บทที่ 2

1342 คำ
“ใครจะออกเรือนมีลูกมีหลานเร็วยังไงรีน่าก็ไม่สนใจหรอกค่ะ รีน่ายังอยากใช้ชีวิตโสดไปอีกสักสามสี่ปี เป็นคุณครูสอนศิลปะเด็กๆ ไปเรื่อยๆ รีน่ายังไม่อยากคิดถึงเรื่องคู่ครองในตอนนี้” อัลรีน่าตีหน้าเมื่อย ขณะหลบเลี่ยงสายตาของแม่นมด้วยการเดินไปเก็บอุปกรณ์วาดภาพระบายสีทั้งของตัวเองและของเด็กๆ ลงในกล่องผ้าใบใหญ่ เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ให้สมกับความอึดอัดในเรื่องที่กำลังตกเป็นหัวข้อการสนทนาในขณะนี้ เพราะใช่จะมีแค่แม่นมอัยนูนเท่านั้นที่คอยย้ำเตือนเร่งเร้าเรื่องคู่ครองของเธอ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างจากแม่นม คราใดที่ได้พบหน้ากันบุพการีทั้งสองก็มักจะเอ่ยพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรก แม่นมอัยนูนก้าวไปดักหน้าคุณหนูรีน่าจอมเลี่ยง จากนั้นก็จับยึดต้นแขนเนียนขาวผ่องไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใครอยากออกเรือนมีครอบครัวช้าๆ นมไม่ว่า แต่นมอยากให้คุณหนูได้นึกถึงคำมั่นสัญญาที่ท่านนายพลได้เอ่ยไว้กับเจ้าชายอะดะบี คุณหนูรีน่าอย่าให้คุณพ่อคุณแม่ต้องกลายเป็นคนตระบัดสัตย์ต่อเจ้าแผ่นดินเลยนะคะ” อัลรีน่าชะงักมือที่กำลังเก็บอุปกรณ์งานศิลปะ หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสราวกับผืนน้ำที่เต็มไปด้วยความลำบากใจไม่ให้นมอัยนูนได้เห็น “ที่นมมาหารีน่าก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ” “ใช่ค่ะ องครักษ์ของเจ้าชายอะดะบีกำลังเดินทางมาที่บ้าน เพื่อเป็นตัวแทนคุยกับท่านนายพลและคุณผู้หญิงในเรื่องนี้ นมคิดว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็คงเดินทางมาถึงแล้ว” เอ่ยออกไปแล้วแม่นมอัยนูนก็ได้แต่หวั่นๆ เกรงว่าจะเจอปฏิกิริยาต่อต้านจากคุณหนูผู้เลอโฉมงดงาม แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อได้เห็นท่าทีที่ค่อนข้างสงบไม่โวยวายแม้แต่นิดเดียวของคุณหนูอัลรีน่า “นมไปเรียนคุณพ่อคุณแม่นะคะว่าอีกสักครู่รีน่าจะเข้าไปพบ รีน่าขอไปเปลี่ยนชุดที่เปื้อนด้วยคราบสีก่อน” “คุณหนูรีน่าคะ...” แม่นมครางเรียกเสียงแผ่วเบา ทำท่าจะเข้าไปสวมกอดร่างบางไว้ด้วยความสงสาร แต่คุณหนูอัลรีน่าของนางก็เบี่ยงกายออกห่างไม่ยอมรับอ้อมแขนอันอบอุ่น “นมรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะรอ” อัลรีน่าเอ่ยบอกเบาๆ รอจนกระทั่งร่างของแม่นมอัยนูนเดินออกไปจากสวนพฤกษชาติแล้ว จึงได้ทิ้งตัวลงนั่งด้วยความอ่อนล้า พลางย้อนนึกคิดไปถึงความตื่นเต้นของเด็กหญิงตัวเล็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน ‘คุณแม่คะ โตขึ้นรีน่าจะได้เป็นเจ้าหญิงหรือเปล่าคะ’ คุณธัญจิราหัวเราะเบาๆ กับคำถามของลูกน้อยที่เอี้ยวตัวหันมาถาม ดวงตากลมโตสีอ่อนใสเปล่งประกายตื่นเต้นสุกสกาวกับความใฝ่ฝันของตัวเอง ‘รีน่าจะได้เป็นเจ้าหญิงแน่นอนจ้ะ เมื่อไรที่รีน่าเติบโตถึงวัยอันสมควร เจ้าชายอะดะบีจะส่งองครักษ์มารับตัวหนูไปอยู่ที่พระราชวัง’ ขณะที่เอ่ยบอกลูกสาวตัวเล็ก มือของผู้ที่เป็นแม่ก็สางผมซึ่งยาวถึงกลางหลังให้ลูกสาวจนเป็นมันทิ้งตัวเงางาม จากนั้นก็หยิบริบบิ้นสีชมพูอ่อนมามัดให้อย่างเรียบร้อยเพื่อไม่ให้ลูกสาวรำคาญ ‘เจ้าชายอะดะบีจะรับรีน่าไปอยู่กับเจ้าชายอิสดรีสส์ถูกไหมคะ’ เด็กน้อยนัยน์ตาสวยสีอ่อนใสราวกับน้ำช่างซักช่างถามมารดาไม่ได้หยุด ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อขยับแย้มยิ้มหวาน ขณะนึกถึงภาพของตัวเองเวลาได้เป็นเจ้าหญิงเดินเคียงคู่กับเจ้าชายอิสดรีสส์ อัลดาลีฟ โอรสเพียงองค์เดียวของเจ้าชายอะดะบี อัลดาลีฟ ‘เจ้าชายอะดะบีตรัสบอกว่า ถ้าหากรีน่าอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์เมื่อไร พระองค์จะจัดพิธีอภิเษกให้รีน่ากับเจ้าชายอิสดรีสส์’ ผู้ที่เป็นแม่แย้มยิ้มกว้างอยากให้เวลานั้นมาถึงเร็วไว เพื่อที่นางจะได้เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝามีบุรุษหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้นำได้มาคุ้มครองคอยดูแลอัลรีน่าต่อจากนาง ‘คุณแม่คะ เจ้าชายอีสดรีสส์หล่อไหมคะ’ เรียวปากเล็กแดงระเรื่อที่ขยับขึ้นลงตั้งคำถามไม่ได้หยุด กอปรกับดวงตาสีอ่อนใสสวยงามที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาตื่นเต้นสุกสกาว ทำเอาผู้ที่เป็นแม่ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ‘อืม...เจ้าอีสดรีสส์หล่อมากดูภูมิฐานสมกับเป็นบุรุษชาติอาหรับ’ เป็นความสัตย์จริงตามที่ผู้เป็นแม่ได้เอ่ยบอกลูกสาวตัวน้อย เจ้าชายอีสดรีสส์มีพระวรกายที่งดงามดูภูมิฐานหล่อเหลา แม้จะมีพระชันษาแค่เพียงยี่สิบปี แต่ก็หล่อเหลาคมเข้มติดอันดับหนึ่งในสิบของเจ้าชายในดินแดนตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่หมายปองแก่สาวๆ ทั่วทั้งโลก ‘รีน่าไม่ได้พบเจ้าชายนานแล้ว เจ้าชายลืมรีน่าไหมคะ แล้วเจ้าชายจะรักรีน่าหรือเปล่า’ ผู้ที่เป็นแม่ส่ายหน้ายิ้มๆ กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ขณะที่เจ้าตัวได้หลุดถามออกมา มืออบอุ่นของแม่โอบประคองใบหน้าน่ารักที่ส่อแววโตขึ้นต้องสวยสง่างามไม่แพ้เทพีอาหรับไว้ในอุ้มมือ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม ‘เจ้าชายต้องไปศึกษาต่อที่อีกฟากหนึ่งของโลกคือประเทศอเมริกา อีกไม่นานก็สำเร็จการศึกษานำความรู้มาพัฒนาประเทศของเรา’ ‘คุณแม่ยังไม่ตอบรีน่าเลยว่าเจ้าชายจะรักรีน่าไหม แล้วถ้าเจ้าชายเจอผู้หญิงที่สวยกว่ารีน่าเจ้าชายจะลืมรีน่าหรือเปล่า’ เด็กน้อยยังไม่เข้าใจในเรื่องความรัก ไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘รัก’ ได้ตั้งคำถามซักไซ้มารดาไม่ได้หยุด อัลรีน่าในวัยสิบขวบที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าหญิง คิดเพียงแค่ว่าการได้สวมชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องประดับอัญมณีงดงามเดินเคียงคู่กับเจ้าชายอีสดรีสส์ เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความรัก ‘ไม่ว่าเจ้าชายจะพบเจอสาวๆ ในโลกตะวันตกกี่ร้อยกี่พันคน เจ้าชายอีสดรีสส์ไม่มีทางลืมองค์หญิงตัวน้อยๆ แห่งบ้านฟาติยาซ์ได้หรอกจ้ะ’ ผู้ที่เป็นแม่เอ่ยตอบพร้อมกับแกล้งลูกสาวด้วยการหยิกพวงแก้มยุ้ยๆ แดงปลั่งทั้งสองของลูก ก่อนจะเอ่ยต่อ ‘ลูกของแม่สวยน่ารัก มีนัยน์ตาสีอ่อนใสราวกับผืนน้ำ เป็นมนต์เสน่ห์มัดใจชายหนุ่มทั่วทั้งประเทศและแม่เชื่อว่าแม้แต่เจ้าชายอีสดรีสส์เองก็จะต้องมนต์เสน่ห์ของรีน่า’ อัลรีน่าในวัยสิบขวบคลี่ยิ้มแป้นจนตาหยีด้วยความดีใจ แต่...อัลรีน่าคนที่นั่งอยู่ในสวนพฤกษชาติในขณะนี้ไม่ได้แย้มยิ้มด้วย ความใฝ่ฝันในยามเยาว์วัยกับความต้องการของหัวใจในห้วงปัจจุบันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก “อัลรีน่าไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์ เพราะรีน่าไม่ได้รักเจ้าชาย” อัลรีน่ายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพึมพำกับสายลมคลื่นละอองเม็ดทรายที่มีอยู่เต็มแผ่นดินดาลิยาจากนั้นก็ผุดลุกขึ้นก้าวเท้าช้าๆ ราวกับหนักอึ้งเสียเต็มประดาไปที่ห้องนอนของตัวเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม