น้อยคนนักจะทราบว่าภายใต้หน้ากากเย็นชาของตวนอ๋องเฉินฟาหยางนั้นมีบุรุษมากรักซ่อนอยู่ ความหนาวเหน็บดุจน้ำแข็งไม่มีวันละลายนั้นได้มาจากมารดา ทว่าความเจ้าคารมวาจาคมคายเพื่อให้ได้ในที่สิ่งที่ต้องการ เขาได้มาจากพระบิดาอย่างมิต้องสงสัย
แต่กระนั้นถ้อยคำหวานหูที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา ล้วนแต่หวังผลประโยชน์ตอบแทน หาได้มีความจริงใจแต่อย่างใดไม่ ยามเอ่ยต่อผู้ให้กำเนิดก็เพราะต้องการความรักและความเอาใจใส่ แม้มิได้ผลอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้จักการเอาอกเอาใจผู้อื่น โดยเฉพาะเหล่าสาวงามที่เขาต้องการร่วมเตียง หากจะมีครั้งใดที่ทำถึงขั้นนี้แล้วมิได้ผลตามที่ปรารถนา ครั้งแรกก็คงเป็นเมื่อคืนที่ผ่านมานี่เอง
เสวียนซือชิงมิได้ขัดขืน ทั้งยังพยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ เล้าโลมบุรุษเพศอย่างไร้เดียงสา ทำให้เขาปั่นป่วนจนแทบควบคุมตนเองมิได้ แม้ร่างกายต้องการมากเพียงใด แต่หากลงมือในขณะที่หัวใจของนางยังมิพร้อม อาจทำให้แผนลวงรักเพื่อหลอกให้นางยอมหย่า เป็นไปได้ยากเสียยิ่งกว่าเดิม
“ตื่นแล้วหรือ” นางคงทราบจากสาวใช้ว่าเขาพักผ่อนอยู่ในสวน จึงรีบตามมาพบตั้งแต่เช้า
“เจ้าค่ะ คุณชาย” เจ้าของริมฝีปากน่าจูบฝืนยิ้มเล็กน้อย รอบดวงตาบวมหนัก มองดูแล้วน่าสงสาร เฉินฟาหยางถึงกับทนนั่งเฉยต่อไปมิได้
“พวกเจ้าไปนำน้ำสะอาดมาให้ข้า ไม่ต้องใช้น้ำอุ่น ยิ่งเย็นยิ่งดี อย่าลืมผ้าอีกสองผืน” น้ำเสียงของเฉินฟาหยางเย็นชาจนพวกนางมิกล้าเอ่ยอันใด ทว่าพอลับสายตาสองสาวใช้ของหลี่จินหมิง เขาก็กลับมาอ่อนโยนต่อสาวงามที่หมายใจว่าจะต้องได้ร่วมเตียงดังเดิม
“มานั่งใกล้ ๆ ข้าสิซือชิง ข้าไม่ทำอันใดต่อเจ้าหรอก”
“เจ้าค่ะ คุณชาย”
เฉินฟาหยางเห็นว่านางกลัวจนตัวสั่น พูดตอบน้อยคำนักก็แทบทนมิได้ ด้วยสตรีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาล้วนหลงใหลในรูปโฉมและตำแหน่งตวนอ๋อง พากันฉอเลาะหวังครองตำแหน่งพระชายา แต่ไม่ว่าบิดาของพวกนางจะมีตำแหน่งสูงมากเพียงใด สุดท้ายก็เป็นได้แค่เพียงอนุภรรยาของตวนอ๋องเท่านั้น
ทว่าเสวียนซือชิงกลับต่างออกไป แม้นางไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเขา แต่ความงามสมชายของ ‘คุณชายเฉินหยาง’ และคำหวานที่พร่ำพรรณนา ก็น่าจะทำให้นางผ่อนคลายมากกว่านี้มิใช่หรือ
“ดูท่าเจ้าจะยังมิหายตกใจกับเรื่องเมื่อวาน ข้าขอโทษที่สำนึกได้ช้าไป ว่าเจ้ามิได้เต็มใจ...”
“ซือชิงเต็มใจเจ้าค่ะ” นางขัดขึ้นมาทันที
“มอบกาย แต่ไม่มอบใจ ข้าไม่นิยม เอาเถิด เรายังมีเวลาอยู่ด้วยอีกนาน วันนี้เจ้าไม่ชอบข้า ไม่อยากนอนกับข้าก็มิเป็นไร เอาไว้วันใดใจเราตรงกันค่อยพูดเรื่องนี้ใหม่ก็ยังมิสาย แต่ในระหว่างนี้เจ้าต้องคอยดูแลข้า เว้นแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นที่มิต้องฝืนใจทำ เช่นนี้จึงดีต่อทั้งสองฝ่าย”
“ลำบากคุณชายแล้ว”
“ซือชิง ข้าชอบเจ้ามาก เรื่องเพียงเท่านี้ย่อมทำได้ไม่ลำบากใจ และยิ่งไม่ต้องการให้เจ้าลำบากใจเพราะการปรากฏตัวของข้า หากเจ้าต้องการตอบแทนที่ข้ายอมทนลำบากทางกาย ยังมีเรื่องหนึ่งที่สามารถทำได้”
“คุณชายต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เสวียนซือชิงยังคงมีทีท่ากังวลไม่แปรเปลี่ยน
“เป็นตัวของเจ้าเองตามธรรมชาติ ข้าขอเท่านี้ มากไปหรือไม่”
นึกไม่ถึงว่าคำขอเรียบง่ายจะทำให้รอยยิ้มงดงาม หาสตรีใดเทียบได้ยาก ปรากฏอยู่บนดวงหน้าหวานของเสวียนซือชิง คนมองจำต้องเกร็งเบื้องล่างให้สงบเป็นการใหญ่ เพราะกลัวว่าจะเผลอใจทำเรื่องไม่งามก่อนเวลาอันสมควร
หากนางมีใจ ไม่ว่าสถานที่ใดเขาก็จะไม่ชักช้าให้เสียเวลา
“ยิ้มหวานเช่นนี้ค่อยหน้ามอง เห็นเจ้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ใจข้าเจ็บไปหมด รู้สึกแย่ยิ่งนัก”
“ซือชิงผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ยังตกใจอยู่มาก คิดเพียงว่าถ้าไม่ดูแลคุณชายให้ดี อาจทำให้ท่านอ๋องเสียหน้า คุณชายคงทราบดีว่าข้าไร้ที่พึ่งพา อาจถูกส่งเข้าหอนางโลมตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนหากมิได้เขาช่วยไว้”
“เรื่องนี้ย่อมได้ยินมาบ้าง”
“แม้อยากตอบแทนบุญคุณ หัวใจกลับรู้สึกว่านั่นมิใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ในเมื่อคุณชายยืนยันว่าไม่จำเป็นดูแลทุกเรื่อง ซือชิงจึงสบายใจขึ้นมากเจ้าค่ะ”
“หากต้องการตอบแทนตวนอ๋อง เจ้าก็จงยิ้มให้ข้ามองบ่อย ๆ ไม่ดื้อเงียบ ถามคำหนึ่งตอบครึ่งคำ เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ คุณชาย”
“ซือชิง เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่” เสวียนซือชิงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทางคุกคามด้วยการหว่านเสน่ห์จนเกินควรเช่นเมื่อวาน นางจึงกล้าพูดออกไปเสียหลายคำ
“น่ารักเช่นนี้ค่อยมีกำลังใจทะนุถนอมเจ้า ซือชิง ข้าให้คนนำป้ายตำหนักเยว่ฉีไปเก็บ ทั้งยังให้จินหมิงป่าวประกาศไปว่าญาติห่าง ๆ ของตวนอ๋องได้รับมอบทุกอย่างในตำหนัก หลังจากปล่อยทิ้งร้างมานาน เพราะไม่ต้องการให้เหล่าขุนนางมาวุ่นวายเพราะคิดว่าตวนอ๋องย้ายมาพำนักที่นี่ ส่วนเรื่องสถานะของเจ้า เท่าที่สืบมายังไม่มีใครทราบว่าเจ้าคือพระชายา หาไม่แล้วสตรีกว้างขวางเช่นเถ้าแก่เนี้ยเจียงคงไม่ทำตัวทุเรศกับเจ้าเช่นนั้น”
ความจริงเฉินฟาหยางสั่งให้เอาป้ายลงเพราะมิอยากนึกถึงเรื่องราวในอดีตต่างหากเล่า เขาไม่ชอบที่นี่ อย่างน้อยมิเห็นป้ายตำหนักเยว่ฉีก็อาจจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“ซือชิงแทบไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยเจ้าค่ะ เมื่อครั้งย้ายมาอยู่ที่นี่ ท่านป้าสุ่ยจัดการทุกอย่างให้ จนกระทั่งนางจากไป ข้าจึงจำต้องออกไปข้างนอก ปักผ้าหาเงินเลี้ยงตัวเอง ใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์”
