บทที่ 10 คุณชอบผมเหรอ
เวลา 8.45 น. ไส้เทียนยืนมึนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า ก่อนจะเบิกตากว้างกุมขมับตัวเองด้วยความอับอาย เขาลืมไปได้ยังไงว่าปกติแล้วห้างมันเปิด 9 โมง!
ระหว่างที่กำลังอับอายกับตัวเอง รถยุโรปคันหรูก็มาจอดด้านข้าง หน้าต่างเปิดลงเผยให้เห็นคนด้านใน
"ไง ขึ้นมาก่อนสิ"
เมื่อไม่มีทางเลือกไส้เทียนจึงต้องขึ้นไปบนรถ พยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด เขาจะให้กองทัพรู้ความอับอายไม่ได้! เพราะเมื่อวานเขาถูกกวนจนสมองเบลอแน่ๆ ถึงได้นัดเวลานี้ เขาน่าจะนัดสัก 11:00 น
รถยนต์เคลื่อนออกไปสู่ถนนอย่างช้าๆ ไส้เทียนเงยหน้ามองคนข้าง ๆ ที่กำลังยิ้มมีความสุขอย่างไม่ปิดบัง
"เรากำลังจะไปไหนกันครับ"
"ร้านคาเฟ่ไม่ไกลจากที่นี่"
ได้ยินคำตอบไส้เทียนก็พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศภายในรถดูอึดอัด ยิ่งเห็นสีหน้ามีความสุขของกองทัพ เขาก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา
อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น
การจราจรบนท้องถนนช่วงวันหยุดคับคั่งไปด้วยรถ พวกเขาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้าน มันเป็นร้านดูเรียบหรู บรรยากาศรอบข้างร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้
เมื่อเดินเข้ามาในร้าน พนักงานก็มาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ภายในร้านมีคนอยู่ไม่มากทำให้รู้สึกสงบ และเป็นส่วนตัว
ไส้เทียนสั่งขนมกับโกโก้ปั่น ส่วนกองทัพสั่งแค่กาแฟดำ บรรยากาศที่โต๊ะเงียบสนิทไม่มีการพูดคุยกัน
"คุณชอบผมเหรอครับ" กองทัพชะงักเมื่อร่างบางเอ่ยขึ้น เขาไม่คิดว่าไส้เทียนจะถามตรง ๆ แบบนี้
"ใช่" เขาสบตากับคนตรงข้าม สีหน้าของกองทัพจริงจังไม่มีวี่แววล้อเล่น บ่งบอกว่าเจ้าตัวพูดความจริง
บรรยากาศภายในโต๊ะกลับมาเงียบอีกครั้ง ทั้งคู่สบตากันโดยไร้บทสนทนา ไส้เทียนมองลึกลงไปในนัยน์ตาคู่นั้นราวกับค้นหาความจริง
"คุณต้องการจีบผม?"
ไส้เทียนเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้กองทัพชอบ เพราะการพบเจอกันครั้งแรกไม่ได้ดีเลย ครั้งแรกที่เจอกัน เขาก็ถีบอีกฝ่ายตกเตียง ทั้งที่ไม่ควรจะชอบคนที่ทำร้ายตัวเองแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมกองทัพถึงได้ชอบเขา
ความจริงที่ไส้เทียนไม่รู้คือ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่กองทัพถูกคนอื่นปฏิเสธ เขาจึงเกิดความสนใจตั้งแต่ครั้งแรก ยิ่งได้บังเอิญเจอกันเขาก็ยิ่งรู้สึกถูกใจ
"ใช่"
คำตอบของกองทัพยังคงมั่นคง และเต็มไปด้วยความจริงใจเหมือนเดิม ไส้เทียนถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
กองทัพรู้ตัวว่าตอนนี้อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถ้ายังเล่นตัวไม่รีบลงมือจีบ มีหวังไส้เทียนได้หนีหายไปกับหนุ่มหล่อแน่นอน
"ผมจะยอมให้คุณจีบก็ได้ แต่มีข้อแม้"
สายตาของกองทัพเป็นประกายในช่วงแรก ก่อนจะชะงักรอฟังข้อแม้ของร่างบางตรงหน้า
เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ ปกติแล้วกองทัพเกิดมาพร้อมกับการเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทุกอย่างจะวิ่งมาหาเขาด้วยตัวเอง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาวิ่งหาคนอื่น แต่แปลกที่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรี ตรงกันข้ามเขากลับมีความสุขที่ได้ทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก เป็นความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
"ว่ามาสิ เสี่ยพร้อมทำมาก"
"ข้อที่ 1 เลิกแทนตัวเองว่าเสี่ย" แค่ข้อแรกก็ทำให้กองทัพยิ้มค้าง
"ข้อที่ 2 แม้ผมจะยอมให้คุณจีบ แต่ผมก็ยังไม่ได้ตกลงคบ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ผมไม่อนุญาตให้คุณแตะเนื้อต้องตัวผมอย่างเด็ดขาด" เมื่อเห็นท่าทีแข็งค้างของกองทัพ ไส้เทียนก็อารมณ์ดีขึ้นมา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มองกองทัพด้วยอคติแล้ว แต่เขาก็จำเป็นต้องเว้นระยะห่างเพื่อดูพฤติกรรมว่าอีกฝ่ายจริงจังกับเขา หรือแค่มาเล่น ๆ
"ได้ครับ"
กองทัพยิ้มสู้ เขาจะแสดงท่าทีตะลึงออกไปไม่ได้ แค่ข้อแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้ เดี๋ยวก็ได้เสียชื่อกองทัพพอดี
ไส้เทียนกลับมาบ้านในช่วงบ่าย การออกไปข้างนอกกับกองทัพไม่ได้มีอะไรพิเศษ หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จอีกฝ่ายก็มาส่งเขาที่บ้าน พอเดินเข้ามาก็เจอกับสายตาจับผิดของผู้เป็นพี่ชาย
"น้องไปไหนมาเหรอ เหมือนพี่เห็นรถมาส่ง"
แม้จะอยู่ไกล แต่เขาก็มองเห็นว่าคนที่มาส่งน้องชายเป็นผู้ชาย น้องเขาเพิ่งหายเจ็บจากผู้ชายสารเลว เขาต้องสแกนแฟนของน้องอย่างละเอียด เขาจะไม่ยอมให้ไส้เทียนต้องเจ็บปวดอีกแล้ว
"คุณกองทัพน่ะครับ เขากำลังจีบผม"
ไส้เทียนเอ่ยอย่างไม่คิดอะไร กัปตันเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าคนระดับนั้นจะมาชอบน้องชายของเขาได้ ถึงแม้ว่ากองทัพจะได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจแนวหน้า แต่ถ้าหากอีกฝ่ายมาทำให้น้องชายเขาเจ็บปวดเหมือนดินแดน เขาก็จะไม่ยอมเหมือนกัน
"แล้วเขาได้ทำอะไรแปลก ๆ ไหม" กัปตันถามพร้อมกับมองสำรวจน้องชายอย่างละเอียด
"ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง" ไส้เทียนยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นพี่ชาย การมีคนมาห่วงแบบนี้ทำให้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
กัปตันถอนหายใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังคงปกติดี
"ดีแล้ว ถ้ามีอะไรก็บอกพี่นะ" กัปตันลูบหัวน้องชาย แล้วปล่อยให้ไส้เทียนเดินผละขึ้นไปชั้นบน
ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วก่อนจะนึกถึงอ**บริษัทที่โจมตีครอบครัวของเอก ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมกองทัพถึงโจมตี แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะรู้สาเหตุแล้ว เพราะดินแดนกับเอกเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไส้เทียนเกิดความรู้สึกแย่ ๆ กองทัพคงต้องการเอาชนะใจถึงทำแบบนี้
ไส้เทียนล้มตัวนอนบนเตียงได้ไม่ทันไรโทรศัพท์ก็สั่น พอกดเข้าไปดูก็เห็นดินแดนใช้ไลน์อื่นแอดมา ส่วนที่เขารู้ว่าเป็นดินแดนก็คงเพราะข้อความที่ส่งมา
Dxxxx / ไส้เทียน พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ผิดไปแล้ว ที่พี่ทำไปก่อนหน้านี้พี่แค่หลงกับนิสัยจอมปลอมของเอก พี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม
สีหน้าของไส้เทียนเรียบนิ่ง แต่แววตาฉายแววน่ากลัว หากเป็นไส้เทียนตัวจริงคงจะใจอ่อน ความรัก 3 ปีคงจะไม่สามารถหายไปได้ในทันที
แต่มันไม่ใช่กับตอนนี้! ต่อให้ดินแดนคร่ำครวญว่ารักเขามากขนาดไหน เขาก็จะไม่สนใจ คนเราก็เป็นแบบนี้ตอนที่ทำไม่คิด พอมีผลกระทบกลับมาขอโทษโดยที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำเลย ว่าเขาต้องเสียใจขนาดไหน
ไส้เทียน / มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ
ดินแดนกำโทรศัพท์แน่น เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ตอนนี้เขาแทบจะเอาตัวไม่รอด ตระกูลของเขาล้มละลายต้องขายทรัพย์สินเพื่อใช้หนี้ ตอนนี้เขามีเงินติดตัว 1,000 บาทสุดท้าย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตจะตกต่ำได้ถึงขนาดนี้
ดินแดนคับแค้นใจทั้งตระกูลของเอกและกองทัพ
Dxxxx / พี่หวังว่าเราจะยกโทษให้ ไส้เทียนไม่ได้รักพี่แล้วเหรอ เราคบกันมาตั้ง 3 ปี
ไส้เทียน / ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าพี่คบกับผมมา 3 ปี แล้วทำไมพี่ถึงนอกกายนอกใจไปหาคนอื่น หลังจากนี้ไม่ต้องติดต่อมาแล้วครับ ผมเลิกรักพี่ไปนานแล้ว
ไส้เทียนที่รักดินแดนไม่มีอีกแล้ว มีเพียงไส้เทียนที่เกลียดชัง แค่คุยผ่านตัวหนังสือเขายังสะอิดสะเอียน
ภายในห้องคับแคบที่ไม่ค่อยสะอาด ดินแดนเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมก่อนจะเปิดประตูออกไปข้างนอก ตอนนี้เขาไม่มีที่ให้อยู่อีกแล้ว งานใหม่ที่เขาทำตอนนี้คือเป็นนักสู้ใต้ดิน เงามืดที่ไร้กฎเกณฑ์
แววตาของดินแดนเย็นชา เขาไม่มีทางปล่อยให้เอกมีชีวิตอย่างสงบสุข เพราะมัน ชีวิตเขาถึงตกต่ำได้ขนาดนี้!
เอกมองผู้เป็นพ่อที่นั่งหน้าเคร่งเครียด บ่งบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ในตระกูลไม่ดี 3 วันแล้วที่เขาถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แล้วก็ไม่ให้ติดต่อกับดินแดนด้วย
"ทำไมล่ะ ทั้งที่ไล่ดินแดนออกไปแล้ว ทำไมถึงยังไม่ดีขึ้น"
ชายวัยกลางคนกุมขมับด้วยความเครียด เขาพยายามประคับประคองเต็มที่ ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่สถานการณ์ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย
เอกกำหมัดแน่น ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่สถานการณ์ต้องมีแต่แย่ลงแน่ ๆ! ไม่ใช่แค่อาชีพการงานที่ล่มจม แต่ทั้งตระกูลก็จะพากันล่มจมไปหมด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะไอ้ไส้เทียนคนเดียว มันเป็นต้นเรื่องของทุกสิ่งทุกอย่าง!
ความคับแค้นฉายชัดบนใบหน้า เอกขึ้นไปบนห้องด้วยท่าทีไร้ซึ่งความสุข ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อดีก็มีอีเมลปริศนาส่งมา ทำให้แววตาของเขาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร เขาจะต้องเอาคืนไอ้ไส้เทียนให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ!!!
ไส้เทียนตื่นมาวิ่งออกกำลังกายช่วงเช้าตามปรกติ แต่วันนี้มีสิ่งที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือกองทัพที่วิ่งอยู่ด้านข้างด้วย อีกฝ่ายในชุดออกกำลังกายดูมีออร่ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะยามที่มีเหงื่อไหลตามกรอบหน้า เป็นที่จับตามองของคนรอบข้าง
"ทำไมคุณถึงมาออกกำลังกายกับผมครับ"
ไส้เทียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดเหงื่อ ใบหน้าขาวแดงระเรื่อเมื่อได้ออกแรงมันดูเย้ายวนไม่น้อยในสายตาของกองทัพ ไหนจะเสื้อขาวที่แนบไปกับร่างกาย ไหนจะกางเกงขาสั้นที่โชว์ขาเรียวสวย
"อื้ม สวย"
"คุณว่าอะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ชัด"
ไส้เทียนถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อกี้นี้เหมือนเขาได้ยินกองทัพเผลอพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่มันเบาเกินไป
"เปล่าครับ สะ เสี่ เอ้ย พี่แค่อยากทำคะแนนไงครับ"
กองทัพหลุดพูด ก่อนจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไส้เทียนมองค้อนมาให้ รู้สึกเสียดายอยู่หน่อย ๆ เพราะเขาออกจะชอบคำนั้นแท้ ๆ
นี่สินะที่เขาบอกว่าคนน่ารักมักใจร้าย
"ตามสบายครับ" ไส้เทียนยักไหล่อย่างไม่สนใจ มีคนมาวิ่งเป็นเพื่อนก็ไม่เหงาดีเหมือนกัน
หลังจากที่ออกกำลังกายจนพอใจแล้วไส้เทียนก็เดินตรงไปที่ร้านน้ำเต้าหู้ คนขายเป็นคุณลุงหูหนวก แกจะมาขายที่นี่ทุกเช้าเพราะมันอยู่ใกล้กับบริษัท นอกจากคนที่มาออกกำลังกายแล้ว เหล่าพนักงานเงินเดือนก็มาอุดหนุนแกด้วย
"คุณเอาด้วยไหมครับ" ไส้เทียนขำเมื่อเห็นท่าทีเก้กังของกองทัพ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยมาซื้อ
"เอาเหมือนนาย"
ไส้เทียนพยักหน้าก่อนจะชี้สิ่งที่ต้องการ ลุงพยักหน้าแล้วจัดการให้อย่างรวดเร็ว ร้านนี้ดีมากสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ถุง หรือว่าใส่แก้วกันร้อนแบบพร้อมดื่ม ทำให้ท้องที่หิวโหยยามเช้าถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้ถึงบ้าน
เมื่อรับน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาแล้ว ไส้เทียนก็หยิบเงินในกระเป๋า แต่ก็ถูกกองทัพตัดหน้าจ่ายไปก่อน แต่แบงก์ที่อีกฝ่ายหยิบมาคือแบงก์พัน แน่นอนว่าลุงเจ้าของร้านส่ายมือระรัว
"เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ แบงก์ใหญ่ขนาดนั้นลุงไม่มีทอนหรอก"
พอเห็นกองทัพหน้าเหวอไส้เทียนก็หัวเราะออกมา แม้ว่าใบหน้าหล่อจะไม่แสดงออก แต่เขาแอบเห็นนะว่าหูอีกฝ่ายแดงแค่ไหน
บางทีคนแก่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