“คุณคงไม่ได้หอบชุดทำงานมาจากอเมริกาหรอกนะคะ หรือถ้าส่งขึ้นเครื่องตามหลังมา วันนี้ฉันคงจะไปรับของจากคลังสินค้าไม่ทันแน่ๆ กระเป๋าที่คุณหิ้วกลับมาด้วยก็ใบกระติ๊ดเดียวเอง คงใส่อะไรได้ไม่มาก และคงไม่มีของจุกจิกแน่ ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ก็ช่วยกรุณาเลือกซื้อของพวกนี้ไปใช้พลางๆ ก่อนแล้วกันนะคะ ฉันจะได้ไม่ถูกคุณผู้หญิงตำหนิว่าบกพร่องต่อหน้าที่ที่งอกมาอีกอย่าง นั่นคือดูแลความเรียบร้อยให้คุณตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่าแต่คุณใส่เบอร์อะไรคะฉันจะได้ช่วยเลือก”
ดวงหน้าสวยกับผมยาวเหยียดตรงที่ถูกรวบไว้หันมายิ้มให้เขาอย่างคนชนะ ก่อนจะยิ้มให้พนักงานขายแล้วเดินไปเมียงมองรองเท้าคู่ละหลายพัน จิณณวัตรยกมือทั้งสองขึ้นกางนิ้วกว้างๆ ออกเขย่าไปมาเป็นเชิงว่าอยากบีบคอยัยหัวถั่วงอกเสียตรงนั้น
โทษฐานรู้ทันเขาไปเสียทุกเรื่อง แต่สุดท้ายก็เดินไปยืนคู่กับเจ้าหล่อนเพื่อเลือกรองเท้าอยู่ดี ก็เขาไม่หิ้วกลับมาเลยสักคู่ แถมไม่ได้ส่งตามมาอีกด้วย เพราะยกให้เพื่อนซี้ที่ทำงานด้วยกันไปทุกอย่างแล้ว
และกว่าเขาจะเลือกรองเท้าได้ อาทิตยาก็หอบถุงเท้าห้าสิบคู่ เนกไทสามสิบเส้น เสื้อเชิ้ตสีขาวและสีพาสเทลยี่สิบตัวมารอให้เขาเลือกเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มกลอกตาไปมาด้วยความเบื่อเพราะขี้เกียจจะเลือก
แต่เมื่อถูกเลขาแม่ชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือเป็นเชิงเตือนให้รีบก็ถอนใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงานขายแพ็กของทั้งหมดลงถุงโดยไม่ต้องเสียเวลาเลือกอีก ก็ในเมื่อของที่อยู่ตรงหน้าเข้าตาตรงใจไม่น้อยแล้ว
“แปดหมื่นเก้าพันห้าร้อยค่ะ ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้แล้วนะคะ จะจ่ายเป็นเงินสดเหมือนเดิมหรือบัตรเครดิตดีคะ”
เพราะพนักงานขายคุ้นหน้าอาทิตยาเป็นอย่างดี ก็มาซื้อของให้คุณผู้ชายทีจ่ายไปหลายหมื่นทุกครั้ง ลูกค้ากระเป๋าหนักๆ ย่อมเป็นที่จดจำแน่ มือบางรูดซิปกระเป๋าสะพายดึงเงินปึกหนึ่งออกมาเป็นคำตอบ ก่อนจะนับอย่างคล่องแคล่วส่งให้พนักงานขาย จิณณวัตรอดสงสัยไม่ได้
“คงไม่ใช่เงินคุณหรอกนะ” เลขาแม่หันไปยิ้มขำๆ ปนสายตาประชดประชันให้
“ฉันไม่ได้รวยขนาดนี้หรอกค่ะ นี่เป็นเงินคุณผู้หญิงให้แอดวานซ์ก่อน วันหลังฉันจะไปเบิกคืนจากคุณผู้ชายเพราะถือเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว เอ๊ะ! หรือว่าจะให้ไปเบิกจากคุณดีล่ะคะ ยังไงๆ ก็ช่วยเคลียร์กันให้เรียบร้อยหน่อยก็ดีนะคะ ลูกจ้างอย่างฉันจะได้ทำตัวถูก เสร็จแล้ว! งั้นเราไปต่อเลยเหลือของใช้ส่วนตัวเท่านั้น ทางนี้เลยค่ะ”
คนพูดไม่รอให้คู่สนทนาได้ต่อปากต่อคำก็ตัดบทฉับ พร้อมกับก้าวขาออกจากร้านทันที
“ผมมีหมดแล้ว” เขาแย้งมือก็เข็นรถที่มีข้าวของเต็มเดินตามแม่ถั่วงอกไปอยู่ดี
“คุณหอบของพวกนี้กลับมาจากเมืองนอกด้วยเหรอคะ”