“ข้าพอทราบมาบ้างว่าตวนอ๋องไม่ได้ให้สินสมรสแก่เจ้า แต่สินที่ติดตัวมาแต่เดิมไม่มีเลยหรือ”
“พอมีบ้างเจ้าค่ะ แต่สองปีก่อนท่านป้าสุ่ยไม่สบาย เงินเก็บจึงลดลงเป็นธรรมดา” เสวียนซือชิงทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงแม่นมสุ่ยที่จากไป เฉินฟาหยางเห็นดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ข้าไม่ชอบอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ย่อมต้องมีออกไปเที่ยวตลาดหรือในเมือง ซือชิง หากวันใดเจ้าสบายใจขึ้นบ้างแล้ว เราออกไปซื้อของข้างนอกกันดีหรือไม่ ข้ายังรู้สึกผิดเรื่องเมื่อวานไม่หาย ขอโอกาสให้ข้าได้ชดใช้ ทำอะไรเพื่อเจ้าสักหน่อยเถิด” กระทั่งตัวเฉินฟาหยางเองยังประหลาดใจ เหตุใดคำพูดของเขายามกล่าวกับนางจึงน่าฟังยิ่งนัก
“เจ้าค่ะ ท่านพี่”
ในจังหวะนั้นเองที่สองสาวใช้กลับมาพร้อมกับของที่สั่ง เฉินฟาหยางจึงได้นำผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นจัด ประคบใต้ตาของเสวียนซือชิงอย่างเบามือ หมายลดรอยช้ำที่ตนเองเป็นผู้ก่อเอาไว้เมื่อวาน
“ขอบคุณท่านพี่มากนะเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงไม่ปฏิเสธความหวังดี หลับตาพริ้มให้บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ดูแล แค่อีกฝ่ายหักห้ามความต้องการทางธรรมชาติ ยอมรอให้นางพร้อมก็รู้สึกดีมากแล้ว หากมีอะไรที่ทำให้เขาพอใจได้ นางจะไม่ปฏิเสธโดยเด็ดขาด
เว้นแค่เรื่องบนเตียงเรื่องเดียวจริง ๆ
“เมื่อคืนข้าคงทำเจ้าเหนื่อยมาก แทบไม่ได้นอนเลยก็ว่าได้ หากข้าทำอันใดไปแล้วเจ้ารู้สึกอึดอัดหรือว่าไม่ชอบ เจ้าต้องบอกข้านะ”
เสวียนซือชิงแก้มแดงดั่งผลผิงกั่ว[1] สุขใจนักที่คุณชายเฉินหยางห่วงใยและไม่บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
นางไร้เดียงสาจนมิรู้เลยว่ากำลังตีเจตนาของบุรุษมากเล่ห์ผิดไป
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางกล่าวออกไปเช่นนั้น เพราะต้องการให้สองสาวใช้สกุลหลี่นำเรื่องไปรายงานต่อเจ้านาย ว่าเขาและคุณหนูเสวียนได้เข้าหออย่างสมบูรณ์แล้วต่างหาก
ศิษย์น้องรักหลี่จินหมิงจะได้เลิกคะนึงหาภรรยาของผู้อื่นเสียที!
ตำหนักเยว่ฉีมีข้าวสารอาหารแห้งจำนวนไม่มาก เฉินฟาหยางมองอย่างไรก็ดูเป็นบุรุษที่พิถีพิถันในทุกเรื่อง จึงไม่ยอมทนกินอะไรที่ไม่ชอบ เขาออกคำสั่งให้สาวใช้และลูกจ้างวิ่งวุ่นจนน่าเวียนหัว หาข้าวของมาเติมจนเต็มตำหนัก โดยไม่ลืมพูดจาให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อย ๆ ว่าเขาและเสวียนซือชิงรักกันแน่นแฟ้นเป็นอย่างดี
ทีแรกสาวงามคิดไปว่าคุณชายเพียงต้องการหยอกเย้า หว่านเสน่ห์เอาใจ แต่หลังจากผ่านไปหลายวันจึงตระหนักได้ว่าเขาเจตนากล่าวให้สองสาวใช้ได้ยิน แม้กระทั่งลูกจ้างนั่นก็ด้วย
“เหตุใดท่านพี่จึงพูดให้คนเข้าใจผิดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ”
นางสอบถามหลังจากคนงานลงต้นไม้ใหม่เรียบร้อยแล้ว พอเขาทราบเรื่องว่านางเสียใจที่ต้นโมลี่ฮวาถูกถอนทำลายไปจนสิ้นก็รีบขอโทษ พร้อมทั้งสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ที่นางชื่นชอบดังเดิม
“คำของข้าทำให้เจ้าไม่สบายใจเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่” เสวียนซือชิงเอ่ยไปตามตรง บุรุษปากหวานตรงหน้าทำให้นางสบายใจจนลืมระวังตัว หลายวันมานี้คิดอย่างไรก็พูดออกไป หาได้ปิดบังความรู้สึกดั่งวันแรกที่พบเจอ
“ซือชิง เจ้าก็รู้ว่าสองสาวใช้เป็นคนของหลี่จินหมิง แม้เขาเป็นสหายต่างวัยของข้า ทว่าสนิทสนมกับตวนอ๋องยิ่งกว่า เรื่องที่เกิดในบ้านหลังนี้ย่อมไม่พ้นถูกนำไปรายงาน หากเขาทราบว่าเจ้าไม่ปรนนิบัติข้าให้ครบถ้วน เกรงว่าปัญหาใหญ่จะตามมาในภายหลัง” เสวียนซือชิงได้ยินดังนั้นก็นิ่งไป
“ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าไม่สบายใจ ถึงพูดจาเกี้ยวพาราสีไปบ้าง แต่ก็มิเคยถูกเนื้อต้องตัวมิใช่หรือ”
“เจ้าค่ะ”
เสวียนซือชิงไม่เคยรู้เลยว่ายามค่ำคืน บุรุษรูปงามผู้หนึ่งมักปรากฏตัวในห้องนอนเล็ก ๆ ทาบจูบแผ่วเบาลงบนกลีบปากนิ่มในขณะที่นางกำลังหลับสนิท เบามากจนนางไม่รู้สึก นั่นหมายความว่าคนคนนั้นต้องอดกลั้นความต้องการของตนอย่างที่สุดแล้ว
“เมื่อเช้าพวกนางมาที่นี่เร็วเป็นพิเศษ จึงจับได้ว่าเราสองคนแยกห้องนอน ซือชิง แม้ไม่อยากขอให้เจ้าทำเรื่องลำบากใจ แต่เราสองคนควรหลับนอนในห้องเดียวกันเพื่อไม่ให้ใครสงสัย เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
“ข้าคงต้องคิดทบทวนดูก่อน ท่านพี่ดื่มชาเถิดนะเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงรินชาอู่หลงชั้นดีที่สาวใช้สกุลหลี่แจ้งว่าคุณชายเฉินหยางชื่นชอบและขอให้นำมาส่งให้ที่บ้าน ข้าวของอีกหลายอย่าง รวมถึงเสื้อผ้าสตรีเรียบง่ายอีกหลายชุดก็ถูกส่งมาด้วย ทำให้นางไม่ดูคล้ายสาวใช้จนเกินไปนัก
ตั้งแต่คุณชายเฉินหยางมาอยู่ที่นี่ นางเองก็พลอยได้รับอานิสงส์กินดีอยู่ดีไปด้วย จากที่ได้กินแต่ข้าวต้มและผักที่หาได้ทั่วไป ปรุงด้วยของที่คุณชายหลี่นำมาให้ตามโอกาส นางก็ได้กินเนื้อกินเป็ด ยังมีเต้าหู้และเนื้อปลาอีกหลายชนิด ร่างกายจึงมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง ไม่ผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงดังแต่ก่อนแล้ว
คุณชายเฉินหยางทำให้นางรู้สึกว่าตนเองมีค่าอีกครั้ง มิใช่เจ้าสาวที่ถูกทิ้งไว้ในตำหนักร้าง มาถึงก็ใช้เวลาเกือบสิบวันในการทำความสะอาดและซ่อมแซมให้พออยู่ได้ เขาทำให้นางจำได้ว่าตนคือคุณหนูเสวียน บุตรสาวคนโปรดของรองแม่ทัพเสวียนซือเหยาผู้กล้าหาญ ทำให้นางรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมาบ้าง ไม่ตัวสั่นหรือเกรงกลัวเพราะความอ้างว้างอย่างที่เคยเป็นมาอีก
ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ความโศกเศร้าที่เกาะกุมหัวใจ ลดน้อยลงจนอยู่ในระดับที่ทำให้นางสามารถยิ้มออกมาได้อีกครั้ง ยิ่งเขาบอกว่าชอบให้นางยิ้ม เสวียนซือชิงก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องยิ้มแย้มให้มาก ทำให้เขาพอใจ ไม่หงุดหงิดที่ต้องละเว้นนางจากเรื่องบนเตียง ทว่าวันนี้ความจำเป็นกลับบีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องใช้เวลาในยามค่ำคืนด้วยกันเสียแล้ว
หากต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน คุณชายเฉินหยางจะห้ามใจไม่โอบกอดนางอย่างเร่าร้อนได้อยู่หรือ
เสวียนซือชิงจะต้านทานเสน่ห์เขาได้อยู่หรือ
[1] แอปเปิล