บ้านเล็กในชุมชนแออัด
ท้ายซอยมีแต่บ้านไม้สองชั้นสร้างเบียดเสียดติดๆ กันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่ในเขตที่ดินของคุณนายแช่มช้อย เธอเอามรดกตกทอดมาทำเป็นบ้านเช่า เก็บราคาแค่เดือนละสองพันบาท ค่าน้ำค่าไฟจ่ายต่างหาก ถือว่าถูกที่สุดแล้วสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ
“แม่!! พริกเมนส์มาปวดท้องขอหยุดไม่ไปยกผักได้ไหม”
“ไม่ได้!! อย่ามาโกหกฉันอีพริก เมนส์แกมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว”
“วันเกิดพริกทั้งทีหยุดสักวันไม่ได้เหรอแม่”
“แกจะเอาเงินไปโรงเรียนไหม”
“เอาสิ”
“งั้นก็ไปทำงานสะ ฉันไม่ให้แกฟรีๆ หรอก”
“แม่อะ...ทำไมไม่ให้ไอ้พอร์ชไปช่วยบ้างล่ะ สายป่านนี้แล้วยังหมกอยู่แต่ในห้อง”
“น้องขยันกว่าแกเยอะ ไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า”
“ชิ๊!! หนีสิไม่ว่า เหอะ!! ตั้งชื่อลูกยังลำเอียง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นหรอก”
เป็นปมด้อยตั้งแต่เด็ก ที่แม่ตั้งชื่อให้พริกซึ่งมันออกจะบ้านนอกตามความคิดคนเป็นพี่ ก็เพราะชื่อน้องชายตั้งให้อินเตอร์เป็นลูกผู้ดี เธอจึงเพิ่มไปอีกพยางค์ให้ทันสมัยขึ้นคือ พริกเผ็ช
“บ่นอะไรอีพริก”
“เปล๊า...”
บ้านแม่ค้าขายผักดังเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้เหมือนทุกวัน บ้านเล็กอาศัยกันอยู่เพียงสามคน
แม่มาลัยผู้ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการหาเงิน ทำอาชีพขายผักอยู่ในตลาดหน้าปากซอย นิสัย ปากจัด ด่าเก่ง ขี้บ่น เสียงดัง
พริกเผ็ช สาวน้อยน่ารัก ใบหน้าจิ้มลิ้มสมวัย ผิวขาว ผมยาวประบ่าเพราะยังอยู่มอปลาย แต่สรีระรูปร่างและความคิดโตนำหน้าวัยไปเยอะ หน้าอกอวบอั๋น สะโพกผาย มีเสน่ห์กว่าหญิงสาววัยเดียวกัน เว้นเสียแต่เธอนั้นปากจัด ด่าเก่ง ชอบตะโกนโหวกเหวก มือถึงตีนถึงพร้อมจะฟาดฟันใส่คนที่มาหาเรื่องก่อน จึงทำให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาเมินหนี
พอร์ช น้องชายแท้ๆ อายุน้อยกว่าสี่ปี ใบหน้าถือว่าหล่อในระดับหนึ่ง ผิวขาว รูปร่างสูงเพราะชอบเล่นกีฬา นิสัยเรียบร้อย เรียนเก่ง รักเรียน แม่มาลัยตั้งความหวังไว้ว่าจะส่งเสียให้ลูกเรียนจบเป็นหมอ เพื่อฝากฝังยามแก่เฒ่า
ต่างจากลูกสาว เธอต้องช่วยงานแม่ทุกอย่าง ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปช่วยยกผักวางเรียงหน้าแผง จัดแยกแบ่งเป็นกำๆ เพื่อขายในราคาสิบบาท ต้องรดน้ำผักให้ดูเขียวฉ่ำน่าซื้อ บางครั้งต้องแอบเอาธูปมาจี้ผักใบเขียวทำให้ดูว่าปลอดสารมีหนอนกิน ผักบางชนิดเน่าเสียง่ายก็จัดการจุ่มฟอร์มาลีนให้ดูสดเสมอ เธอทำแบบนี้ทุกวันก่อนจะไปเรียน...แลกกับเงินหนึ่งร้อยบาท ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ต้องมานั่งขายแทนผู้เป็นแม่
“แม่ๆ คุณนายมาเก็บค่าเช่าแล้วโน้น” ลูกสาวตะโกนดังลั่นเมื่อเหลือบไปเห็นคุณนายแช่มช้อย กำลังแวะตามแผงเพื่อเก็บค่าเช่าสองร้อยบาท เธอเป็นเจ้าของเดียวกับบ้านเช่านั่นแหละ
“ค่าแผงวันนี้ค่ะคุณนาย” มาลัยยื่นเงินให้คุณนายเหมือนทุกเช้า แต่วันนี้พิเศษเพราะคนที่รับเงินไปเป็นผู้ชายร่างโปร่งที่มาพร้อมกับเธอ
“นี่ลูกฉันเองชื่อเดฟ เพิ่งกลับมาจากเมกา ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะให้มาเก็บค่าเช่าทุกเช้าแทนฉัน”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ใบหน้าขาวเนียนหน้าตี๋ สวมใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลกส์สีดำ ท่าทางดูสุภาพเรียบร้อย ยิ้มนิดๆ ให้แม่มาลัยแล้วยกมือไหว้ แต่ไม่ทันไรก็ถูกมือคนข้างๆ ปัดลง
“ลูกไม่ต้องไปไหว้หรอก พวกนี้ก็แค่คนเช่าบ้านเช่าแผง” แม่ของเขาห้ามปรามด้วยเสียงเรียบ นั่นกลับทำให้พริกเผ็ชไม่พอใจเหมือนตนโดนดูถูก หยิบขวดพลาสติกที่เจาะฝาเป็นรูสำหรับไว้รดน้ำผัก แกล้งฉีดผักตรงที่คุณนายยืนอยู่
“ว้าย!! ทำอะไรของเธอเนี่ย” เจ้าของแผงแหกปากดังลั่น พลันแม่ค้าพ่อค้าทั้งตลาดให้มามองทันที
“อ้าวคุณนายได้ค่าเช่าแผงแล้วยังยืนอยู่อีกเหรอคะ”
“นี่เธอ!!”
“ไปเก็บร้านอื่นต่อสิคะ ยืนบังลูกค้าหาพระแสงอะไร”
“เด็กอะไรเนี่ย...มาลัยเธอน่าจะสั่งสอนลูกสาวบ้างนะ ไร้มารยาทไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่”
“ฉันเคารพสำหรับคนที่น่าเคารพค่ะ”
“ขอโทษนะคะคุณนาย ลูกสาวฉันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ไม่ชอบอะไรก็จะแสดงออกตรงๆ คุณนายอย่าถือสาเลยนะคะ รีบเดินไปเหอะแม่ค้าร้านโน้นรอจ่ายเงินให้คุณนายแล้ว” แม่มาลัยเอ่ยต่อด้วยเสียงเรียบ
“ชิ๊!!” สีหน้าคุณนายแสดงออกว่าไม่พอใจ คนข้างๆ จึงรีบประคองแขนไว้
“คุณแม่พวกเราไปเก็บแผงอื่นให้เสร็จเถอะครับ ผมหิวแล้ว” เขาเอ่ย แต่สายตาคมกับเอาแต่จ้องพริกเผ็ช กลับไทยมาเป็นเดือนก็เพิ่งเคยเห็นเด็กหน้าตาน่ารักอย่างเธอ สาวน้อยรู้ว่าถูกมองก็รีบนั่งเหยียดตัวตรง เชิดคางเบือนสายตาไปทางอื่น ทำตัวหยิ่งราวกับสวยเต็มประดา
“ไปกันเถอะลูก แม่ก็ไม่อยากยืนตรงนี้หรอก”
สองแม่ลูกพากันเดินไปร้านตรงข้าม แม่มาลัยหันมากระซิบกับลูกสาว
“แกหว่านเสน่ห์ลูกชายคุณนายเหรออีพริก เขามองแกไม่วางตา”
“แม่!! พูดอะไรนะ พริกเพิ่งจะสิบแปดเองนะ”
“อย่าแรดก็แล้วกันไม่งั้นฉันเอาเลือดหัวแกออกแน่”
“แม่เหอะ!! เอาเงินมาได้แล้วพริกจะไปเรียน”
“เอาไปร้อยหนึ่ง”
“สองร้อยก็แล้วกัน ค่าที่พริกไล่อีคุณนายนั่นไป” ถึงแม้แม่จะไม่ให้ แต่พริกก็ถือวิสาสะหยิบแบงค์สีแดงออกมาจากกระป๋องใส่เงิน แล้วรีบวิ่งกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวสวมใส่แบบฟอร์มนักเรียน
ดีที่โรงเรียนอยู่ไม่ไกลนักเด็กสาวนั่งรถเพียงแค่สิบห้านาทีก็เข้าโรงเรียนก่อนเคารพธงชาติพอดี
ม้านั่งใต้ตึก
“คุณพริกเผ็ชคนสวย มึงไม่ลืมหรอกใช่ไหมวันเกิดทั้งทีต้องเลี้ยงเหล้าพวกกู” หนึ่งในสองสาวที่นั่งอยู่ก่อนกล่าวทัก
“เออๆ กูไม่ลืมหรอก ให้กูเลี้ยงที่ไหนล่ะว่ามาเลย” เจ้าของชื่อตอบในขณะที่หย่อนสะโพกนั่งตรงข้ามพวกเธอ
“ผับดีเอ็มแถวทองหล่อเป็นไง ผับดังมากในโซเชียล พวกเราไปกันไหม”
“ได้ดิ ว่าแต่ค่าเปิดดริ๊งก์เท่าไหร่พวกมึงรู้ไหม”
“ไปก่อนสี่ทุ่มค่าแรกเข้าห้าพัน”
“ห้าพัน!!” พริกเผ็ชเบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน
“ทำไม? อย่าบอกนะว่ามึงเปลี่ยนใจไม่เลี้ยงพวกกู”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“เออๆ งั้นสองทุ่มเจอกันหน้าปากซอย”
“อื้ม” สามสาวเพื่อนสนิทเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล อยู่บ้านในชุมชนเดียวกัน รู้ไส้รู้พุงกันทุกเรื่อง คนหนึ่งชื่อ กานต์ สาวน้อยวัยกำดัด หน้าตาสะสวย รูปร่างดี อาศัยอยู่กับพ่อแค่สองคน ด้วยความจนเธอจึงรับอาชีพเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารช่วงกลางคืน พ่วงด้วยอาชีพเสริมเล็กน้อยบริการอมดูดให้แขกที่ยอมให้เงินสองร้อยสามร้อยบาท ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน
ส่วนอีกคนชื่อ น้ำฝน สาวน้อยไร้เดียงสา นิสัยเรียบร้อย พ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทำให้เหลือตัวคนเดียว และสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่คือบ้านปูนตรงข้ามชุมชมแออัด จึงจำใจเปิดเป็นบ่อนให้พวกผู้ใหญ่มาเล่นพนันกัน
ทั้งสามสนิทกันมาก ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือเข้ามาคุยด้วย เนื่องจากนิสัยไม่เป็นมิตร รวมไปถึงพฤติกรรมไม่ดีที่ลือกระฉ่อน