ตวนอ๋องเฉินฟาหยางมีอุปนิสัยไม่ต่างจากบุรุษที่มีอำนาจทั่วไปนัก ยามค่ำคืนมักมีสตรีมากกว่าสองนาง โอบกอดมอบความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความปรารถนา โดยมิต้องขยับตัวให้ลำบากแต่อย่างใด
ทว่าหลายวันที่ผ่านมา เขากลับอึดอัดเกินกว่าจะทนไหว อบอุ่นที่ได้กอดนางชิดใกล้ แต่มังกรใหญ่ยักษ์กลับตื่นตัวยากจะนอนหลับ บางคืนปวดแข็งจนกระทั่งยามเช้า
หากได้มีเวลาอยู่ตามลำพังบ้าง เฉินฟาหยางก็คงจะใช้มืออุ่นบรรเทาความกระหายให้พ้น ๆ ไปในแต่ละวัน จนใจว่าเสวียนซือชิงคนงามของเขากลับมิยอมอยู่ห่าง ทั้งยังเอาอกเอาใจมากเป็นพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าต้องการตอบแทนที่เขาไม่บังคับใจกัน
หลังจากอดทนต่อสู้กับความหิวโหยนานหลายวัน เฉินฟาหยางก็แสร้งทำนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว กล่าวว่าอยากออกไปข้างนอกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ร่ำสุราตามประสาบุรุษกับสหายต่างวัย
“ข้าจะออกไปเที่ยวสักสามชั่วยามแล้วจะรีบกลับ ซือชิงมิต้องเป็นห่วง”
เสวียนซือชิงได้ยินดังนั้นก็ดีใจที่คุณชายเฉินหยางลดทิฐิ ยอมพูดคุยกับคุณชายหลี่อีกครั้ง นางยิ้มหวานยามเขาแจ้งต่อคนขับรถม้าว่าต้องการไปหอหยวนเซียว นึกไปว่าสถานที่แห่งนั้นคือโรงเตี๊ยมที่เปิดใหม่ไม่นาน
ทว่านางเดาผิดไปถนัดเลยทีเดียว
หอหยวนเซียว คือสถานที่ที่รวบรวมหญิงงามไว้มากที่สุด ราคาสูงลิบลิ่วมิใช่ปัญหาสำหรับตวนอ๋องผู้มั่งคั่ง แต่เรื่องของความรู้สึกต่างหากที่สำคัญ เดิมทีคิดว่าคงได้ปลดปล่อยสักหลายครั้ง แต่กลับห่อเหี่ยวไร้อารมณ์ จนคนที่มาด้วยอดสอดปากถามมิได้
“สาวงามของหอหยวนเซียวคงไม่ถูกใจท่านกระมัง” คุณชายหลี่สบายใจขึ้นมาก เมื่อเห็นว่าตวนอ๋องมิได้เรียกสาวงามมาปรนนิบัติ หากมีใครเสนอหน้าเข้ามาใกล้หน่อยก็จะถูกตวาดจนน้ำตาร่วงทันที
“ไม่ถูกใจ นอกจากซือชิงแล้ว ย่อมไม่มีใครถูกใจข้า”
“ถูกใจนางแล้ว เหตุใดจึงต้องออกมาเที่ยวหอนางโลมเช่นนี้เล่า”
“เจ้านั่นแหละที่บอกให้ข้าทะนุถนอมนาง! จึงมิกล้าทำอันใดรุนแรง!”
“ที่แท้เป็นเช่นนั้น”
คุณชายหลี่พลันหน้าแดง เข้าใจว่ายามค่ำคืน คุณชายเฉินหยางคงทำทุกอย่างอ่อนหวานน่าประทับใจ จนคุณหนูเสวียนที่แวะเวียนมาฝากขายผ้าปักลายสวยงาม ยิ้มแย้มอย่างน่ารัก ดูมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ข้ามิรู้ต้องทำอย่างไรแล้ว” บุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้ามิใช่คนรักหยกถนอมบุปผา ล่อลวงสตรีใดได้แล้วก็มักตักตวงอย่างเอาแต่ใจ การฝืนลดความรุนแรงลงไปบ้าง คงทำให้เขาอึดอัดอย่างมากเป็นแน่
ทว่าหลี่จินหมิงเข้าใจผิดไปถนัด เพราะตวนอ๋องทำได้เพียงหลอกกินเต้าหู้[1]คนงามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก ข้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้ นอกจากแนะนำว่าให้พูดไปตามตรง แต่หากนางไม่ยินยอม ท่านก็...ให้พวกนางช่วยไปก็แล้วกัน”
แม้แผลในอกจะยังกลัดหนอง แต่คุณชายหลี่ก็ยังฝืนใจแยกแยะเรื่องถูกผิด ให้คำแนะนำอย่างเป็นกลาง แต่ก็ยังพยายามให้ตวนอ๋องเฉินฟาหยางไม่ทำอันใดให้นางต้องบอบช้ำมากนัก
“นางพวกนี้เห็นแล้วทุกอย่างห่อเหี่ยว แต่เห็นแก่เจ้าที่รู้จักปล่อยวาง ไม่แสดงทีท่าอยากได้ชายาของข้าอีก ข้าจะซื้อพวกนางให้เจ้าสักหลายคน อายุยังน้อยเช่นเจ้า มิควรนอนลำพังคนเดียว” ตวนอ๋องรูปงามเรียกพบแม่เล้า สั่งให้จัดหญิงงามสามนางไปปรนนิบัติหลี่จินหมิง ที่บัดนี้ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากสำรอกสุราอาหารที่เพิ่งกินออกมาเต็มทนแล้ว
“ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับนาง”
“จินหมิง เจ้าคิดว่าข้าชั่วช้าต่อเจ้าใช่หรือไม่”
“ย่อมมิใช่เช่นนั้น เราสองคนแม้มีความเห็นไม่ค่อยลงรอย ทั้งวัยยังต่างกัน แต่ยังนับได้ว่าสนิทสนมกันมากที่สุด ตอนข้ายังเด็กถูกเหล่าองค์ชายกลั่นแกล้งเพราะเห็นว่าเป็นแค่บุตรของเสนาบดี คราวนั้นได้ท่านช่วยไว้ จินหมิงแม้ไม่ฉลาด แต่เรื่องความจำยังดีอยู่มาก ยิ่งเรื่องดี ๆ ยิ่งไม่ลืม”
“เช่นนั้นก็จงเชื่อใจข้า ไปหลับนอนกับพวกนางเสียให้เต็มอิ่ม หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว เจ้าจะละวางความรู้สึกที่มีต่อภรรยาผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น มิต้องมาทำหน้าพะอืดพะอมยามข้าปรึกษาเรื่องส่วนตัว”
“การหลับนอนกับพวกนาง ช่วยคลายความทุกข์ได้จริงหรือ”
“จริตของพวกนางมีมากกว่าสาวใช้อุ่นเตียงของเจ้า ย่อมทำให้ลืมเลือนความทุกข์ได้ดีกว่า ไปเถอะ อย่าให้พวกนางรอนาน”
เฉินฟาหยางไม่ลืมขู่ให้ศิษย์น้องลงมือเต็มที่ หากหญิงงามทั้งสามยังเดินเหินเป็นปกติได้ ก็นับว่าบุตรชายคนเล็กของเสนาบดีหลี่ไร้น้ำยาแล้ว
หลี่จินหมิงมีหรือจะทนคำดูถูกได้ไหว รีบตรงไปจัดการธุระสำคัญทันที
“ร้ายกาจยิ่งนัก!” เสียงหอบครางหวานล้ำดังออกมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกล ทำให้คนเจ้าเล่ห์ถึงกับยกยิ้มมุมปาก ชื่นชมในใจว่าศิษย์น้องของเขาก็ยังพอมีน้ำยา มิใช่คุณชายที่ชำนาญแค่การค้าขายเพียงเรื่องเดียว
ในระหว่างที่รอให้คุณชายหลี่เสร็จจากธุระ ตวนอ๋องก็นั่งดื่มสุราพลางคิดหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้นางยินยอมได้บ้าง ทันใดนั้นก็เห็นลูกค้ารายหนึ่งถูกขับไล่ออกมา โดยที่ยังมิได้นุ่งห่มเสื้อผ้าให้ดี
“เมื่อครู่ข้าเมามากไปจริง ๆ หาได้ตั้งใจล่วงล้ำผิดช่องทางแต่อย่างไม่!”
