“หวังว่าคุณคงมีธุระด่วนและสำคัญมากๆ นะ ถึงได้บุกมาหาผมได้ เชิญนั่งครับ” แม้จะไม่ใคร่ชอบใจในน้ำคำประชดประชันนัก แต่เพื่อให้งานบรรลุผลตามคำสั่งเจ้านาย ก็จำต้องยอมใจเย็นนั่งเก้าอี้ตรงหน้าเขาที่ในมือยังมีปากกากับเอกสารถือไว้อยู่เลย มือบางยื่นปึกโบว์ชัวร์ให้เขาเป็นเรื่องแรก
“อะไรเหรอครับคุณเลขา จะซื้อรถให้ผมหรือไง”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อยๆ เมื่อเหลือบตามองลงไป อาทิตยากระแอมนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจให้ความกระจ่างแบบตรงไปตรงมา มากกว่าจะใช้วิธีหลอกล่อหรือเดาเอาเอง ด้วยเกรงกลัวว่าจะอ่านใจคนตรงหน้าที่อดีตเคยแต่กลั่นแกล้งให้เจ็บช้ำน้ำใจด้วยเรื่องสารพัดไม่ถูก
“คุณผู้หญิงให้ฉันมาแอบสืบดู ว่าคุณจะชอบรุ่นไหน สีไหน ยี่ห้ออะไร ท่านจะซื้อให้เป็นของขวัญที่คุณเรียนจบกลับมาค่ะ”
ผู้บริหารใหม่วางปากกากับเอกสารในมือ รับของจากแม่ถั่วงอกมาเปิดรถราคาแพงลิบลับรุ่นนั้นรุ่นนี้ไปเรื่อย เขาเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีฉงนไม่น้อย
“แล้วทำไมคุณถึงไม่สืบล่ะ จะมาบอกผมทำไม”
“ฉันเห็นว่าตัวเองคงไม่เก่งกาจสามารถมากพอจะอ่านใจคุณออกได้อย่างแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าก็รังแต่จะเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ ราคาก็ไม่ใช่หลักหมื่นหลักแสน เกิดบอกคุณผู้หญิงผิดๆ คุณไม่ต้องพะอืดพะอมใช้รถที่ตัวเองไม่ชอบไปอีกหลายปีเหรอคะ ทางที่ดีสู้มาถามตรงๆ จะเหมาะกว่ากันเยอะเลย”
จิณณวัตรยิ้มบางๆ ออกมา แม้จะชอบใจในความตรงของเจ้าหล่อนไม่น้อย แต่เรื่องอะไรจะชมให้ได้ใจ สู้แกล้งตีหน้าตายให้หัวปั่นเล่นไปอย่างนี้สนุกกว่าเป็นไหน ๆ ว่าแล้วเขาก็ลุกพรวดพราดขึ้น ยังผลให้อีกคนลุกตามแทบจะทันที
“ผมต้องเข้าประชุม คุณรอตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยมาคุยเรื่องนี้ใหม่” สิ้นคำเขาก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องไปดื้อๆ ทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยอาการเคืองนิดๆ แต่เมื่อทำอะไรได้ไม่มากก็คว้าเอากระเป๋าสะพายเดินไปรอยังห้องรับรอง เปิดแท็บเล็ตทำงานไปด้วยเป็นการฆ่าเวลา เที่ยงครึ่งมือถือในกระเป๋าถึงได้ดังขึ้น ตามติดด้วยน้ำเสียงอันคุ้นหูดังแทรกเข้ามา
“ผมเข้าใจว่าคุณจะรอให้ผมประชุมเสร็จซะอีก ไม่ทราบตอนนี้คุณหนีไปไหน หรือเดาใจผมได้ตรงเผงแล้วเลยไม่ต้องการนั่งรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันมานั่งทำงานอยู่ในห้องรับรอง อีกสองนาทีจะไปหาค่ะ”
‘หมั่นไส้คุณชายเนี้ยบนี่ชะมัด ทำไมต้องกวนตลอดเวลาด้วยนะ’
นี่เป็นเพียงการบ่นในใจเท่านั้น สลับกับการรีบเก็บข้าวของแล้วตรงไปหา แต่ยังเดินไม่ถึงด้วยซ้ำเขาก็เปิดประตูออกมา แล้วก้าวยาวๆ นำไปหาลิฟต์ คนก้าวตามให้สงสัยจนทนไม่ได้
“เราจะไปไหนคะ”
เลยตัดสินใจเอ่ยถาม แต่เขาไม่ตอบนอกจากผายมือให้แม่ถั่วงอกเข้าไปในลิฟต์ก่อนอย่างสุภาพบุรุษแล้วค่อยตามไป กดชั้นล่างสุดแล้วก็ยืนกอดอกหลังพิงผนังลิฟต์มองอีกคนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสีหน้าท่าทียียวนกวนประสาทไม่น้อย
คนถูกมองเลยทำท่าไม่ใส่ใจกับสายตานั่น แต่จ้องตัวเลขบนจอแทน และอยากให้มันถึงชั้นล่างเร็วๆ เจ้าของสายตาคมมองแม่ถั่วงอกในชุดกางเกงยีนยืดนิดๆ สีดำรัดเรียวขากลมกลึง กับเสื้อคอโปโลพอดีตัวสีขาวตรงเอวคอดมีเข็มขัดสานหนังสีน้ำตาลคาดไว้ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
แต่จะน่ามองแค่ไหนกันนะถ้าจับมาแต่งตัวยั่วสายตาเขาเหมือนเลขาและสาวๆ ในออฟฟิศ ด้วยการนุ่งกระโปรงสั้นจู๋ ถุงน่องสีเนื้อคลุมขาเรียวๆ ไว้ เสื้อเป็นผ้าบางๆ มองเห็นบรารางๆ ว่าใส่สีอะไร
คอคว้านลึกหน่อยๆ มีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ ประดับไว้ท่าจะดี ผมที่รวบไว้ครึ่งหัวก็ปล่อยลงมาให้หมดเพราะเขาชอบแบบนั้นเซ็กซี่กว่าแยะ แต่งหน้าแม่เข้มจัดอย่างนี้ดีแล้วสำหรับเขา
แต่ต้องใส่ตุ้มหูเสริมไปอีกนิดไม่ใช่ปล่อยให้โล่งอย่างนี้ ใบหน้าสวยๆ ก็ควรจะยิ้มบางๆ ให้เขาสักนิด ไม่ใช่เฉยเมยหรือออกไปทางบึ้งแบบนี้ ไม่น่ารักเลยในความคิด
“เราจะไปไหนคะ”
มือบางกดประตูลิฟต์ให้เปิดค้างไว้แล้วหันไปถามเขา เพราะไม่มีทีท่าว่าจะขยับกายไปไหนทั้งๆ ที่ลงมาถึงชั้นล่างแล้ว
“รถคุณจอดอยู่ไหน”
เขาเอ่ยทันควันเมื่อเสียงแม่ถั่วงอกเรียกสติล่องลอยให้กลับเข้าตา การถามครั้งที่สองยังคงไม่ได้คำตอบจากเขา แต่อาทิตยาก็ชี้บอกไปทันควันไม่แพ้กัน
พอถึงเขาก็เข้าไปนั่งคู่กับคนขับหน้าตาเฉย อีกคนก็เข้าไปนั่งด้วยท่าทีงุนงงไม่หายเพราะไม่รู้ว่าเขาจะให้พาไปไหนกันแน่ ไม่นานเขาก็ยื่นกระดาษส่งมาให้
“ผมจะไปนี่ ช่วยพาไปที บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก ไม่รู้ได้รถมาแล้วจะต้องหลงกี่รอบต่อกี่รอบถึงจะจำทางได้หมด”
อาทิตยาก้มดูแผนที่จากมือเขาไม่นานก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา แล้วรีบออกรถโดยเร็ว จิณณวัตรรีบคาดเข็มขัดด้วยความไม่ไว้ใจในฝีมือผู้หญิงขับรถ แม้จะเคยนั่งมาแล้วแต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อน แต่เขาก็เบาใจที่แม่ถั่วงอกคล่องแคล่วไม่น้อย
“ขับเก่งดีนี่ รู้ทางลัดซอกแซกๆ ด้วยไปหัดมาจากไหน”
“คุณผู้หญิงให้ออกมาทำธุระบ่อยค่ะ เลยต้องรู้ถนนหนทางเป็นอย่างดี” แม้ในใจอยากจะบอกว่าถูกใช้บ่อยมากกว่า แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน
“จะบอกว่าคุณแม่จิกหัวใช้ว่างั้น”
ทว่าอีกคนกลับรู้ทันและสวนทันควัน แทนการตอบอาทิตยาเปลี่ยนเป็นเร่งความเร็วขึ้นขับแซงซ้ายขวาและให้ความสนใจกับถนนข้างหน้าแทน จิณณวัตรเลิกคิ้วอย่างไม่ติดใจนักแล้วก็จ้องมองสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนไปแทนการเอ่ยปากคุย
เมื่อเห็นว่าแม่ถั่วงอกไม่อยากเปิดปาก ไม่นานก็มาถึงโชว์รูมรถอันหรูหราซึ่งเมื่อเช้าเจ้าตัวมาแล้วหนหนึ่ง พนักงานขายสาวสวยนุ่งสั้นเจ้าเดิมที่เคยมองอาทิตยาด้วยสายตาดูหมิ่นน้อยๆ