ที่โกนหนวดกับโฟมถูกสองมือบางยกขึ้นขณะปากถามอย่างผู้ชนะอีกครั้ง เพียงเท่านั้นจิณณวัตรก็เดินไปเลือกของบนชั้นหย่อนลงรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป็นของใช้จำเป็นแทบทุกอย่างที่เขาเองก็ลืมเลือนไปชั่วขณะ ส่วนอีกคนก็ถือโอกาสซื้อหาของใช้ส่วนตัวเล็กน้อยไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะคงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดไม่ทันแน่นอน
ทั้งคู่รีบตรงไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินเมื่อได้ทุกอย่างครบ จิณณวัตรเห็นแม่ถั่วงอกแยกของส่วนตัวออกไปคิดเงินคนละใบเสร็จจึงอดจะประชดนิดๆ ไม่ได้
“คุณแม่คงจะจ่ายให้คุณได้หรอกมั้งของแค่ไม่กี่ร้อยบาท หรือไม่คุณก็ส่งบิลไปเบิกกับผมก็ได้ เงินเดือนออกแล้วจะจ่ายคืนให้ทุกบาททุกสตางค์เลยล่ะ ทริปงามๆ ด้วย”
อาทิตยายิ้มด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในทันที เพราะรู้ดีว่าคุณชมจันทร์ วัชราเวโรจน์นั้นจะไม่ชอบให้ใครแอบหาเศษหาเลยด้วยเงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นแน่ ไม่ว่าจะเลขาคู่ใจหรือเด็กรับใช้ แม้เงินนั้นจะหลักสิบหรือร้อยก็ตาม
แต่จะเต็มใจเลี้ยงแขกที่แทบจะไม่เคยรู้จักได้ทีละเป็นหมื่นๆ โดยไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ ถ้าหากนั่นจะนำมาซึ่งคำสรรเสริญเยินยอ หรือความมีหน้าตาในวงสังคมไฮโซจอมปลอม
“ฉันก็มีเงินจ่ายให้ตัวเองเหมือนกันค่ะ เก้าหมื่น จำไม่ได้เหรอคะ”
คงไม่มีลูกคนไหนจะยอมรับว่าแม่ตัวเองเป็นอย่างนี้แน่นอน อาทิตยาจึงไม่คิดจะอ้าปากบอกให้เสียเครดิต นอกจากรีบควักเงินจ่ายๆ ไปให้จบเรื่องและรีบตรงไปหารถแล้วขับออกไปทันที ด้วยเหลือเวลาไม่เท่าไหร่แล้ว
จิณณวัตรไม่ได้หันไปคุยอะไร นอกจากมองออกนอกหน้าต่าง ดูบ้านเกิดเมืองนอนที่จากไปเป็นสิบปีช่างเปลี่ยนแปลงไปมากมายจนจำแทบไม่ได้ว่าตรงไหนเป็นตรงไหน
เขาคิดไปเรื่อยเปื่อยไปถึงชีวิตสมัยเรียนมัธยม เพื่อนก็ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้วตอนนี้ เพราะต่างคนก็ต่างแยกกันไปร่ำเรียนตามทางถนัด มีหลายคนไปเรียนต่างประเทศ สองสามคนรับราชการ
อีกสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หลายคนแต่งงานมีครอบครัวแสนสุข มีลูกมีเต้าไว้คลายเหงา และหลายคนก็หย่าร้างไป หลายคนครองตัวเป็นโสดแม้จะเลยเลขสามมาแล้ว รวมทั้งตัวเขาด้วย
ความคิดล่องลอยไปถึงเพื่อนๆ และงานที่ทำตอนอยู่อเมริกา ประสบการณ์ได้มากมายก่ายกอง ถึงเวลาต้องนำมาใช้กับกิจการของพ่อ พรุ่งนี้เขาจะต้องไปเรียนรู้และลงมือทำอย่างจริงจังต่อเสียที
หลังจากหนีหน้ามานานหลายปี ตอนนี้พ่อคงจะได้พักหรือเหนื่อยน้อยลง เมื่อมีลูกมารับช่วงความเหน็ดเหนื่อยแทน จู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตั้งใจจะทำอะไร
“ร้านนี้คุณผู้ชายมาตัดประจำค่ะ ท่านบอกว่าทำให้ท่านหล่อกลับบ้านทุกครั้ง ช่างคงจะทำให้ลูกชายท่านหล่อกลับบ้านไม่แพ้กัน ฉันจะอยู่ร้านทำผมข้างๆ กันนี่ล่ะนะคะไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงคงจะเสร็จ เพราะฉันโทรมาจองคิวไว้ให้แล้ว”