เฉินฟาหยางคิดแผนการร้ายออกมาได้ในที่สุด!
เสี่ยวผิงและเสี่ยวอันแทบกลั้นยิ้มมิได้ เมื่อเห็นว่าคุณหนูเสวียนชะเง้อมองหาคนรักที่หายตัวออกจากบ้านเกือบสามชั่วยาม มือเรียวเล็กยังคงถือผ้าปักลาย ทว่ามิได้จับเข็มเพื่อเริ่มงาน นางมิได้รู้ตัวเลยว่าใกล้จะสิ้นยามโหย่ว[2]แล้ว จนเสี่ยวผิงนำตะเกียงมาวาง นางจึงทิ้งผ้าลงอย่างไม่สบายใจนัก
คุณหนูเสวียนไม่ปฏิเสธเมื่อสองสาวใช้ถามว่าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ยามนี้ขอเพียงไม่ว่างคิดถึงคุณชายที่ออกจากบ้านไปนานแล้ว นางยอมทำได้ทุกอย่าง นึกไม่ถึงว่าทั้งเสี่ยวผิงและเสี่ยวอันจะกล่าวถึงคุณชายเฉินหยาง บุรุษที่ทำให้นางห่วงจนแทบคลั่ง กระทั่งงานปักลายผ้าง่าย ๆ ยังดูยุ่งยากกว่าที่เคย
“คุณหนูดูห่วงคุณชายมาก”
“มีคุณชายหลี่ไปด้วย คุณหนูอย่าได้กังวลเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวอันกล่าวสำทับ ไม่อยากให้คุณหนูคนงามกังวลใจจนเกินไป
“จะไม่ห่วงได้อย่างไร คุณชายทั้งสองไปเที่ยวหอหยวนเซียวนั่น หากเป็นข้าก็คงปวดใจเช่นกัน” เสี่ยวผิงกล่าวแทรกอย่างไม่สบายใจนัก
“พวกเจ้าบอกได้หรือไม่ ว่าหอหยวนเซียวนั่น...คือหออันใด”
เสวียนซือชิงไม่เคยไปไกลกว่าตลาด ย่อมไม่ทราบว่ามีสถานที่คาวโลกีย์สำหรับบุรุษรักสนุกอยู่ท้ายเมือง ทั้งยังมีให้เลือกสรรมากมายหลายราคาอีกด้วย
“หอโคมเขียวเจ้าค่ะคุณหนู เห็นว่ามีสาวงามมากมายคอยเอาใจบุรุษ”
เสี่ยวผิงมิได้พูดต่อเพราะถูกสาวใช้อีกนางถลึงตาใส่ เสี่ยวอันรีบปลอบว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการชมดูสตรีร่ายรำ ทั้งยังย้ำว่าคุณชายเฉินหยางรักใคร่คุณหนูอย่างมาก ไม่มีทางนอกใจอย่างแน่นอน
เสี่ยวอันกล่าวเช่นนั้นเพราะเห็นรอยแดงช้ำบริเวณต้นคอ รักใคร่ถึงขั้นตีตราไว้เช่นนี้ คุณชายเฉินหยางไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากคุณหนูคนงามเป็นแน่
นางมิได้รู้เลยว่ารอยเหล่านั้นถูกทำในยามที่คุณหนูเสวียนหลับไปแล้ว...
พอทราบว่าคุณชายเฉินหยางที่นอนกอดนางอยู่ทุกค่ำคืน ไปแสวงหาความสำราญกับหญิงคณิกา หัวใจเสวียนซือชิงพลันบีบรัดเจ็บปวด หายใจติดขัดอย่างมาก ไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่อยากให้เขากอดก่ายสตรีอื่น เช่นเดียวกับที่ทำต่อนาง
แม้ทราบว่าบุรุษย่อมมีความต้องการและนางเองที่เป็นฝ่ายมอบให้เขามิได้ จึงควรต้องใจกว้างให้มาก แต่สุดท้ายกลับนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้าง คล้ายไม่เคยชินหากต้องนอนตามลำพังอีกแล้ว
เสวียนซือชิงมิรู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่นอนรออยู่อย่างนั้น กระทั่งปลายยามห้าย[3]เสียงรถม้าดังขึ้นหน้าตำหนัก นางจึงกระวีกระวาดลุกไปต้อนรับทันที
“คุณหนูเสวียน....”
