“ฉันก็ต้องอยู่ที่นี่ตามข้อตกลงที่ได้สัญญากับคุณไว้แต่มันก็ใช่ล่ะค่ะ ฉันไม่ได้ไปไหนเลยถ้าเป็นใครก็ต้องรู้สึกอึดอัด”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะพาคุณออกไปข้างนอก ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเผื่อว่าคุณอยากได้อะไร”
เขาลุกขึ้นยืนและก้าวเข้ามาอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับรามิลมันทำให้บาลิกาควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ เธอยังคงตื่นเต้นแม้ว่ามาอยู่กับเขาเป็นเวลาเกิน 30 วันแล้ว แถมยังถูกเขากอดจูบอยู่บ่อยครั้งแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นชินเลยแม้แต่น้อย เธอหลบตามองต่ำ
“ฉันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวแล้วจะออกไปซื้อของข้างนอกได้ยังไง”
“ผมจะให้บัตรเครดิตคุณใช้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ...ขอบคุณ...ใช้บัตรเครดิตของคุณฉันก็ต้องตามใช้หนี้คุณอีก ให้พี่ภาสใช้หนี้คุณคนเดียวเถอะค่ะ”
“นี่เป็นส่วนพิเศษที่ผมจะให้คุณค่าที่คุณมาอยู่ที่นี่ถือว่าเป็นค่าตัวของคุณที่ยอมให้ผมกอดจูบทุกวันยังไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้ขายตัวนะคุณรามิล ที่ฉันต้องยอมคุณเพราะว่าถูกบังคับต่างหาก”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดนะ บอกแล้วไงว่าศักดิ์ศรีมันใช้ไม่ได้เวลาที่คุณอยู่ที่นี่ ผมอยากให้คุณทำอะไรคุณก็ต้องทำตามใจที่ผมต้องการหรือว่าถ้าคุณไม่รับน้ำใจจากผมผมจะได้ทำงานต่อ”
“เอ้อ...ก็ได้ค่ะ”
บาลิกาเสียงอ่อยเมื่อเห็นว่าเธอต่อรองอะไรกับเขาไม่ได้ รามิลเป็นคนที่ค่อนข้างสุขุม เขาไม่ใช่คนโหวกเหวกโวยวายหรือพูดมากแต่คำพูดของเขามันบ่งบอกความรู้สึกลึก ๆ เวลาที่เขาไม่พอใจเสียงของเขาและท่าทีอั้นสงบเยือกเย็นนั้นเหมือนคลื่นใต้น้ำไม่ต่างจากทะเลก่อนมีพายุใหญ่ที่ดูเหมือนสงบนิ่ง การที่บาลิกามาอยู่กับเขาเป็นเวลาเดือนกว่าทำให้เธอได้เรียนรู้นิสัยหลาย ๆ อย่างจากแฝดผู้พี่ของราเมศ แม้หน้าตาทั้งสองจะเหมือนกันอย่างกับแกะหากแต่รามิลนมีนิสัยที่ไม่เหมือนราเมศเลยแม้แต่อย่างเดียว เขาเป็นคนที่ไม่มีความอ่อนหวานแม้แต่การกอดหรือจูบเธอ หลายครั้งเขาก็กระทำมันราวกับคนไม่มีหัวใจ เขาทำเหมือนอยากแกล้งให้เธอเจ็บใจและหลายครั้งก็พูดจาส่อเสียดดูหมิ่นดูแคลนเธอ บาลิกาจำต้องเก็บความเจ็บปวดและไม่สบายใจเอาไว้ข้างใน ทำไมเธอจะไม่ขมขื่นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ค่าจากคำพูดคนว่าของเขาที่บางครั้งก็ส่อเสียดว่าเธอเอาตัวแลกเงิน แล้วมันจะต่างอะไรกับพวกโสเภณีกันล่ะทั้งที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดแม้แต่น้อย มันทำให้ทุกค่ำคืนที่เธอมาอยู่ที่นี่บาลิกาคิดถึงราเมศอยู่ตลอดเวลา ถ้าเขายังอยู่ก็จะไม่มีวันปฏิบัติตัวกับเธอแบบนี้อย่างเด็ดขาด และหลังจากที่เธอตอบรับกลับไปนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ตกลงคุณจะออกไปข้างนอกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใช่ไหม...นี่เป็นบัตรเครดิตของผมคุณอยากจะซื้ออะไรผมอนุญาตให้คุณซื้อได้ตามใจโดยไม่ต้องคิดว่าคุณจะเป็นหนี้ผม”
เขายื่นบัตรเครดิตให้หญิงสาวและเธอก็จำต้องรับไปรู้สึกกระดากใจแปลก ๆ ตอนนี้เธอเหมือนคนหมดสิ้นหนทางจริง ๆ จำเป็นต้องพึ่งพาเขาแต่ใจจริงแล้วเธอไม่ได้อยากออกไปเที่ยวข้างนอกหรืออยากจะชอปปิ้งอะไร แต่ที่เธอจะออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ก็เพื่อหาทางติดต่อกลับไปหาพี่ชายเพราะเธอรู้ว่าถ้าใช้โทรศัพท์มือถือของเขารามิลก็จะบันทึกเสียงการพูดคุยระหว่างเธอกับภาสกรนั่นเอง
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วรามิลก็พาบาลิกาออกจากโรงแรม the president มันเป็นวันแรกที่ได้ออกไปสูดอากาศนอกตึกสูงหลังจากที่เธอต้องอุดอู้อยู่ในห้องที่มองออกไปเห็นภาพของตึกสูงจากบานกระจกของห้องพักที่แม้หรูหราแต่มันก็ไม่ต่างจากกรงขังอิสรภาพเธอมองลงไปเบื้องล่างทุกครั้งแล้วให้รู้สึกหดหู่ใจตัวเองเธออยู่ในที่สูงก็จริงแต่ไม่มีโอกาสได้ลงไปเดินตามท้องถนนอย่างคนปกติทั่วไป รามิลร้ายลึก เขากักขังเธอไว้และทำเหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาก็ไม่ปาน จนกระทั่งไปถึงห้างสรรพสินค้าเขาก็พาเธอไปที่ร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม บาลิกาพยายามคิดว่าเธอจะหาวิธีการไหนหลีกหลบจากเขาไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะตรงไหนสักแห่งในห้าง เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีที่ไหนที่จะมีตู้โทรศัพท์สาธารณะให้เธอโทรกลับไปหาพี่ชาย อย่างน้อยมันต้องมีสักแห่งหนึ่งสินะ และขณะที่เธอกำลังเลือกชุดสวยอยู่ในร้านนั้นรามิลก็ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขายืนชิดกับหญิงสาวและเอ่ยขึ้นว่า
“คุณคงอยากรู้สินะว่าตอนนี้พี่ชายของคุณเป็นยังไงบ้าง”
พอก็พูดจบเธอก็หันมามองหน้าบางลิกาย่นคิ้วและเอ่ยว่า
“แล้วตอนนี้พี่ภาสเป็นยังไงบ้าง เขาได้ค*****นคุณหรือยังคะ?”
“ผมกำลังจะบอกคุณนี่ไงว่าพี่ชายของคุณเก่งนะ เขาหาเงินมาคืนผมได้ถึง 50 ล้านบาทแล้วภายในเดือนนี้”
บาลิกาตาวาว “จริงเหรอคะ...พี่ภาสทำยังไง แล้วเขาเอาเงินมาจากไหน เขาได้บอกคุณหรือเปล่า”
“ผมไม่สนใจหรอกนะว่าที่มาที่ไปของเงินจะเป็นยังไง แค่เขาไม่ผิดคำสัญญาส่งเงินตรงตามเวลาผมก็โอเคแล้ว”
“ถ้าพี่ภาสค*****นคุณได้ครบทั้งหมดฉันก็จะได้กลับบ้านเร็วขึ้นใช่ไหมคะ?”
“ดูคุณจะมั่นใจเหลือเกินนะว่าพี่ชายของคุณจะหาเงินเมื่อคืนผมได้ครบในเร็ว ๆ นี้..อืม...ผมว่าชุดนี้ก็สวยดีนะมันเหมาะกับคุณ”
รามิลเปลี่ยนเรื่องพูดในทันใด เขาหยิบชุดหนึ่งขึ้นมาและลองทาบบนตัวของบาลิกาซึ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ มันเป็นชุดกระโปรงเสื้อสายเดี่ยวซึ่งเธอไม่ชินกับการแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังแบบนี้ หญิงสาวแค่ยืนนิ่ง ๆ แล้วเหลือบแลเขาขณะที่รามิลพินิจพิจารณาเลือกชุดที่ดูเหมือนว่าเขาเท่านั้นชอบใจกระทั่งเขาหยิบอีกชุดหนึ่งขึ้นมาและทาบบนตัวของเธออีกครั้ง มันเป็นชุดในรูปแบบเดียวกันแต่เป็นสีชมพูหวานก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้น
“ตัวคุณเล็กนิดเดียวจะใส่ชุดอะไรมันก็ง่ายไปหมดเลยนะ เอาอย่างนี้ไหมผมจะเหมาชุดให้คุณทั้งราวนี่เลย”