บทที่9

981 คำ
บทที่9 “พระชายาทำไมดื่มสุรามากถึงเพียงนี้ล่ะเพคะ แล้วยังขอให้องค์ชายส่งมาเพิ่มอีก” จื่อหยางมองเสี่ยวอันที่บ่นว่านางเสียมากมาย แค่มองก็รู้แล้วว่าในใจของอีกฝ่ายก็คงรู้สึกกังวลแทนนางนั่นแหละ “สุราดีไม่ดื่มได้อย่างไรเล่า” จื่อหยางบอกระหว่างเดินกลับไปยังตำหนักจิ่วเฟิ่น ดวงตาก็มองไปยังดวงจันทร์ หญิงสาวฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พระจันทร์สวยสุราดี คืนนี้ดีที่สุดตั้งแต่ได้มาที่นี่เลย แต่ก็น่าเสียดายที่ขอออกไปข้างนอกไม่ได้ จื่อหยางสั่งให้เสี่ยวอันนำสมุดบัญชีสินเดิมมาให้นางดู มือเรียวพลิกหน้ากระดาษไล่สายตากวาดทุกตัวอักษรอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ช้าก็อมยิ้มก่อนจะค่อยๆ คลียิ้มออกมา พลิกไปหน้าต่อไปก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็ไม่ให้นางอารมณ์ดีได้เช่นไร เปิดไปหน้าไหนก็มีแต่ข้าวของราคาแพง ทรัพย์สินที่เป็นของนาง ตอนเป็นพัดชาอย่าว่าแต่สินทรัพย์เลย เงินติดบัญชีมีแค่หลักหน่วยเท่านั้น พอเห็นสินเดิมที่จื่อหยางนำติดตัวแต่งเข้ามาก็อดที่จะมีความสุขไม่ได้ ของของข้า ของรักของข้า “เจ้าว่าพระชายาสติเลอะเลือนไปแล้วหรือไม่” นางกำนัลที่ยืนอยู่หลังเสี่ยวอันอีกหลายช่วงตัวกระซิบกระซาบกัน เห็นพระชายากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับสมุดบัญชีแล้ว นอกจากจะเลอะเลือนแล้วอาจจะถึงขึ้นบ้าไปแล้วก็เป็นได้ คนสติดีที่ไหนจะทำตนเยี่ยงนี้ โหว่ นินทาระยะเผาขน เอิ่มก็ไม่ได้เรียกระยะเผาขนหรอก อยู่ห่างพอสมควร แต่นางดันหูดีไง เลยได้ยิน ช่างกล้าจริงๆ สงสัยถึงคราวได้ลดจำนวนนางกำนัลในตำหนักพระชายาแล้ว จื่อหยางหรี่มองสองสาวด้วยหางตา ผู้ใดไม่อยากมีเงินทองมากมาย ลองไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคอนาคตบ้างไหมเล่า ก้าวขาออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว ความรักหรือ หึ กินได้ไหมล่ะไอ้ที่เรียกว่าว่าความรักนะ จ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ได้ไหม เงินเท่านั้นน็อคเอวี่ติง ธนบัตรเท่านั้น ที่ทำให้เราได้โบยบิน ขับพอ...พอก่อนร้องต่อเดี๋ยวติดลิขสิทธิ์ แม้จะตรวจสินเดิมพบว่ามีมากกมายเพียงใด แต่นางไม่คิดจะใช้มัน เงินของนางก็คือเงินของนาง เงินของโจวตงอวี่ก็คือเงินของนาง สามีภรรยากระเป๋าเดียวกันอยู่แล้ว จากนี้ไปจะใช้แค่เบี้ยรายเดือนที่โจวตงอวี่มอบให้นางในฐานะพระชายา นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่นางไม่คิดจะหย่าขาดจากเขา