หนึ่งเดือนต่อมา
นาร์มินเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่ภายในสนามบินท่ามกลางผู้คนจำนวนหนึ่งที่เดินสวนไปมา หลังจากอกหักจากแฟนหนุ่มที่คบกันมาสองปี เธอก็ตัดสินใจจองตั๋วบินไปรักษาแผลใจคนเดียวที่แคนาดาร่วมหนึ่งเดือนเต็ม
แม้ว่าตอนนี้ยังทำใจไม่ได้เต็มร้อย แต่ก็ไม่เจ็บปวดเหมือนวันแรกที่รับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจ ที่ต้องบินกลับประเทศไทยเพราะธุรกิจทางบ้านมีปัญหา ทำให้ต้องบินกลับมาช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ดวงตากลมโตละจากโทรศัพท์ในมือมองไปยังทางเดินตรงหน้า สายตาปะทะเข้ากับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่สวมแว่นตาสีดำกำลังเดินมาอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับชายชุุดดำ ด้วยความที่เขาคนนั้นมีความโดดเด่นและมีเสน่ห์ ทำให้เธอไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
แปลก…ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าใบหน้าผู้ชายคนนั้นถึงดูคุ้นตาราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเสียที
ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินผ่านไป กลิ่นหอมจากตัวเขาเผลอมาเตะจมูกจนเผลอทำให้ใจสั่น เธอหยุดชะงักสองเท้าแล้วหมุนตัวไปมองเขาคนนั้นพร้อมเกิดคำถามในใจ
“ทำไมดูคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน” เธอพึมพำคนเดียวด้วยความสงสัย ลักษณะท่าทางของเขาดูคุ้นตาพิกล แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“ไม่อยู่เมืองไทยแค่เดือนเดียว จำทางในสนามบินไม่ได้เลยเหรอพี่นาร์”
เสียงผู้ชายที่ดังขึ้นทำให้นาร์มินละสายตาจากกลุ่มชายชุุดดำที่เดินออกไปมามองเจ้าของเสียง นาร์วิน น้องชายของนาร์มินเดินตรงเข้าไปหาพี่สาวพร้อมเอ่ยทักทายด้วยคำพูดยียวนกวนประสาทเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ไปอยู่แคนาดาเดือนนึง แผลใจหายดีรึยัง”
“นี่คือสิ่งที่น้องชายทักทายพี่สาวที่เพิ่งกลับมาจากการรักษาแผลใจอย่างนั้นเหรอ?”
“แล้วที่ไปแคนาดาเพราะอกหักไม่ใช่เหรอ?”
“พ่อให้มารับ ไม่ใช่ให้มาซ้ำเติมพี่สาวตัวเอง” เธอบ่นให้น้องชาย ห่างกันแค่เดือนเดียว ความกวนประสาทของนาร์วินก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่า?”
“รู้จักผู้ชายคนนั้นไหม?” เธอพูดพร้อมชี้นิ้วไปยังผู้ชายคนนั้นที่กำลังยืนคุยกับบางคนอยู่
“ถามเหมือนผมเป็นวิกิพีเดียไปได้” นาร์วินตอบกลับพร้อมดึงสายตาไปมองคนที่พี่สาวเอ่ยถาม “รู้จัก”
“เขาเป็นใครเหรอ?”
“สาบานว่าพี่ไม่รู้จักเขา?”
“ถ้ารู้ก็คงไม่ถามหรอก”
“ชื่อมาร์คิน เป็นลูกชายทายาทตระกลูมาเฟีย เขาเป็นนักธุรกิจ และตอนนี้ก็กำลังสานต่อไนต์คลับของพ่อตัวเอง เปลี่ยนชื่อจากมาร์เวลล์คลับมาเป็นไนต์คิงส์คลับ”
“อ๋อ…”
“คนนี้แหละที่พี่นาร์ต้องไปคุยเรื่องธุรกิจด้วย”
“คะ…คุยอะไรนะ?”
“พ่อเรียกพี่นาร์กลับมา เพราะจะให้พี่ไปคุยเรื่องธุรกิจกับคุณมาร์คิน พ่อบอกว่าถ้าได้คุณมาร์คินมาร่วมทำธุรกิจด้วย โอกาสที่บริษัทบ้านเราจะไม่ล้มละลายมีสูงมาก”
“เขามีอิทธิพลขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่นักธุรกิจในไทยนะที่อยากทำธุรกิจกับเขา ต่างประเทศก็มี อีกอย่าง คุณมาร์คินไม่เคยตกลงทำธุรกิจกับใคร”
“อ้าว แล้วแบบนี้เขาจะยอมตกลงทำธุรกิจกับครอบครัวของเราเหรอ?”
“พ่อบอกว่าให้พี่ใช้ความสวยที่พ่อกับแม่ตั้งใจปั้นมากับมือให้เป็นประโยชน์”
“อยู่แคนาดาดีๆ ยังจะเรียกตัวกลับมา”
“ความหวังบริษัท…ขึ้นอยู่กับพี่แล้วนะ” นาร์วินยิ้ม ก่อนจะลากกระเป๋าพี่สาวแล้วเดินนำออกไป
นาร์มินถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ชายที่ชื่อมาร์คิน ขณะที่กำลังมอง เขาก็ได้เบนสายตามาสบตาด้วย แม้จะสวมใว่แว่นตาอยู่แต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังสบสายตากัน
เธอเป็นฝ่ายหลบสายตาไปจากเขา ก่อนจะเดินตามน้องชายที่เดินออกไปก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าตอนสบตากับมาร์คินแอบเผลอใจสั่นอยู่เล็กน้อย
ได้สบตากับคนหล่อ ใครบ้างไม่ใจเต้นแรง…