: CHAPTER 4 : Older twin brother

1407 คำ
: CHAPTER 4 : Older twin brother            เมอร์เซเดสเบนซ์สีบรอนซ์เงิน รถประจำตำแหน่งแล่นฉิวไปพร้อมด้วยความคิดหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องแฟนที่วีณาพูดขึ้นมาให้ต้องเก็บมาคิด ยังมีคำทวงถามเรื่องคนสนิทอย่างพวกเขา            สนิท... ขนาดว่าไม่มีสิทธิ์มีชีวิตของตนเอง ไม่ควรมีความคิดปลีกตัวไปจากเธอ หากว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควรแก่การก้าวขา กางปีกผงาดบินออกไปจากบ้านหลังนี้ ภากรไม่เคยเห็นมันเป็นปัญหา ในเมื่อเขาไม่เคยสนใจใครนอกจากน้องชายและสองพ่อลูกคู่นี้ คุณอาอนันต์เปรียบเสมือนแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตของเขามาเสมอ ตั้งแต่มารดาซึ่งเป็นหัวหน้าแม่บ้านมาลาจากโลกไปด้วยโรคมะเร็งระยะที่สาม ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่คอยปกป้องดูแลเขา ให้ความเมตตาเป็นลูกหลาน เป็นเพื่อนเล่นของเด็กสาวตัวน้อยเวลาคุณพ่อไปทำงาน พบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงประสาหนุ่มโสดที่ยังละจากผู้หญิงและสังคมคนมีฐานะร่ำรวยไม่ได้เสียทีเดียว นับเป็นบุญคุ้มกะลาหัวฝาแฝดหนุ่มหน้าตาดี อาภัพอับโชคกำพร้าทั้งพ่อและแม่ ดันกลายมาเป็นหนูตกถังข้าวสาร เขาจึงชอบทำตัวติดเธอเช่นเงา เฝ้ามองเด็กสาวค่อย ๆ เติบใหญ่ด้วยแววตาหลงใหลและความจงรักภักดี ทั้งสี่ห้องหัวใจของเขามีแต่วีณา...            นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนเปรียบเสมือนแสงอรุณยามเช้า ทอแสงประกายหล่อเลี้ยงชีวิตอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินให้เติบโตมาด้วยความตั้งใจ ทะเยอทะยาน จากเด็กชายกำพร้าแม่สู่ชายผู้เพียบพร้อม ดีกรีปริญญาโทจากอังกฤษ Bournemouth University            แล้วใครจะกล้าว่าอะไร? เมื่อเขากลับมาเมืองไทยพร้อมกระดาษหนึ่งใบที่ทำให้เธอภาคภูมิใจ จบการศึกษาจากประเทศอังกฤษได้ด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง พูดไปเหมือนโกหกเปล่า ๆ หน้าตาและดีกรีระดับตัวเขากลับหลงสาวคนหนึ่งได้ถึงขั้นตั้งปณิธานชีวิตไว้ว่าจะไม่แตะต้องนวลเนื้อนางไหนต่อให้สวยปานนางฟ้า ถึงวัยสามสิบย่างเข้าสามสิบเอ็ดปีนี้ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนความคิด            เสียงโทรศัพท์ดังผ่านลำโพงในรถยนต์ รองเท้าหนังดีไซน์สวยสีดำมันวับแตะเบรกเบา ๆ เมื่อมาถึงลานจอดรถกว้างขวางหน้าตึกสูงตระหง่าน ผู้คนละลานตาทั้งลูกค้าแม่ค้าเดินลากกระเป๋าใส่ผ้าผ่านไปผ่านมา กลางย่านธุรกิจขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดอย่างประตูน้ำ            “ว่าไง...?”            นั่นไม่ควรเป็นคำทักทายของน้องชายเลย ภากรผ่อนลมหายใจหนัก สองมือกำพวงมาลัยอย่างหนักใจบอกปลายสายผ่านลำโพงในรถ            “ไปคุยมาแล้วนางอารมณ์ไม่ดีนะ ไม่ฟังอะไรสักอย่าง มึงไปจัดการเองล่ะภาม กูไม่ยุ่งดีกว่า”            “ไปคุยใหม่ คุยให้หน่อยภีม ถ้านางไม่หายโกรธกู มึงเดือดร้อน”            สายที่ตัดไปทำให้ภากรหงุดหงิดพอสมควร เขาเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร... แม่บ้านคนเก่าแก่อย่าง ‘ป้าอร’ เล่าให้เขาฟังว่าหลายวันก่อนวีณาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเพราะท่าทีห่างเหินของภาคิน เนื่องมาจากว่าเจ้าตัวกำลังคบหาดูใจกับนักร้องสาวในไนต์คลับแห่งหนึ่ง เธอจึงเรียกตัวไปใช้งานหย่อนอโรม่าในอ่างน้ำ สั่งให้ยืนรอจนว่าจะอาบน้ำเสร็จเป็นการประชดประชัน จากนั้นก็ประท้วงใส่กันด้วยการเสแสร้งเป็นคนแปลกหน้า            งานนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่ไม่ใช่เรื่องปกติแน่กับการที่วีณาจะออกคำสั่งกับคนในบ้านเกินความจำเป็น            นึกย้อนไปหลายปีก่อน ตอนเขาไปเรียนหลักสูตรบัตเลอร์ถึงประเทศอังกฤษ British Butler Institute สถาบันสอนบัตเลอร์ที่ดีที่สุดในโลก ได้โอกาสต่อปริญญาโทสายบริหารธุรกิจการโรงแรม เป็นตัวเขาที่อยากเรียนสายเดียวกับคุณอา อนันต์จึงเมตตาเขาเป็นอย่างมาก คอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนค่าเล่าเรียนนอกเหนือจากที่เขาสอบทุนได้ ด้วยคำอ้างว่าเป็นสวัสดิการของหัวหน้าแม่บ้านอยู่แล้วตามสัญญาที่แม่ของพวกเขาเป็นคนเซ็น            ในขณะที่ภาคินเลือกเรียนการโรงแรมมหาวิทยาลัยนานาชาติ เพื่อที่จะคอยดูแลลูกสาวท่านอย่างใกล้ชิด ในช่วงวีณาย่างเข้าวัยรุ่นไฮสคูลด้วยอายุสิบสามปี            เป็นเรื่องโง่เง่าทั้งเพ! ภากรคิดว่าตัวเองกลับมาช้าไป... ไม่สิ เขาไม่ควรไปจากวีณาแต่แรกเลยต่างหาก...            เกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่เขาไม่อยู่กันแน่... แววตาประกายกร้าวโกรธร้อนรุ่มริษยา ร่างสูงสง่าก้าวขาอย่างฉับไวไปถึงลิฟต์ที่เปิดอ้าออกกว้าง อกผึ่งผายทำให้เขาดูน่าเกรงขามทว่ากิริยามารยาทดี เขายกมือไหว้ตอบรับลูกน้องอย่างหัวหน้าพึงกระทำอย่างเป็นมิตร งานโรงแรมคืองานบริการ ‘รอยยิ้ม’ เป็นหนึ่งข้อสำคัญในหน้าที่การงาน ณ ที่นี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอารมณ์ยิ้มให้ใครก็ต้องยิ้ม และต่อให้ผู้จัดการที่นี่จะถูกย้ายไปอีกสาขาหนึ่งเพราะเขา คงช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องยิ้มให้กลุ่มคนชอบนินทาลับหลัง GM เส้นใหญ่... เด็กท่านประธาน... เขาดูท่าจะชอบคำนั้นเสียอีกเพราะมันดี! ตรงไม่มีใครกล้าหืออือออเวลาเขาออกคำสั่งให้ทำงานกันอย่างตั้งใจ            