ตอนที่2 เจ้านาย
"..." แฟรงค์ยืนมองหน้าท๊อปนิ่ง เขาไม่ตอบอะไร นั่นยิ่งทำให้ท๊อปรู้สึกประหม่ากับท่าทางของคนตรงหน้า
ดินและไบรอันหันมามองหน้ากัน ทั้งสองรู้สึกไม่ชอบชายหนุ่มตรงหน้าสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยอะไร เสียงเปิดประตูห้องผ่าตัดก็ดังขึ้น ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงผู้ป่วยเดินออกมา พร้อมกับน้ำรินที่เดินออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้น เธอมองบุพการีที่นอนไร้ลมหายใจด้วยความเสียใจเป็นที่สุด
ชายหนุ่มทั้ง 4 คนหันมามองในทันที ก่อนที่ท๊อปจะรีบเดินเข้าไปประคองตัวหญิงสาวไว้ด้วยความเป็นห่วง ดินและไบรอันที่เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือชัยนาท ทั้งสองก็แทบรับไม่ได้กับภาพที่เห็น ถึงแม้ว่าในชีวิตนี้พวกเขาจะเคยเห็นคนตายมาแล้วตั้งมากมาย แต่ชัยนาทกลับเป็นเรื่องที่พวกเขาเสียใจเป็นที่สุด เพราะพวกเขานับถือชัยนาทเหมือนพ่อคนหนึ่ง และยังทำงานด้วยกันมาก็หลาย10ปี
แฟรงค์ที่เห็นแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เรียบเฉย แต่ใครจะไปรู้ว่าภายในใจของเขานั้นมันทรมารแค่ไหน ที่เห็นลูกน้องที่เขานับถือเหมือนพ่อคนหนึ่งต้องจากไปแบบนี้
"คุณชัย" ดินเอ่ยเรียกเสียงเบา โดยที่ยังคงยืนดูอยู่ห่างๆ เหมือนกับไบรอัน
"อึก...ฮือออ อึก~" น้ำรินพยายามที่จะกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ เธอไม่อยากให้คนที่จากไปต้องมีห่วง ดวงตาของเธอแดงก่ำ จมูกและแก้มเริ่มแดงระเรื่อ ท๊อปคอยยืนโอบไหล่น้องสาวเอาไว้ กลัวว่าหญิงสาวจะเป็นลมทรุดลงไป
"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ หมอพยายามเต็มที่ ที่สุดแล้วครับ" คุณหมอวัยกลางคนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เสียใจ ก่อนที่ทั้งหมอและพยาบาลจะพากันเดินออกไป น้ำรินเดินเข้าไปจับมือผู้เป็นพ่อ เธอหลับตาลงช้าๆ แล้วสะอึกสะอื้นไห้ หัวใจดวงน้อยแทบแตกสลายเมื่อเห็นสภาพของบิดาที่มีเลือดอาบเต็มตัว
"ริน ไม่เป็นไรนะ รินยังมีพี่อยู่" ท๊อปเอ่ยบอก ทำให้น้ำรินลืมตาหันมามองชายหนุ่ม ก่อนจะสวมกอดท๊อปเอาไว้แน่น โดยมีสายตาของมาเฟียหนุ่มยืนมองมายังเธอด้วยแววตานิ่งเฉย
2วันต่อมา...
"ริน.. แกโอเคไหม" ทราย เอ่ยถามเพื่อนรักที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าโรงศพของผู้เป็นพ่อ เพื่อรอรับญาติพี่น้องที่เข้ามากราบไหว้ศพด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว น้ำรินแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน เธอเอาแต่ร้องไห้ ร้องจนไม่รู้ว่าจะร้องยังไงแล้ว หยดน้ำตาในตอนนี้มันเหือดแห้ง แต่ภายในใจกลับแตกสลาย น้ำรินหันมามองผู้เป็นเพื่อนด้วยแววตาเศร้าโศก ทรายคือเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมัธยมต้นมาด้วยกัน เธอคือเพื่อนที่คอยช่วยเหลือ และคอยอยู่ข้างๆ ในยามที่น้ำรินลำบาก
"ฉันขอโทษนะแก ที่ถามอะไรไม่คิด แกก็ต้องไม่โอเคอยู่แล้ว" ทรายบอกด้วยสีหน้าเห็นใจ เธอยกมือเรียวขึ้นมาจับไหล่เพื่อนเพื่อปลอบใจเธอ
ผู้คนมากมายต่างเข้ามากราบศพ หลังจากที่ได้ยินข่าวจากลำดวนและท๊อป ที่เป็นญาติสนิทกับน้ำรินมากที่สุด อีกอย่างชัยนาทและลำดวนยังเป็นพี่น้องกัน จึงไม่แปลกที่น้ำรินและท๊อปจะสนิทกันมาก
"รินไปนั่งพักที่เก้าอี้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ดูทางนี้เอง" ท๊อปเดินเข้ามาเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะเขายังไม่เห็นเธอได้พักเลยตั้งแต่กลับมาจากโรงพยายาล น้ำรินเอาแต่ดูแลจัดการงานศพของพ่อ จนลืมดูแลตัวเอง
"รินขอนั่งอยู่ข้างๆ พ่อก่อนนะคะพี่ท๊อป" น้ำรินบอกด้วยน้ำเสียงเบา เธอหันกลับมามองรูปที่ตั้งหน้าโรงศพด้วยแววตาสั่นระริก แต่ก็พยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมา เพราะไม่อยากให้คนเป็นพ่อต้องมีห่วง
ท๊อปที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เขานั่งลงข้างๆ เธอโดยมีทรายคอยนั่งให้กำลังใจน้ำรินอยู่ข้างๆ ก่อนที่ชายหนุ่ม2 คนจะเดินเข้ามา ทำให้น้ำริน ทรายและท๊อปหันไปมอง
"เสียใจด้วยนะริน" เข้ม เพื่อนชายที่สนิทเอ่ยบอก พร้อมกับนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าโรงศพ น้ำรินจุดธูปก่อนจะยื่นให้เพื่อนได้กราบศพบิดา เข้มคือเพื่อนสนิทคนนึง ที่ได้รู้จักกันตั้งแต่มัธยมปลาย ทำให้ทั้ง2 สนิทสนมกันพอสมควร
"ฉันเสียใจด้วยนะเพื่อน" วายุ เพื่อนชายอีกคนเอ่ยบอกด้วยความเห็นใจและสงสารเพื่อนสาว ใบหน้าของน้ำรินเศร้าหมองและซีดเซียว จิตใจของหญิงสาวในตอนนี้ย่ำแย่มาก เธอฝืนยิ้มบางๆ ให้กับเพื่อนชายทั้งสอง ก่อนที่เข้มและวายุจะเดินออกไปหลังจากที่กราบไหว้ศพเสร็จ
รถตู้สีดำสนิทขับเข้ามาจอดในวัด ทำเอาคนที่มาร่วมงานศพต่างพากันหันไปมองอย่างสงสัย ก่อนที่ชายฉกรรจ์คนหนึ่งจะเปิดประตูลงรถด้านคนขับ แล้วเดินไปเลื่อนเปิดประตูรถให้กับใครบางคน ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวขาเรียวยาวลงจากรถ ท่าทางของชายหนุ่มทำเอาผู้คนในงานต่างหวาดกลัว ทุกคนต่างมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ แต่ชายหนุ่มกลับเมินเฉย เขาเดินตรงเข้ามาด้านใน พร้อมกับลูกน้อง 4 คน
ภายด้านในงานปกคลุมไปด้วยความเงียบ น้ำรินหันไปมองยังชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง จากใบหน้าเรียบเฉยของหญิงสาว ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยเธอขมวดคิ้วยุ่ง เพราะเธอจำชายตรงหน้าได้ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี ที่เคยเจอกันตอนอยู่โรงพยายาลเมื่อสองวันก่อน
แฟรงค์ เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าโรงศพ โดยมีสายตาของหญิงสาวจ้องมองอย่างสงสัย ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าโรงศพ ทำให้น้ำรินต้องจุดธูปแล้วส่งให้ชายหนุ่ม ทั้งๆ ที่ยังสงสัยว่า 'เขาคือใคร'
ท๊อปจ้องมองการกระทำของกลุ่มมาเฟียตรงหน้าอย่างจับผิดและไม่ไว้ใจ ต่างจากทรายที่มองดูพวกเขาโดยไม่รู้เรื่องอะไร
แฟรงค์ยันกายลุกขึ้นยืน ทำให้น้ำรินรีบลุกขึ้นตามทันที มาเฟียหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มที่มีอายุ 30 ปี แต่กลับยังดูเด็กและดูดี ใบหน้าคมคายจ้องมองหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย น้ำรินสบตากับชายหนุ่มก่อนที่เธอจะเอ่ยถาม
"...คุณเป็นใครคะ" เสียงหวานเอ่ยถาม เธอเหลือบมองไปทางลูกน้องอีก 4 คนของเขาอย่างสงสัย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เธอไม่เคยเจอพวกเขามาก่อน ไม่เคยรู้จักเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมเขาถึงมางานศพของพ่อเธอ อีกทั้งคืนวันก่อนยังเจอเขานั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด
ท่าทางน่าเกรงขามของเขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวหวาดกลัวเลย เธอยืนรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม เพราะเธอคิดว่าเขาต้องรู้เห็นเกี่ยวกับการจากไปของพ่อเธอ ท๊อปลุกขึ้นยืนพร้อมกับทราย เขามองหน้ามาเฟียหนุ่มอย่างไม่ชอบใจนัก และรู้สึกไม่ถูกชะตา
มาเฟียหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาว สายตาของเขานั้นยากจะคาดเดา จนคนถูกมองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
"...ฉันเป็นเจ้านายพ่อเธอ" เสียงราบเรียบของชายหนุ่มตอบกลับ นั่นยิ่งทำให้น้ำรินสงสัยในตัวเขา เธอมองชายหนุ่มนิ่งแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เสียงของท๊อปก็ดังแทรกเสียก่อน
"เจ้านาย? คุณลุงทำงานอะไรให้แก" ท๊อปถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทำให้ลูกน้องของแฟรงค์ที่ได้ยินแบบนั้น ก็หมายจะเข้าไปทำร้าย แต่ชายหนุ่มกลับยกมือห้าม
"...คุณไม่จำเป็นต้องรู้" แฟรงค์ตอบโดยมองหน้าท๊อปกลับด้วยแววตาที่ส่อให้เห็นว่าเขาไม่ใช่เพื่อนเล่น
"แต่หนูจำเป็นต้องรู้ค่ะ" น้ำรินบอก เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขากับพ่อทำงานอะไรกัน เพราะชัยนาทไม่เคยเล่าอะไรให้หญิงสาวฟังเลย พ่อของเธอเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้เธอ วันนี้เธอต้องถามผู้ชายตรงหน้าให้รู้เรื่องทั้งหมดให้ได้
แฟรงค์ละสายตาหันมามองเด็กสาว ที่มีอายุห่างจากเขาราว 10 ปี แววตาของเธอมีทั้งความเศร้าหมอง และคำถามมากมาย ต่างจากเขาที่น้ำรินกลับอ่านใจเขาไม่ออก สายตาของมาเฟียหนุ่มนั้นดูน่ากลัว และดุดันในเวลาเดียวกัน