รีน่าไม่อยากเข้าแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์ใช่ไหมลูก”
อัลรีน่ามีอาการตกใจเล็กน้อยกับคำถามแทงใจดำของมารดา ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสราวกับน้ำที่น้อยคนนักจะอ่านและเดาใจเธอถูก ได้เงยหน้าขึ้นมองมารดาด้วยความฉงนสงสัยว่ามารดาเดาถูกได้อย่างไร
“ทำไมคุณแม่รู้คะ ว่ารีน่าไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์”
“รีน่า แม่เป็นแม่หนูนะ เลี้ยงหนูมาตั้งแต่แบเบาะมีหรือแม่จะเดาใจหนูไม่ถูก”
คุณธัญจิรายิ้มอบอุ่นให้บุตรสาวไม่อยากคาดเดาเหตุผลว่า ทำไมนางฟ้าองค์น้อยที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิง เข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายอีสดรีสส์รูปงาม ถึงได้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาในเวลานี้
อัลรีน่ายิ้มเศร้าๆ เลิกปิดบังความรู้สึกของตัวเอง เมื่ออยู่กับมารดาแค่เพียงสองคน
“สมัยเด็กๆ รีน่าใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะได้แต่งงานเดินเคียงคู่กับเจ้าชายอีสดรีสส์ผู้กุมหัวใจสาวๆ ทั่วทั้งดาลิยา แต่นั่นก็เป็นความฝันจิตนาการของเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ยังไม่รู้จักคำว่าความรัก แต่สำหรับอัลรีน่าในตอนนี้ ขณะที่นั่งอยู่ตรงหน้าของคุณแม่ เธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์เลยสักนิด ไม่ว่าเจ้าชายจะมีรูปโฉมหล่อเหลาร่ำรวยมากเพียงใด เธอก็ไม่อยากแต่งงานด้วย”
“ทำไมอัลรีน่า ทำไมหนูไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามห้าวทุ้มของบิดาซึ่งยืนอยู่ตรงช่องธรณีประตู ทำเอาสองแม่ลูกถึงกับสะดุ้งเฮือกตกใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะอัลรีน่าที่ตกใจหน้าถอดสีกว่ามารดา ด้วยไม่คิดว่าบิดาจะมาได้ยินการสนทนาของเธอเข้า
“รีน่า ทำไมไม่ตอบคำถามพ่อ”
พลเอกรอซีรู้สึกตัวว่าในตอนแรกได้กระชากเสียงถามติดห้วนๆ จนลูกสาวตกใจหน้าถอดสี ดังนั้นคำถามที่เปล่งออกมาอีกครั้งจึงแผ่วเบานุ่มนวลกว่าครั้งแรกมาก
อัลรีน่ารีบเดินเข้าไปสวมกอดบิดาไว้แน่น แม้บิดาจะเป็นคนดุตามแบบฉบับของนักรบองครักษ์เอกของพระเจ้าแผ่นดิน แต่กระนั้นท่านก็เป็นคนใจดีมีเหตุมีผลเสมอเวลาพูดคุยกับทุกคนในครอบครัว
“คุณพ่อคะ รีน่าไม่อยากแต่งงาน รีน่าไม่ได้รักเจ้าชายอีสดรีสส์ คุณพ่อขอร้องเจ้าชายอะดะบีให้ยกเลิกการแต่งงานระหว่างรีน่ากับเจ้าชายอีสดรีสส์เถอะคะ”
พลเอกรอซีถอนหายใจยาว เดินหนีลูกสาวไปทรุดตัวลงนั่งใกล้กับภรรยา ซึ่งมีสีหน้าอมทุกข์ใจไม่ต่างจากบุตรสาว
“รีน่า รู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่หนูขอร้องพ่อมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เจ้าชายอะดะบีไม่มีทางยกเลิกเรื่องนี้ มีแต่จะเร่งให้หนูกับเจ้าชายอีสดรีสส์เข้าพิธีอภิเษกในเร็ววัน”
“รีน่าไม่ได้รักเจ้าชายอีสดรีสส์ รีน่าจะไม่แต่งงานกับคนที่รีน่าไม่ได้รักเป็นอันขาด”
อัลรีน่าค้านเสียงแข็ง หัวใจห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง หากบิดาได้เอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว หนทางแห่งอิสรภาพที่จะหลุดพ้นจากการเข้าพิธีแต่งงานก็คงเป็นไปได้ยาก
“รีน่าจะไม่แต่งงานไม่ได้ พ่อกับเจ้าชายอะดะบีได้เอ่ยคำมั่นสัญญาต่อกันไว้แล้ว หากเมื่อใดที่ลูกอายุครบยี่สิบสี่ปี ลูกต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายอีสดรีสส์โดยไม่มีข้อแม้”
การสนทนาของพ่อลูกเริ่มดุเดือดมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้สุ้มเสียงทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยความละมุนละไม ต่างก็รักษาน้ำใจของกันและกัน แต่เมื่อการสนทนาความคิดเห็นเริ่มขัดแย้งกัน น้ำหนักเสียงอารมณ์ทั้งฝ่ายผู้เป็นบิดาและบุตรสาวต่างก็รุนแรงขึ้นตามๆ กัน
“ยังไงรีน่าก็จะไม่แต่ง ทำไมคุณพ่อต้องบังคับรีน่าด้วย การแต่งงานใช้ชีวิตคู่โดยที่คนทั้งสองไม่ได้รักกันจะก่อให้เกิดความสุขขึ้นได้อย่างไร”
อัลรีน่าลุกขึ้นยืนกล้าขัดคำสั่งของบิดาเป็นครั้งแรกในรอบปี ไม่ว่าบิดาจะมีเหตุผลใดมาเอ่ยอ้างยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ชีวิตทั้งชีวิตต้องเดินทางอยู่บนเส้นทางแห่งความทุกข์
พลเอกรอซีจับต้นแขนเนียนนุ่มมือของบุตรสาวไว้มั่น “อัลรีน่า ลูกฟังพ่อนะ บุรุษชาติผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้กล่าวคำมั่นสัญญาต่อเจ้าเหนือหัวว่า จะให้บุตรสาวของตนเองได้เข้าพิธีอภิเษกกับโอรสของพระองค์ และเวลานั้นก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว พ่ออยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อไม่อาจเป็นคนตระบัดสัตย์ต่อเจ้าแผ่นดินได้ หากรีน่าไม่ยอมแต่งงาน พ่อก็จำเป็นต้องบอกว่านี่คือคำสั่ง! รีน่าจะขัดคำสั่งของพ่อไม่ได้ถ้าหากต้องจับตัวรีน่ามัดมือมัดเท้าส่งไปให้เจ้าอีสดรีสส์ พ่อก็จำเป็นต้องทำเช่นเดียวกัน”
คุณธัญจิราถึงกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาด้วยความสงสารลูกสาว นางอยากมีอำนาจวิเศษเข้าไปช่วยอัลรีน่าในขณะนี้เหลือเกิน
การใช้ชีวิตคู่ร่วมกับสามีผู้ที่รักมั่นต่อหน้าที่การงานอันทรงเกียรติเป็นองครักษ์เอกของเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นหน้าที่สืบทอดกันมาของบุรุษชาติในตระกูลฟาติยาซ์ ทำให้นางรู้ว่าสามีนั้นยึดมั่นต่อคำพูดที่ลั่นวาจาออกไปยิ่งนัก หากอัลรีน่าไม่ยอมแต่งงาน นางเชื่อว่าอัลรีน่าต้องถูกทำเช่นดังคำประกาศแน่นอน
“อัลรีน่า แม่อยากช่วยหนูเหลือเกิน แต่หนูรู้ใช่ไหมว่าแม่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของพ่อได้”
คุณธัญจิราโอบกอดลูกสาว พร้อมกับกระซิบปลอบแผ่วเบาเป็นภาษาไทย ด้วยเกรงว่าสามีซึ่งฟังภาษาไทยออก เพราะนางได้สอนตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันจะได้ยินเข้า
“รีน่ารู้ค่ะคุณแม่”
อัลรีน่ายิ้มเศร้าๆ ขณะกระซิบตอบมารดา รู้ว่าสิ่งที่มารดาเอ่ยนั้นออกมาจากใจจริง สำหรับเรื่องภายในบ้านคุณพ่อให้เกียรติคุณแม่เสมอ
หากเป็นเรื่องนอกบ้านคุณพ่อจะเป็นผู้นำเป็นผู้ตัดสินใจเองทั้งหมดซึ่งเรื่องการเข้าพิธีอภิเษกหรือการถอนหมั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินกว่ามารดาจะคัดค้านได้ หญิงสาวดันกายออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของมารดา ก่อนจะเอ่ยถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณพ่อคะ คุณพ่อจะจับรีน่าส่งให้เจ้าชายอีสดรีสส์ โดยไม่นึกความรู้สึกของหนูเลยหรือคะ”
พลเอกรอซีกัดฟันแน่น เอ่ยตอบเสียงหนักแน่นโดยไม่ลังเล “ใช่! หากรีน่าไม่ยอมพ่อก็จำเป็นต้องทำอย่างที่พูด”
อัลรีน่ายิ้มขื่นขณะพยักหน้ารับ คำตอบของบิดาเป็นเส้นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หลังจากที่มีลังเลบ้างตอนที่ได้อ่านราชสาส์นจากเจ้าชายอีสดรีสส์
“คุณพ่อคุณแม่คะ รีน่าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกที่อกตัญญูต่อบุพการี แต่รีน่าก็ไม่อยากแต่งงานกับคนที่รีน่าไม่ได้รัก รีน่าอยากมีประสบการณ์ความรักเหมือนคุณพ่อแม่ อยู่ด้วยกันเพราะความภักดีแต่งงานกันด้วยความรัก”
“รีน่าเดี๋ยวก่อนลูกอย่าเพิ่งไป”
ผู้ที่เป็นแม่ถลาเข้าไปหวังจะฉุดรั้งลูกสาวไว้ แต่นางก็ยังช้าเกินไปเพราะเมื่อเอ่ยตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ เสร็จแล้วอัลรีน่าก็รีบวิ่งออกจากห้องรับแขกทันที เกินกว่าที่ใครจะรั้งไว้ได้ทัน
“คุณพี่คะ คุณพี่ไม่สงสารลูกบ้างหรือคะ” คุณธัญจิราหันมาต่อว่าสามีเสียงสั่นเครือ
พลเอกรอซีขบฟันแน่นเปล่งเสียงตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ อย่างสำนึกผิดที่ตนเองเป็นตัวต้นเหตุให้บุตรสาวต้องเสียน้ำตา
“สงสารสิจิรา ผมก็อยากให้ลูกแต่งงานกับใครสักคน โดยมีความรักความเข้าใจเป็นพื้นฐาน มีความซื่อสัตย์ภักดีเป็นตัวค้ำจุนให้ชีวิตคู่ของลูกสาวเราพบแต่ความสุข และเพราะสงสารลูกผมถึงได้พูดออกไปเช่นนั้น”