“เดี๋ยวเถอะลูกนี่” คนเป็นแม่รีบเอ็ดขัดคำพูดของเธอทันที นึกขึ้นได้ว่าลืมสั่งคนครัวให้ทำสละลอยแก้ว เลยเลี่ยงออกไปสั่งงานก่อนจะลืมอีก
ภูผาหันไปร้องขออะไรสักอย่างกับกล้วย ทางนั้นรีบวิ่งปรู้ดไปเอาให้ คนที่รอสบจังหวะที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ก็ค่อยเลื่อนมือจับแก้วน้ำของตัวเอง พูดยั่วเธอ “ไหนว่าเป็นลูกคนเดียว มีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไร สงสัยจะเพิ่งมี ตอนที่เข้ามาได้ยินว่ากำลังจะมี…คู่แข่ง นี่อย่าบอกนะว่ายังตัดใจไม่ได้ ก็เลยออกอาการหึงหวง ระวังคนอื่นเขาจะมองออก”
ประโยคถามยั่วยุของภูผา ทำเธอทั้งโกรธทั้งอาย ผุดลุกจากเก้าอี้ เค้นเสียงใส่เขาไปว่า “แหม...คิดได้นะ” ไม่มีคำพูดตอบกลับ มีเพียงสายตาที่มองตอบมาอย่างกับรังสีเอกซเรย์ คล้ายจะเห็นทะลุปรุโปร่งถึงความรู้สึกของเธอ ปลายฝนรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
ภูผากลายเป็นพวกหลงตัวเองไปแล้วหรืออย่างไร
หลงตัวเองไม่พอ ยังเป็นหมอโรคจิตด้วย
ก็ถ้าเธอยังตัดใจไม่ได้จริง ๆ ยังรู้สึกกับเขาอยู่ แต่เขาไม่ได้คิดแม้แต่จะชอบผู้หญิง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย มันไม่ตลกหรืออย่างไร
ปลายฝนไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นตัวตลกในสายตาใคร
โดยเฉพาะสายตาของภูผา
ภูผาตั้งท่าจะยั่วต่อ แต่พอดีว่ามีเสียงเอื่อยของแม่ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน “ทะเลาะอะไรกันอีก”
ภูผาจึงหันไปตอบว่า “พรุ่งนี้ผมว่างทั้งวันครับ คุณแม่นัดน้องมิราให้ผมเลยก็ได้ คราวก่อนที่เจอกัน น้องเขาก็น่ารักดี คุยสนุกด้วย”
“น้องชื่อมิรินจ้ะ” ปิยมาภรณ์แก้ไขชื่อ อมยิ้มก่อนจะกล่าวต่อ “แม่จะบอกทางแม่น้องมิริน ว่าลูกขอนัดน้องกินข้าว ดีไหมภู”
ภูผาพยักหน้าว่าเอาที่มารดาสบายใจได้เลย ปิยมาภรณ์เห็นท่าทีโอนอ่อนของภูผาก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ ยิ้มให้มารดา ภูผาเลื่อนสายตามองเลยมาที่เธอ ปลายฝนเห็นแล้วก็ให้รู้สึกออกร้อนหน้าผ่าว ๆ เธอไม่ได้รู้สึกอะไร แล้วหยิบอาหารกินอย่างต้องการระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
“แล้วเรื่องที่ลูกถูกเฉี่ยวชน จะให้ทนายมนูญจัดการให้เลยไหม”
นายแพทย์หนุ่มพยักหน้าเห็นพ้องด้วย “ดีครับ ผมเซฟคลิปเก็บลงเครื่องเอาไว้ในห้องแล้ว กลับมาช่วงเย็น ๆ ผมเอามาฝากไว้ที่คุณแม่นะครับ”
“ได้ลูก ต้องเก็บหลักฐานให้ดี ๆ เดี๋ยวนี้พวกขับรถไม่มีความรับผิดชอบเยอะแยะไปหมด ฝนนี่ก็เคยเจอพวกมาชนแล้วก็อ้างว่าไปปาดหน้าด้วยนะ”
ปลายฝนไม่ทันฟัง ได้ยินชื่อตัวเอง ได้ยินว่า ‘ปาดหน้า’ ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ภูผาอมยิ้มถามมารดากลับไปแค่ว่า “หรือครับ”
เหลือบมองทางภูผา เห็นเขายิ้มมุมปาก มองมาด้วยสายตาเหมือนจะยิ้มได้ ขณะกล่าวคล้อยตามมารดาไปว่า “พวกนี้ต้องถูกจับบ้างครับ ไม่อย่างนั้นก็ลอยนวล สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นได้อีก”
ปลายฝนเริ่มกินไม่ลง ไม่ใช่ว่ากลัวจะถูกจับอะไรนั่นหรอก แต่เธอหงุดหงิด ที่เหมือนกับว่าถูกยัดใส่ลงในถุง ผูกปากจนแน่น แล้วโดนภูผาจับขว้างเล่นอย่างไรอย่างนั้นเลย
จึงวางช้อนส้อมลง ขยับตัวลุกยืน บอกเสียงแข็งว่า “ฝนไปแต่งตัวก่อนนะคะคุณแม่ ไม่อยากถูกจับ...” พูดออกมาแล้วก็นิ่งไป เห็นสายตาของมารดามองมาอย่างแปลกใจ ก็ค่อยกระแอมเบา ๆ ก่อนแก้ใหม่ว่า “หมายถึงไม่อยากถูกจับผิดค่ะ วันนี้มีประชุมช่วงสายด้วย เที่ยงมีนัดคุยงานกับพี่พีชต่ออีก”
ปิยมาภรณ์ค่อยพยักหน้าน้อย ๆ อย่างพอเข้าใจได้ สายตาที่มองอย่างแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชมในนาทีต่อมา กล่าวหยอกล้อไปว่า “อย่าทำดุใส่พี่ ๆ น้า ๆ อา ๆ ในห้องประชุมนะลูก”
“ดุอะไรกันคะ เวลาประชุมก็ต้องเข้มหน่อยไง”
“แม่เคยไปนั่งฟังอยู่ที ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเลยนะภู ว่าฝนจะเข้มดุได้ขนาดนั้นน่ะ” เล่าจบหันไปลากภูผาเข้ามาสนทนาด้วยกัน “ภูดูเถอะ เวลาอยู่บ้าน ฝนทำตัวง้องแง้งขนาดไหน แล้วพอเข้าบริษัทนะ กลายเป็นอีกคนไปเลย อย่างกับถูกวิญญาณซีอีโอจอมเคี่ยวเข้าสิง”
ปลายฝนทำหน้างอ ถามมารดากลับ “ชมฝนใช่ไหมคะ”
“ชมค่ะ”
ภูผามองสตรีสองคนตรงหน้า ก็ผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ ยิ้มอย่างเดียว ไม่เอ่ยอะไรออกไปให้เป็นการขัดช่องขัดจังหวะของทั้งคู่
ปลายฝนไม่สนใจมองที่เขาอีก บอกกับมารดา “ฝนไปนะคะ” แล้วหมุนตัว เดินออกไปทันที
คนเป็นแม่มองตามแล้วก็บ่นเชิงเอ็นดู “บ้างานกันหมด” แล้วเล่าให้คนที่ยังนั่งอยู่ฟังต่อจากนั้นว่าปลายฝนมีคนมาจีบหลายราย ร่ายตั้งแต่ลูกชายคนนั้น ไปยังหลานชายคนนี้
ภูผานั่งฟังเงียบ ไม่ขัด
ปิยมาภรณ์นิ่งไปครู่ ก่อนจะแซวยิ้ม ๆ “ดูซิว่าลูกชายหรือลูกสาวของแม่จะสละโสดก่อนกัน…วันนี้ลูกไปไหนหรือ” ท้ายประโยคทวนถามถึงธุระของเขา
ภูผาเงียบอยู่อึดใจ หันไปสบตาพร้อมกับตอบมารดาว่า
“อาจารย์ให้ช่วยบรรยายตอนสิบโมงครับ”
“ฝากทักทายหมอวินด้วยนะ ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยได้เจอกับบ้านนั้นเลย ทั้งหมอวินทั้งคุณถิงถิง”
“ครับ” ภูผาตอบรับ หยิบแก้วน้ำข้างมือขึ้นดื่มอีกครั้ง มองผ่านความใสของน้ำ ผ่านก้นแก้ว ไปยังทิศทางที่ปลายฝนเดินจากไป พร้อมด้วยอาการร้อนรุ่มไม่แพ้กัน ค่อยลดแก้วลงวางไว้อย่างเดิม ทิ้งช่วงครู่ใหญ่ หยิบมือถือขึ้นดูอะไรในนั้น รอจังหวะแล้วถึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
“นายนั่นไปแล้วหรือคะพี่กล้วย”
ปลายฝนถามพี่เลี้ยงหลังจากขึ้นมารี ๆ รอ ๆ ที่ห้องได้ครู่ใหญ่ กล้วยมองตอบด้วยสีหน้างุนงง “นายไหนหรือคะคุณหนู”
ปลายฝนส่งเสียงขัดอกขัดใจ แล้วก็ว่า “ก็หมอภูของพี่กล้วยยังไงล่ะคะ”
“อ๋อ พี่ได้ยินเสียงรถออกไปแล้วนี่คะ”
ได้ยินว่าภูผาออกไปแล้ว ปลายฝนก็เรียกพี่เลี้ยงเสียงหวานหยด “พี่กล้วยขา”
“ว่าไงคะคุณหนู”