ผ่านล้อบบี้กว้างขวางของโรงแรมสไตล์โมเดิร์นผสมผสานแบบไทยดั้งเดิม มีสระว่ายน้ำในชั้นลอย ห้องรับประทานอาหารเช้าสามารถชมวิวรอบเมืองกรุงได้ 360 องศา ร้านอาหารร้านค้าสะดวกซื้อเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ติดแหล่งการค้าขนาดใหญ่ เอาใจสายช้อปปิ้ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าโรงแรมห้าดาวแห่งนี้สร้างมานานถึงยี่สิบห้าปี ภายใต้ชื่อบริษัทอสังหาฯ Ananda ธุรกิจครอบครัวสืบทอดต่อมาจากบรรพบุรุษ ลูกหลานคนอื่น ๆ ของ ‘ธนะโชติสกุล’ แบ่งงานกันไปในแต่ละส่วนโรงแรม ร้านค้า สินค้านำเข้า โดยมีลูกชายคนโตสุดถือหุ้นใหญ่นั่นก็คือนายอนันต์ ที่นี่เป็นแค่โรงแรมในเครือ ส่วนนัดหมายในวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ชายหนุ่มมาถึงชั้นบนสุดของตึกในอีกไม่นาน ตามองประตูบานใหญ่ถัดจากพื้นที่รับรองแขก เลขานุการสาวอายุราวห้าสิบในสูทเข้ารูปกระโปรงประหน้าขายืนรอเขาอยู่ มีเลขานุการหน้าใหม่สองคนที่เขาไม่รู้จัก แต่พวกหล่อนกลับรู้จักเขาเอง “คุณอนันต์กำลังรอคุณภีมอยู่เลยค่ะ เชิญค่ะ” สาวใหญ่ผายมือเชื้อเชิญเปิดประตูสีดำสนิทให้เขาเข้าห้องไป ภากรไม่ลืมเอ่ยอีกคำเสมอคือ 'ขอบคุณ' กระตุกยิ้มหวานหลอกล่อให้หล่อนผงะหน้าแดงซ่านถอยหลังไปนั่งบริเวณพื้นที่ของเลขาฯ หน้าห้อง ใต้หน้ากากแสนหล่อเหลาปานเทพบุตรรูปงามใต้รอยยิ้มที่แฝงเขี้ยวคมตรงมุมปาก เรือนกายกำยำในสูทราคาแพงกระชับเข้าที่ด้วยมือหนาที่มีนาฬิกาเรือนโก้หรู ชายหนุ่มพบเจ้าของห้องนั่งหน้าเครียดอยู่ ประนมมือแนบอกทักทาย “สวัสดีครับคุณอา” “เอ้าลูกภีม มาพอดี อากำลังจะโทรหาให้ไปเข้าประชุมแทนอาหน่อย งานเยอะมากเลย” เจ้าของบริษัทตัวจริงในสูทสีดำสลับเสื้อเชิ้ตสีขาวดูดีตามอายุวัยสี่สิบห้าปี อนันต์วางทุกอย่างจากมือทั้งปากกา แท็บเล็ต กองเอกสาร เพื่อแนะนำพนักงานอีกคนให้รู้จัก “นี่คุณนันท์นะ เลขาฯ คนใหม่เพิ่งมาวันแรก มาช่วยงานคุณแป๋ว อาขอป้า ๆ ไว้ให้มาช่วยภีมกับภามด้วยอีกแรง” เลขาฯ สาวในเชิ้ตกางเกงเรียบร้อยยืนขนาบข้างโต๊ะรอรับงานจากเจ้านาย คนหนึ่งเตรียมถ้วยชา กาแฟให้ GM หนุ่มอย่างรู้หน้าที่ และด้วยความมีอายุค่อนข้างมากของพวกหล่อนแล้วคงไม่มีใครถือว่าคำว่าป้า... “สวัสดีครับคุณนันท์ ผมภากรครับ จะเรียกภีมก็ได้ครับ... ยินดีที่ได้รู้จัก”            “ค่ะคุณภีม เช่นกันค่ะ เรียกใช้งานป้า ๆ ได้ทุกเมื่อเลยนะคะ” คนใหม่รับคำอย่างเป็นมิตรในฐานะเพื่อนร่วมงาน ก่อนเดินเลี่ยงไปไม่ให้น่าเกลียด ยกกาแฟและเก้าอี้หมุนหนึ่งตัวมาให้เขานั่งพร้อมเอกสารการประชุม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม