หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเลย ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรทั้งนั้นจนแม่เอ่ยถาม
“ทำไมไม่ไปโรงเรียน?”
“...”
“สายธาร!!”
“หนูไม่อยากเรียนแล้ว” ฉันตอบไปตามความจริง ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นค่ะ
“ทำไมล่ะอีกสามสี่เดือนก็จบแล้วทนอีกหน่อยไม่ได้เหรอวุฒิการศึกษามันสำคัญมากนะ”
“มันกินได้ว่างั้น?”
“มันกินไม่ได้แต่มันทำให้แกมีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น มีสมองหรือเปล่าเนี่ยที่พูดออกมาน่ะ”
“รำคาญว่ะ แม่เลิกพูดเหอะ”
“สายธาร ... ฉันจะเอายังไงกับแกดี”
“แม่เลิกบ่นเหอะ หนูรู้ว่าควรทำยังไง”
“ที่สั่งสอนเพราะอยากให้ได้ดีไม่ใช่ให้แกมาเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้นะ”
น้ำเสียงเอือมระอายังคงดังขึ้นเป็นระยะ ฉันเข้าใจที่แม่บอกที่แม่พูดทุกอย่างนั่นแหละแต่ฉันต่างหากที่ดื้อเอง รั้นเอง
“แล้วจะไปไหนอีก มันมืดแล้ว”
“แถวนี้แหละ แม่นอนก่อนเลยเดี๋ยวหนูกลับเอง” ฉันพูดออกไปโดยไม่หันกลับไปมองสักนิดว่าแม่จะทำหน้ายังไงหรือรู้สึกยังไง ฉันสนแค่ตัวเองมากกว่า...
เข็มนาฬิกายังคงหมุนวนไปเรื่อย ๆ เหมือนกับใจของฉันที่ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ หาทางออกไม่เจอสักที
หมับ!
“คะ?” นั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ใครคนหนึ่งก็นั่งลงข้างฉันพร้อมกับรั้งแขนอย่างถือวิสาสะ
“ไปต่อด้วยกันไหม?”
“หมดแก้วนี้ก่อนแล้วกันนะ” ฉันตอบอย่างไม่คิดอะไร ก็อยากรู้เหมือนกันไอ้ความรู้สึกพวกนี้มันเป็นยังไงทำไมเขาถึงชอบกันนัก
ครั้งที่แล้วฉันเมาฉันไม่มีสติ แต่ครั้งนี้ฉันขอลอง... ถึงจะเมาจนแทบไม่ได้สติแต่ก็รู้ตัวว่าตอบตกลงกับเขาไปแล้ว
“อ๊ะ!” มาถึงคอนโดเขาก็จู่โจมฉันทันที สัมผัสที่ได้รับมันชวนสยิวเอามาก ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จึงทำให้ฉันกล้าที่จะทำมัน
“อื้อ...เจ็บ!” ฉันร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อริมฝีปากร้อนขบเม้มไปตามลำคอและเนินอกจนรู้สึกเจ็บแปล๊บไปชั่วขณะ
ลมหายใจร้อนผ่าวรดใบหน้าฉันถึงแม้ว่าแสงไฟจะมืดสลัวแต่คนเมาอย่างฉันก็ยังพอมองเห็นอยู่บ้างลาง ๆ
“กรี๊ด...!! เจ็บ ๆ” คมเล็บจิกที่นอนเพื่อระบายความรู้สึกที่เขามอบให้ มันแน่นและอึดอัดในเวลาเดียวกันสองขาถูกพาดไว้บนบ่าแกร่ง มือหนาขย้ำหน้าอกฉันจนรู้สึกปวดหนึบ ร่างกายสั่นเทิ้มไปตามแรงกระแทกของเขา
“บะ เบาหน่อย” ฉันร้องบอกเป็นที ๆ เมื่อความรุนแรงมันมากเกินไป
“อ่า...” ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมานอกจากเสียงครางกระเส่าแผ่วเบาของคนบนร่างฉัน
จากความรู้สึกเจ็บค่อย ๆ แปลเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านที่เกินจะต้านได้ รสสวาทมันเป็นแบบนี้นี่เอง... ผิดถูกก็รู้แต่ก็ยืนยันที่จะทำ
เช้าวันใหม่
ลืมตาขึ้นมาพร้อมความรู้สึกมากมาย สิ่งที่พี่เวย์ขอฉันให้เขาไม่ได้ แต่ฉันกลับให้คนอื่นได้ นี่มันอะไรฉันบ้าไปแล้วเหรอมาคิดได้ดึงสติตัวเองได้มันก็ไม่ทันแล้ว มันเสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว
กวาดสายตาไปรอบบริเวณก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่เจอใครสักคนนอกจากเศษซากเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนอยู่ที่พื้นและเงินจำนวนหนึ่ง ฉันไม่ได้ขายตัวสักหน่อยแต่จะว่าไปก็คงไม่ต่าง อยู่ดี ๆ ก็เอาความบริสุทธิ์ไปให้คนอื่นเฉยเลยเขาเป็นใคร ชื่ออะไรหรือแม้กระทั่งหน้าตาฉันก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แกทำอะไรลงไปนะสายธาร” พร่ำถามคนในกระจกเงาพลางมองสำรวจร่างกายตัวเองไปด้วย รอยช้ำ รอยแดงมันตอกย้ำเป็นอย่างดีว่าฉันพลาดไปแล้ว สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หลับตาแล้วผ่อนออกมายาว ๆ “ช่างมันเถอะ” เลิกสนใจก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านป่านนี้แม่คงรอแย่แล้ว
ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวแค่ไม่นานและก่อนออกจากห้องไม่ลืมมองไปรอบบริเวณอีกครั้ง คอนโดนี้หรูมากค่ะต้องแพงมากแน่นอน ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครกันนะ? หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีก หรือถ้าเจอกันก็ขอให้เราต่างจำกันไม่ได้ แค่ครั้งเดียวก็มากพอ
“แม่...” กลับมาถึงบ้านฉันเห็นแม่นั่งหลับอยู่ที่โซฟาเวลานี้เขาต้องออกไปทำงานแล้วสิ
“กลับมาแล้วเหรอ มากินข้าวสิ”
“...” แม่พูดออกมาทั้งน้ำตา ฉันรู้ว่าตัวเองไม่เอาไหนแต่ไม่คิดว่าแม่จะเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้ “หนูขอโทษ”
“ถ้าอยากให้หายโกรธก็แต่งตัวไปเรียนซะ ขอแค่นี้ทำให้แม่ได้ไหม?” นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่เขาคาดหวังจากฉันมากที่สุด
“ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะนั่งกินข้าวทั้งน้ำตา รสชาติมันจืดชืดมากแล้วนี่คงเป็นมื้อเย็นที่แม่ทำไว้แต่ฉันไม่ได้กลับมากินสินะ
“ร้องไห้ทำไม ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“ถ้าหนูทำอะไรผิดไปแม่จะว่าอะไรไหม”
“ผิดที่ว่าเนี่ยมันมากขนาดไหนล่ะ”
“...”
“สายธาร ไม่มีใครถูกหรือผิดไปซะทุกเรื่องหรอกนะ ลูกกำลังอยู่ในช่วงชีวิตวัยรุ่น บางครั้งก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากมีโลกส่วนตัวแม่เข้าใจนะ ที่พูดที่ด่าก็แค่อยากเตือนสติ เพราะอะไรที่เราทำพลาดไปแล้วมันแก้ไขให้เหมือนเดิมไม่ได้ แต่ในเมื่อพูดแล้วบอกแล้วแกยังดื้อรั้นแม่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้ลองเจอด้วยตัวเอง” ประโยคยาว ๆ ของแม่ก็ยังทำให้ฉันคิดไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ ที่ซึมเป็นหมาหงอยตอนนี้แค่รู้สึกผิดเท่านั้นเอง