ตอนที่ 10
ลูกน้อง
ทันทีที่กรุงโรมกลับมายังบ้านตัวเอง เขาก็รีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นร่างบางยังนอนหลับสนิทเลยค่อยๆ ย่องเข้าไปหาเธอก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียง
“เปลี่ยนชุดหน่อยนะ”
“อื้อ” ร่างบางพลิกตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ยากสำหรับกรุงโรมที่จะทำการเปลี่ยนชุดให้เธอ
ชุดที่พินอินให้มาเป็นชุดเดรสยาวสีฟ้าสดใส แขนตุ๊กตาแลดูน่ารัก ยิ่งพออยู่บนตัวของวาวายิ่งทำให้เธอดูคล้ายตุ๊กตาเจ้าหญิงมากทีเดียว
“เปลี่ยนเป็นชุดนี้แล้วค่อยหายใจคล่องหน่อย”
“อื้อ เสียงดังจัง” ดวงตากลมโตสะลึมสะลือขึ้น กรุงโรมจึงรีบเข้าไปลูบหัวเธอเพื่อกล่อมให้เธอนอนต่อ
“นอนนะ ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรง”
วาวาพยักหน้าอย่างว่าง่ายเพราะสภาพเธอตอนนี้ไม่เหมาะที่จะขัดขืนอะไร แต่ก่อนจะหลับไปหญิงสาวก็ได้พึมพำออกมาเสียงเบาซึ่งคนหูดีได้ยินมันชัดเต็มสองหูเลยทีเดียว
“อยากกินแกงจืดเต้าหู้หมูสับจัง”
“ผู้หญิงอะไรวะ ป่วยแล้วยังจะห่วงกิน”
กรุงโรมค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียง ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้เธอแล้วจึงค่อยๆ เดินออกจากห้องไปด้วยความระมัดระวังกลัวเสียงดังจะรบกวนคนป่วย
“นายน้อยครับ”
“เฮ้ย ตกใจหมดไอ้เชฟ”
กรุงโรมยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ เมื่อลูกน้องคนสนิทเข้ามาแบบไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง
“นายน้อยจะย่องทำไมครับ นายน้อยกลัวรบกวนคุณวาวาเหรอครับ” เชฟถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทั้งที่ในใจแอบนึกคำเจ้านายตัวเองที่ปากช่างไม่ตรงกับใจเสียเลย
“เปล่า กูแค่ฝึกย่องเบา”
“ฝึกย่องเบา?”
“เออสิ” กรุงโรมกระแอมเบาๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการหันไปสั่งลูกน้องแทน
“มึงมาก็ดี ไปซื้อของให้กูหน่อย”
“ซื้ออะไรครับ”
“วัตถุดิบทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ”
“อะไรนะครับ” เชฟถามทวนซ้ำแทบทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ตั้งแต่เขาดูแลกรุงโรมมา เจ้านายไม่เคยทำอาหารเลยสักครั้งแต่นี่ดันสั่งให้เขาไปซื้อวัตถุทำแกงจืดเสียอย่างนั้น
“ตามนั้นแหละ ทุกอย่างต้องครบภายในครึ่งชั่วโมง”
สั่งเพียงเท่านั้นกรุงโรมก็เดินลงไปชั้นล่างโดยไม่หันกลับมามองลูกน้องอย่างเชฟที่ยืนเกาหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“ท่าทางนายน้อยจะเป็นเอามาก”
กรุงโรมประชุมงานรอเชฟซื้อของที่เขาสั่งกลับมา ซึ่งหัวข้อในการประชุมวันนี้เป็นเรื่องของเจฟเฟอร์ เป้าหมายทางธุรกิจของเขาเมื่อวาน
“จากการตรวจสอบพบว่ารอยนิ้วมือที่นายให้มาสามารถใช้ได้ครับ” ลูกน้องรายงานผลตรวจพร้อมทั้งยื่นเอกสารให้กรุงโรมตรวจสอบอีกครั้ง
“อืม ส่งงานให้คุณอรุณได้เลย”
“ได้ครับนาย”
อรุณคือนายตำรวจใหญ่ที่ขอให้กรุงโรมช่วยงานในครั้งนี้ ซึ่งการทำงานแต่ละครั้งกรุงโรมจะสืบประวัติของคนจ้างงานรวมถึงจุดประสงค์ของงานที่พวกเขาจ้างก่อนจะรับงานทุกครั้ง เพราะถึงเขาจะเลวเพียงใดแต่เขาก็ไม่ทำงานเพื่อสนับสนุนคนชั่วเด็ดขาด
ส่วนใหญ่งานที่เขารับจะเป็นการขายความลับของธุรกิจภายใน มีผลจำเพาะเจาะจงเป็นกลุ่มไม่มีผลกระทำต่อบุคคลภายนอก แต่สำหรับงานนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจแต่เป็นเรื่องของคดีความ
นายตำรวจใหญ่อย่างอรุณต้องการใช้ลายนิ้วมือของเจฟเฟอร์ในการเข้ารหัสลับเพื่อเปิดโปงเบื้องหลังที่ผิดกฎหมายของเจฟเฟอร์ กรุงโรมเลยยอมรับงาน
“อีกอย่าง สายของเรารายงานให้ระวังเจฟเฟอร์ไว้ครับเพราะดูเหมือนมันจะกำลังแค้นนายมากจากเหตุการณ์เมื่อวาน”
“ช่างมัน คนอย่างมันทำอะไรกูไม่ได้หรอก แล้วเรื่องไทเกอร์ว่ายังไง”
“คิเรเพิ่งได้รับรายงานใหม่จากสาย ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ครับ”
พูดไม่ทันขาดคำ คิเรก็เดินเข้ามา
“ขออนุญาตครับนาย”
“เชิญ”
“นี่เอกสารและภาพถ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาดีลตอนที่อยู่กับคุณรัสเซียครับ”
ย้อนกลับไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน กรุงโรมได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าพี่สาวของเขาโดนยิง อาการสาหัสกำลังเข้ารับรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง
ผลการรักษาคือพี่สาวของเขาพ้นขีดอันตราย แต่เธออยู่ภาวะ PTSD[1] หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นโรคทางจิตที่เกิดจากการเจอเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งตอนนี้รัสเซียพี่สาวของกรุงโรมยังไม่สามารถเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เจอได้เนื่องจากเมื่อพูดถึงเธอคล้ายเห็นภาพหลอน
ที่น่าแปลกคือรัสเซีสจะพึมพำชื่อของวาดีลตลอดเวลา สุดท้ายกรุงโรมจึงตัดสินใจส่งพี่สาวของเขากลับไปรักษาที่บ้านพ่อกับแม่ของเขาที่อังกฤษ ส่วนตัวเขาเองก็มาสืบหาความจริง
“มันดูขัดแย้งกับข้อมูลบางอย่างที่ไทเกอร์ให้มานะ”
ไทเกอร์คือคู่หมั้นของรัสเซีย เมื่อทราบข่าวรัสเซียจึงรีบมาหากรุงโรมทันทีโดยยืนยันว่าวาดีลเป็นคนทำอย่างแน่นอน พร้อมทั้งภาพถ่ายหลักฐานตอนที่วาดีลอยู่กับพี่สาวของเขา ในตอนแรกกรุงโรมค่อนข้างเชื่อ แต่มาช่วงหลังเขาได้รับข้อมูลบางอย่างจึงเริ่มไม่ไว้ใจไทเกอร์ สั่งให้คนไปสืบเรื่องนี้มาเพิ่ม
“ได้อะไรมาบ้าง?”
“ข้อมูลที่ได้ชี้ชัดว่าวาดีลและคุณรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะครับ สิ่งที่คุณไทเกอร์บอกไม่มีมูลความจริงเลยครับ ถึงแม้ว่าภาพที่คุณไทเกอร์ให้มาจะเป็นของจริง แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดเหมือนเป็นการตั้งใจถ่าย มีการเซตมุมกล้องคล้ายว่าเรื่องนี้มีการวางแผนอยู่ก่อนแล้วครับ”
“หึ มึงคิดจะหลอกกูเหรอไทเกอร์”
“เราจะเอาไงต่อดีครับนายน้อย”
“เร่งให้คนของเราหาวาดีลให้เจอ และสืบเรื่องไทเกอร์มาอย่างละเอียด”
“ได้ครับนายน้อย ผมมีเรื่องอยากจะเรียนนายน้อยอีกอย่างครับ” คิเรพูดเสียงเบา ในน้ำเสียงมีความไม่มั่นใจอยู่ในนั้นซึ่งผิดวิสัยของคนที่ถูกฝึกมาอย่างดี
กรุงโรมหันไปมองลูกน้องด้วยความสงสัย
“มีอะไร”
“คือตอนสืบเรื่องนี้ ผมให้คนสืบข้อมูลคุณวาวาเพิ่มและให้คนคอยติดตามคุณวาวาครับ”
ปัง!
มือหนาตบลงบนโต๊ะเสียงดัง ลูกน้องในห้องต่างก้มหน้ากันไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองกรุงโรมสักคน
“กูสั่งมึงรึไง!”
“เปล่าครับ”
“แล้วมึงเสือกทำไม”
“คือคุณวาวาดีกับพวกผมมาก พวกผมเลยคิดอยากหาข้อมูลความดีของเธอมายืนยันกับนายน้อยครับ”
“เหอะ เสือกไม่เข้าเรื่อง”
“ผมขอโทษครับ แต่จากข้อมูลที่สืบมาคุณวาวาเธอเป็นคนดีและน่าสงสารจริงๆ นะครับ เธอมีวาดีลเป็นญาติคนเดียว ตอนนี้เธอก็เปรียบเสมือนอยู่ตัวคนเดียว ผมอยากให้นายน้อยดีกับเธอหน่อยได้มั้ยครับ” คิเรรายงานออกไปตามข้อมูลที่ได้มาพร้อมทั้งขอร้องเจ้านายเรื่องวาวาอีกแรงเพราะพวกเขาเห็นใจวาวากันจริงๆ
กรุงโรมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กอดอกมองลูกน้องด้วยรอยยิ้มยากจะคาดเดา
“มึงล่ะไอ้นาย มึงคิดว่าวาวาเป็นยังไง”
“คุณวาวาทั้งสวยและจิตใจดีครับ แถมยังมีน้ำ...”
“หยุดพูดแล้วลงไปวิดพื้นสามพันครั้ง”
ลูกน้องทั้งสองเบิกตากว้างมองผู้เป็นเจ้านายด้วยความไม่เข้าใจ กรุงโรมเลยเฉลยต้นเหตุแห่งการลงโทษครั้งนี้
“กูเห็นพวกมึงว่างไปสืบเรื่องวาวาได้ เลยอยากหาอะไรให้ทำสักหน่อย”
“แต่นายน้อยครับ”
“ปฏิบัติเดี๋ยวนี้ แล้วจำไว้ทีหลังห้ามเสือกเรื่องวาวาถ้ากูไม่ได้สั่ง”
“รับทราบครับ”
เชฟเดินถือวัตถุดิบสำหรับทำแกงจืดเข้ามาในบ้านถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง มองไปยังรุ่นน้องสองคนที่กำลังวิดพื้นด้วยความประหลาดใจ วันนี้ไม่ใช่วันฝึกซ้อมร่างกายสักหน่อย ทำไมถึงลงไปวิดพื้นกันอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นครับนายน้อย” เมื่อเดินเข้าใกล้เห็นเจ้านายยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ไกลจึงรีบเข้าไปถาม
“เปล่าหรอก กูแค่หาอะไรให้พวกที่ว่างชอบเสือกเรื่องเมียคนอื่นทำ”
พูดเพียงเท่านั้นเชฟก็เข้าใจทันทีแต่ไม่สามารถช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหันไปยิ้มให้กำลังใจรุ่นน้อง
เขาเตือนพวกมันแล้วว่าวาวาเป็นของต้องห้าม อย่าคิดไปยุ่งหรือแตะต้องเด็ดขาด ถึงจะทำเพื่อช่วยหญิงสาวก็เถอะ ยังไงนายน้อยของพวกเขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ทางทีดีคือคอยดูอยู่ห่างๆ ดีที่สุดแล้ว
[1] ข้อมูลเพิ่มเติม : โรค PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Disorder เป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่เกิดจากสภาวะจิตใจของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้ายซึ่งผู้ป่วยอาจจะเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง หรือเป็นผู้ที่ได้รับการสูญเสียจากเหตุการณ์ทางอ้อม แหล่งอ้างอิง : https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/PTSD