เพราะหากหย่าร้างกันนางต้องถูกบิดาจับใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ไปแต่งกับคุณชายตระกูลใดตระกูลหนึ่ง อยู่กับโจวตงอวี่นี่ล่ะไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัว มีเงินเดือนมีคนคอยรองมือรองเท้า “เสี่ยวอัน เจ้าบอกสองคนนั่น จากนี้ไปให้ไปทำงานซักล้างและทำความสะอาด ไม่ต้องมาเดินตามข้าแล้ว” ลดหน้าที่เท่ากับลดเงินเดือน จื่อหยางกำลังหาวิธีเก็บเงินรายเดือนที่โจวตงอวี่เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่ได้จะเก็บเงินแล้วหนีออกไปใช้ชีวิตผจญโลกกว้าง แต่แค่มีความสุขที่เห็นมันเพิ่มพูน วันใดวันหนึ่งโจวตงอวี่เกิดเสียสติยกคนโปรดขึ้นมาเป็นพระชายานางก็ยังมีหนทางไป ไปพร้อมเงินทองมากมาย คนรับใช้ที่กล้านินทาเจ้านายย่อมถูกคัดออกก่อนใคร มีเสี่ยวอันอยู่ใกล้ๆ ก็เพียงพอแล้ว เมื่อสั่งลดขั้นนางกำนัลตำหนักจิ่วเฟินแล้ว จื่อหยางก็คิดว่าควรออกไปเดินผ่อนคลายอารมณ์จึงเลือกที่จะมาที่ศาลาริมสระบัว แต่ใครจะไปคิดว่ามีผู้อื่มมาจับจองก่อนเสียแล้ว นางมองเข้าไปด้านในศาลาเห็นร่างหนานั่งตระกองกอดสตรีผู้หนึ่งเอาไว้อย่างหวงแหน “ไม่อายผีส่างบ้างเลย” จื่อหยางบ่นอุบอิบ เตรียมจะหันกลับไปยังทิศทางเดิม แต่บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับนางพอดี นางจึงทำเป็นแกล้งทรุดตัวลงนั่งชมดอกบัวริมสระแทน ให้นางไปตอนนี้เท่ากับว่าหนีหน้าเขาเพราะทนภาพบาดตาไม่ไหว เดี๋ยวเขาจะคิดว่านางยังมีใจให้เขาอยู่ พรืดดดดด “พระชายา” เสี่ยวอันหวีดร้องเสียงหลง มือบางคว้าต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่รอบๆ เอาไว้ พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จื่อหยางไม่ทันสังเกตจุดที่นางนั่งลงมีตะไคร้ขึ้นหนา พอนั่งลงก็ลื่นพรืดลงไปตามแนว ดีมีต้นหญ้าช่วยชีวิต รองเท้าจึงจุ่มลงไปในสระน้ำเพียงเล็กน้อย รองเท้าเปียกดีกว่ากลายเป็นลูกหมาตกน้ำ “จุๆ เบาหน่อยเสี่ยวอัน ข้าลื่นแค่นี้ ตะโกนราวกับข้าตกน้ำลงไปแล้ว” นางหันมาเอ็ดใส่นางกำนัลคนสนิท ไม่ใช่อะไรเขิน ไม่ใช่เขินเสี่ยวอัน นางเกรงคนที่นั่งในศาลาจะได้ยินแล้วหันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ “มาทำไม! ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังใช้เวลาตามลำพังกับนางอันเป็นที่รักขอข้าอยู่ ข้าเคยบอกให้เจ้าอยู่ในที่ของเจ้า" เสียงทุ้มดังกังวาเอ่ยถามเหนือศีรษะ ดวงตากลมโตมองไปยังศาลาริมสระบัวพบว่าตอนนี้เหมยเหมยนั่งอยู่เพียงลำพัง “มาให้หมามันถาม” “ห๊ะ” โจวตงอวี่หลุดเสียงออกมา นางหมายความว่าเช่นไร ประโยคเช่นนี้เขาเพิ่งเคยได้ยิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม