาติยาซ์ ทำให้นางรู้ว่าสามีนั้นยึดมั่นต่อคำพูดที่ลั่นวาจาออกไปยิ่งนัก หากอัลรีน่าไม่ยอมแต่งงาน นางเชื่อว่าอัลรีน่าต้องถูกทำเช่นดังคำประกาศแน่นอน “อัลรีน่า แม่อยากช่วยหนูเหลือเกิน แต่หนูรู้ใช่ไหมว่าแม่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของพ่อได้” คุณธัญจิราโอบกอดลูกสาว พร้อมกับกระซิบปลอบแผ่วเบาเป็นภาษาไทย ด้วยเกรงว่าสามีซึ่งฟังภาษาไทยออก เพราะนางได้สอนตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันจะได้ยินเข้า “รีน่ารู้ค่ะคุณแม่” อัลรีน่ายิ้มเศร้าๆ ขณะกระซิบตอบมารดา รู้ว่าสิ่งที่มารดาเอ่ยนั้นออกมาจากใจจริง สำหรับเรื่องภายในบ้านคุณพ่อให้เกียรติคุณแม่เสมอ หากเป็นเรื่องนอกบ้านคุณพ่อจะเป็นผู้นำเป็นผู้ตัดสินใจเองทั้งหมดซึ่งเรื่องการเข้าพิธีอภิเษกหรือการถอนหมั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินกว่ามารดาจะคัดค้านได้ หญิงสาวดันกายออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของมารดา ก่อนจะเอ่ยถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณพ่อคะ คุณพ่อจะจับรีน่าส่งให้เจ้าชายอีสดรีสส์ โดยไม่นึกความรู้สึกของหนูเลยหรือคะ” พลเอกรอซีกัดฟันแน่น เอ่ยตอบเสียงหนักแน่นโดยไม่ลังเล “ใช่! หากรีน่าไม่ยอมพ่อก็จำเป็นต้องทำอย่างที่พูด” อัลรีน่ายิ้มขื่นขณะพยักหน้ารับ คำตอบของบิดาเป็นเส้นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หลังจากที่มีลังเลบ้างตอนที่ได้อ่านราชสาส์นจากเจ้าชายอีสดรีสส์ “คุณพ่อคุณแม่คะ รีน่าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกที่อกตัญญูต่อบุพการี แต่รีน่าก็ไม่อยากแต่งงานกับคนที่รีน่าไม่ได้รัก รีน่าอยากมีประสบการณ์ความรักเหมือนคุณพ่อแม่ อยู่ด้วยกันเพราะความภักดีแต่งงานกันด้วยความรัก” “รีน่าเดี๋ยวก่อนลูกอย่าเพิ่งไป” ผู้ที่เป็นแม่ถลาเข้าไปหวังจะฉุดรั้งลูกสาวไว้ แต่นางก็ยังช้าเกินไปเพราะเมื่อเอ่ยตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ เสร็จแล้วอัลรีน่าก็รีบวิ่งออกจากห้องรับแขกทันที เกินกว่าที่ใครจะรั้งไว้ได้ทัน “คุณพี่คะ คุณพี่ไม่สงสารลูกบ้างหรือคะ” คุณธัญจิราหันมาต่อว่าสามีเสียงสั่นเครือ พลเอกรอซีขบฟันแน่นเปล่งเสียงตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ อย่างสำนึกผิดที่ตนเองเป็นตัวต้นเหตุให้บุตรสาวต้องเสียน้ำตา “สงสารสิจิรา ผมก็อยากให้ลูกแต่งงานกับใครสักคน โดยมีความรักความเข้าใจเป็นพื้นฐาน มีความซื่อสัตย์ภักดีเป็นตัวค้ำจุนให้ชีวิตคู่ของลูกสาวเราพบแต่ความสุข และเพราะสงสารลูกผมถึงได้พูดออกไปเช่นนั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม