เท้าเล็กเหยียบคันเร่งรถหรูของตัวเองบนถนนของสะพานแห่งหนึ่งใจกลางเมืองมหานครในยามค่ำคืนท่ามกลางน้ำตามากมายบนใบหน้า หัวใจดวงน้อยปวดหนึบคล้ายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในตอนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา
เอี๊ยดดด
นาร์มินเหยียบเบรกจนล้อครูดเสียดกับพื้นถนนเสียงดังไปทั่วบริเวณ หญิงสาวฟุบใบหน้าลงพวงมาลัยแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ภาพแฟนหนุ่มและผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนัวเนียกันอย่างถึงพริกถึงขิงยังคงติดตามาจนถึงตอนนี้
รู้ดีว่าไม่มีใครลืมเหตุการณ์ที่ทำให้เราเจ็บปวดได้ภายในไม่กี่วินาที แต่ถ้าหากเป็นไปได้ เธอก็อยากลืมมันเสียตอนนี้ ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากจดจำ และไม่อยากให้ภาพเหล่านั้นมาทำร้ายความรู้สึกของเธอ
“ฮึก…” เธอเปิดประตูรถลงมา ตวัดสองเท้าไปยังสะพานแม่น้ำตรงหน้า
ลมเย็นพัดโกรกผ่านมาทำให้น้ำตาบนใบหน้าเริ่มแห้ง แทนที่น้ำตาจะหายไป แต่ทว่ามันกลับยังคงไหลโรยรินเปียกชุ่มใบหน้าเหมือนเดิม
แววตาคู่สวยแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทอดมองสายน้ำตรงหน้า พร้อมหลุบมองความสูงระหว่างจุดที่ตัวเองยืนและแม่น้ำข้างล่าง สองมือกำขอบสะพานเอาไว้แน่น
“หึ แค่ผู้ชายคนเดียว มันทำให้ฉันถึงขั้นเกือบคิดสั้นเลยเหรอเนี่ย” เธอแค่นหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นึกสมเพชตัวเองไม่น้อยที่เผลอมีความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว
เธอใช้ชีวิตบนโลกนี้มายี่สิบกว่าปี ไม่มีทางเอาชีวิตที่ใช้มาแล้วหลายปีของตัวเอง…มาแลกกับระยะเวลาที่คบกันเพียงไม่กี่ปีกับผู้ชายเฮงซวยคนนั้นหรอก!
เธอฟุบใบหน้าลงขอบสะพานแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ยอมรับว่ารักผู้ชายคนนั้นมาก ไม่คิดว่าแค่ผู้ชายคนเดียวจะมีอิทธิพลต่อชีวิตเธอมากมายขนาดนี้ ควรดีใจที่มีคนลากผู้ชายเลวๆ คนนี้ออกไปจากชีวิต ไม่ใช่มาเสียใจและเสียดายอย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้
“มีอยู่วิธีนึงนะ ที่สามารถทำให้คนเรา…เลิกร้องไห้”
กึก
เสียงผู้ชายที่ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องไห้ของทำให้นาร์มินหยุดชะงัก ใบหน้าค่อยๆ ผละออกจากขอบสะพานมองไปยังจุดกำเนิดเสียง
“…..” เธอมองผู้ชายคนนึงที่กำลังยืนสูบบุหรี่พิงขอบสะพานอยู่ข้างๆ แขนข้างที่มีรอยสักรูปงูสีดำยกขึ้นเพื่อดูดบุหรี่ที่คีบเอาไว้ในมือ ริมฝีปากหยักได้รูปคล้ำเล็กน้อยพ่นควันกลิ่นเหม็นฉุนออกมาท่ามกลางอากาศดีๆ ในยามค่ำคืน
เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน…
ใบหน้าหล่อเหลาเอียงไปมองเจ้าของเสียงร้องไห้ข้างๆ ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดไปด้านข้างเล็กน้อย แววตาคมเข้มอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า และคาดเดาอะไรได้ยาก
“อยากรู้ไหมวิธีคนนั้นคืออะไร?”
“….”
“คำตอบอยู่ตรงหน้าเธอแล้วไง ที่เหลือก็อยู่ที่เธอแล้วนะ…ว่าจะเลือกคำตอบที่ใช่รึเปล่า”
“นายเป็นใคร”
“หึ” ชายหนุ่มหน้าตาดีไม่ตอบ เพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วสูบบุหรี่ต่อโดยเบือนใบหน้ามองออกไปข้างหน้าตัวเอง
“นายอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอ?”
“….” อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ เอาแต่ยืนเงียบราวกับคำพูดของนาร์มินไม่ได้ผ่านเข้าโสตประสาท ใบหน้าหล่อเหลาเบือนกลับไปมองหญิงสาว แล้วขยับเรียวปากพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา “ร้องไห้หนักขนาดนี้ แปลว่าถูกทิ้งมาใช่ไหม?”
“เรื่องส่วนตัว ขอไม่ตอบ”
“ถ้าเธอไม่เลือกคำตอบที่เสนอไปตอนแรก งั้นลองเลือกคำตอบช้อยที่สองของฉันดูไหม?”
“….” เธอมองผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ภายนอกดูดีและมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม แววตาคู่นั้นยากจะคาดเดาในสิ่งที่กำลังคิดหรือรู้สึก
ภายนอกที่ดูดีน่าเข้าหา หากแต่กลับแฝงไปด้วยรังสีอันตรายที่แผ่ขยายออกมาจนไม่อยากเข้าใกล้
“!!!!” หัวใจเธอกระตุกเมื่อสายตาปะทะเข้ากับกระบอกปืนที่ชายคนนั้นชักออกมาเล็งใส่หน้า เขาเคลื่อนสองเท้าเข้ามาหา ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มน่ากลัวจนทำให้เธอเสียวสันหลังวาบ
“ถ้าเธอเลือกตัวเลือกนี้ รับรองว่าฉันจะทำให้เธอทรมานน้อยกว่าการกระโดดลงจากสะพาน”
“นะ…นายเป็นใครกันแน่” เธอถามเสียงสั่น จากเคยเสียใจกับเรื่องแฟนหนุ่มนอกใจ กลับต้องมาหวาดกลัวกับการกระทำของชายแปลกหน้าคนนี้
“ก็แค่ช่วยยื่นข้อเสนอให้”
“ถอยออกไปห่างๆ ฉันนะ”
“หึ ปืนไม่มีลูก” ชายแปลกหน้าพูดแล้วโยนกระบอกปืนในมือลงจากสะพาน มุมปากหยักกระตุกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาว
ร่างสูงใหญ่เดินออกไปท่ามกลางสายตาของนาร์มินที่มองตาม เขาก้าวขึ้นรถหรูที่มีชายชุดดำยืนเปิดประตูรถให้
“หน้าตาก็ดี แต่ทำไมถึงดูเหมือนโรคจิตก็ไม่รู้…” เธอพึมพำคนเดียวท่ามกลางอาการหวาดกลัว ยอมรับว่าตอนแรกกำลังเสียใจกับเรื่องแดน ทว่าพอชายคนนี้ชักปืนออกมาจ่อหน้า มันทำให้เธอลืมเรื่องเสียใจไปชั่วขณะ