หลี่จินหมิงไม่นึกว่าคนที่ออกมารับจะเป็นสาวงามที่ตนแอบชอบ เขาจึงรู้สึกกระดากใจอย่างมากเพราะอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก เสื้อที่สวมหลุดลุ่ยไม่น่ามอง สีสันแดงชาดประดับบนแก้มและริมฝีปากแจ้งชัดว่าหลายชั่วยามที่ผ่านมา เขาได้ผ่านความหฤหรรษ์มามากน้อยเพียงใด
ส่วนสภาพของคุณชายเฉินหยางยังดูดีอย่างมาก แม้เดินลำบากจนสหายต่างวัยต้องประคอง แต่อย่างน้อยก็มิได้มีสีสันแต่งแต้มดวงหน้าเช่นคุณชายหลี่ เสวียนซือชิงเห็นแล้วถึงกับลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ท่านพี่เมามายเช่นนี้ ลำบากคุณชายหลี่แล้ว”
“เป็นเพราะข้าปล่อยให้เขารอนานเกินไป คุณชายเฉินมิได้ยุ่งเกี่ยวกับสตรีใด ทำเพียงนั่งดื่มสุรารอเท่านั้น คุณหนูเสวียนอย่าได้กังวล”
หลี่จินหมิงก็คือหลี่จินหมิง เขายอมดูเป็นบุรุษเหลวไหล แต่จะมิให้สตรีที่ตนแอบชอบต้องทุกข์ใจโดยเด็ดขาด
แต่พอกล่าวออกไปแล้วกลับทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนหนักเสียยิ่งกว่าเดิม โชคยังดีที่บุรุษรูปงามเหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง ทั้งยังบ่นพึมพำออกมาอีกหลายคำ
“นางไม่ยอมตามใจข้า ทั้งยังไม่สนใจข้า ต้องทำอย่างไรหรือจินหมิง!”
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางกล่าวเสียงต่ำ แต่ละคำคล้ายถูกกลั่นออกมาอย่างยากลำบาก เดาได้ว่าเป็นเพราะความเมา หาได้มีสติแต่อย่างใดไม่
“ท่านอย่าเพิ่งพูดมาก รีบกลับเข้าไปพักผ่อนเสียเถิด” คุณชายหลี่กล่าวได้ไม่เต็มปากนัก หากเขาไม่เพลิดเพลินกับเหล่าคณิกาหลายชั่วยาม ตวนอ๋องที่ได้ชื่อว่าคอแข็งอย่างมากก็คงไม่เมามายถึงเพียงนี้
“ทั้งที่ข้าเอาใจใส่นาง...จินหมิง อิจฉาเจ้านักที่มีความสุขตลอดทั้งคืน ส่วนข้า หึ!” เฉินฟาหยางสะบัดตัวอย่างแรงจนแขนได้รับอิสระ แววตาลึกล้ำมองสาวงามอย่างตัดพ้อ แฝงความทรมานใจอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็มิได้พูดอันใด ทำเพียงประคองตัวเองกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ
“คุณหนูเสวียน เดิมทีเรื่องนี้ข้าไม่ควรพูด แต่คุณชายเฉินชอบท่านมาก ถึงขั้นมิยอมให้สตรีใดแตะต้องร่างกาย กระทั่งนั่งชิดใกล้ก็มิอนุญาต คุณหนูเสวียนยอมตามใจเขาสักหน่อยเถิด”
“ดึกมากแล้ว คุณชายกลับบ้านดี ๆ นะเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงกล่าวจบก็ตามคุณชายเฉินหยางกลับห้องไป ทิ้งคุณชายหลี่ให้ยืนเคว้งคว้างอยู่พักใหญ่จึงค่อยได้สติ รีบออกจากจากตำหนักที่เคยรกร้างอย่างรวดเร็ว
ตวนอ๋องผู้มากประสบการณ์กล่าวไม่ผิดนัก การหลับนอนกับสตรีสามนางช่วยหลี่จินหมิงได้มากจริง ๆ
[1] ลวนลาม
[2] เวลา ๑๗.๐๐ – ๑๘.๕๙ น.
[3] เวลา ๒๑.๐๐ – ๒๒.๕๙ น.