Chapter 16 ก็แค่คู่นอน
ใบหน้านวลกลายเป็นสีซับเลือด หลังชะโงกคอมองกระจกฟิล์มหนาทึบสีดำสนิทหาใครบางคน จากนั้นก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาหลายคู่ มาเพ่งมองจอสี่เหลี่ยมของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ไม่ให้ใครสงสัยว่ามีเรื่องผิดสังเกต
คงยากหน่อย เพราะนอกจากกัญญาวีร์จะแต่งตัวดีผิดหูผิดตา ไม่หิ้วกระเป๋าเน่า ๆ ใบเดิมแต่เป็นใบสีดำรุ่นลิมิเต็ดจากช้อป สวมนาฬิการาคาแพงจนเพื่อนร่วมงานทักแต่เช้า ทั้งที่เงินเดือนยังไม่ออก เธอยังมีหนุ่มยักคิ้วหลิ่วตาให้ ก่อนที่เขาจะเข้าไปทำงานในห้องอาหารอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีการปรับเปลี่ยนมากกว่าวันก่อน บริเวณด้านหน้ามีป้ายตัวโตว่า ‘ปิดปรับปรุง’
วิศวกรทีมใหญ่เข้ามาต่อเติมรีสอร์ต ห้องจัดเลี้ยงทางด้านหลังฟาร์ม มีช่างอีกหลายคนมากับสถาปนิกที่ปรึกษาหน้าคม สูงชะลูดหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร รูปร่างกำยำเป็นล่ำสันในเสื้อโปโลสีครีมเผยให้เห็นท่อนแขนที่ออกกำลังกายมาอย่างหนัก ผิวขาวโบ๊ะพอ ๆ กับหนุ่มเกาหลี สิ่งที่ทำให้เขาตกเป็นจุดสนใจมากที่สุดมีเขี้ยว!
“อุ๊ย... ที่ปรึกษาคนใหม่ของบอสเหรอพี่? หนูนึกว่าจะเป็นลุงแก่ ๆ ซะอีก แกโสดปะ...”
“โธ่คุณน้อง จุ๊ ๆ เบา ๆ ไม่เอาค่ะไม่งาม”
“มีแล้ว... เห็นคุณชาร์ลเขาบอกกันว่างั้นนะคะ เขาเป็นพี่ชายลูกค้าพี่เอง”
มันยังมีคนไม่รู้อีกหรือไง! ปกติเห็นรู้กันไปหมดทุกเรื่อง
นักศึกษาฝึกงานสาวในโต๊ะฝั่งตรงข้ามถึงกับหน้าเสียพอถูกชักสีหน้าใส่ กัญญาวีร์หน้าตาเข้มเครียดขึ้น เมื่อหันกลับมาทำงานด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว
ก็มองกระจกจนแทบจะทะลุนั่นแหละ! พอคนอีกฝั่งทำเป็นไม่สนใจ ถึงเธอจะรู้ว่าเขาไม่สามารถมองทะลุผ่านฟิล์มมืดได้ แค่มองไกล ได้ยินเสียงจากที่ไกล ๆ เธอไม่พอใจอยู่ดี
งานกองโตเรียบร้อยตั้งแต่พฤหัสฯ ที่แล้วอาทิตย์นี้คงไม่มีงานให้ทำมาก กัญญาวีร์เก็บแฟ้มงานรวบรวมกันเป็นกองเดียว หยิบกระเป๋าใบใหม่สีดำสนิทขึ้นสะพายพาดบ่า ค่อยผลักประตูออกจากห้องไป ด้วยความหวังดีเผื่อว่าวิศวกรอาจต้องการความช่วยเหลือ
‘หล่งหล่ออะไรกัน ขี้เก๊กล่ะสิไม่ว่า!’
‘มองกันเข้าไป ภาพลวงตาทั้งนั้น ตัวจริงก็แค่คุณตาแก่ ๆ’
‘เจอของจริงจะหนาว โคตรน่ากลัว ตัวเท่าฝาบ้าน!’
คนโดนนินทาระยะเผาขนทำงานไม่สบายใจนัก นายจันนับว่ารุ่นปู่ทวดก็จริงแต่เขายังมีดวงจิตของพญาจระเข้ ต่อให้อายุหกร้อยห้าสิบกว่าปี ไม่มีทางที่เขาจะเป็นคุณตาแก่ ๆ ตาคมส่ายมองไปทางร่างบางในเดรสสูทตัวสวย เขาคงเห็นเธอตั้งแต่เปิดประตูออกจากห้องทำงานแล้ว แต่แอบฟังอยู่ว่ามีคนต่อว่าอะไร เธอทำปากขมุบขมิบตลอดเวลา จนมาหยุดยืนหน้าห้องอาหารที่กำลังก่อสร้าง
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
“ครับ... คุณกันช่วยโทรถามบอสหน่อยเรื่องวัสดุก่อสร้าง ทางบอร์ดผู้บริหารวางงบประมาณเท่าไร ไม้มันผุไปเยอะนะ ถ้ายกก็ต้องยกใหม่หมดเลยมาต่อเติมไม่ได้ครับไม่สวย”
“อ้อ... เรื่องนี้กันคงต้องโทรถามก่อนนะคะ” เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า อีกคนยังชี้ไปทางช่างหลายคนบนหลังคา
“ผมให้เขาทำโครงหลังคาใหม่ ฉนวนกันความร้อนใหม่หมดเลยนะครับ ส่วนเรื่องไม้พาเลทไม้สนอบจากนอกมาตีผนังชั้นสองอย่างที่คุณไกรสรเขาบอก มันติดปัญหาคือเรือสำเภาหยุดวิ่งไปเพราะโรคระบาด จะทำยังไงดี?”
“เรือสำเภา?” คนถามขมวดคิ้วมุ่นมองชายร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งจะพูดคำว่าเรือสำเภา!
“อ้อ... ผมลืมไป... เรือขนส่งสินค้าจากจีนใช่ไหม?”
“ค่ะ กันจะโทรถามให้นะคะ”
กัญญาวีร์รีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาถามปลายสายไม่กี่คำ ก่อนจะได้คำตอบว่าหากไม่ได้ของที่ต้องการแล้วละก็... งานเข้า เธอและหัวหน้างานฝ่ายนำสินค้าเข้าต้องหาทางเอาของที่ต้องการมาให้ได้ในราคาเดิมหรือต่ำกว่า! ห้องอาหารนี้จะกลายเป็นห้องอาหารหรูหรา สไตล์วินเทจฟาร์ม สีขาวมีไม้รายล้อมรอบไปถึงเพดานฝ้า อนาคตภายหน้าอาจมีสัตว์หน้าตาน่ารักตัวอื่นมาเช่นแกะ ม้า ฯลฯ จากนั้นเจ้านายก็พูดแต่เรื่องประหยัดงบแต่จะเอาของดี พนักงานที่นี่ก็มีความสามารถ ก่อนวางหูใส่อย่างไร้เยื่อใย
เป็นอีกคนที่ทำหน้ายุ่งมองเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แววตาคู่คมเต็มไปด้วยแรงริษยา
“พี่สน? ทำไมเมมชื่อเจ้านายว่าพี่ล่ะ...”
“ทำไมคะ? จะให้กันเมมว่าอะไรล่ะ ถ้าไม่เมมว่าพี่สน คนกันเอง คุณปู่คุณย่าเขาเป็นเพื่อนกับยายกัน” ตอบเท่านั้น เพียงพริบตาเดียวเหมือนจะเห็นท่าทีก้าวร้าวในสีหน้าและแววตา จนเธอต้องตะเบ็งเสียงเรียก
“คุณชาร์ล!”
“ครับ... ตะคอกทำไมครับ? ผมรู้น่ะ ถ้าจะเตือนกันวันหลังขอเป็นวิธีที่นิ่มนวลกว่านี้ได้ไหม”
“เขี้ยวคุณโผล่ค่ะ”
“อันนี้เขี้ยวเสน่ห์ครับพ่อแม่ให้มา ไม่เกี่ยวกัน ผมเป็นแอลลิเกเตอร์ยักษ์ไม่ใช่แวมไพร์ ไม่โผล่แค่เขี้ยว”
“กวนประสาท...”
“อะไรเล่า... งอนอะไรอีก” เสียงทุ้มอ่อนอ้อน ร่างสูงโน้มตัวลงคว้ามือนุ่มนิ่ม ซึ่งถูกสะบัดออกไว ๆ ปากว่าคนเยอะทำอะไร เธอกอดอกทำเชิดใส่เขาอย่างเดิม
“หรือว่าโกรธที่ลุกก่อน ผมให้คล้าววางอาหารเช้าไว้ให้แล้วนี่ครับ มันสายแล้วนะ รถติด ผมต้องรีบมาทำงาน”
“เปล่าค่ะ จะไปโกรธอะไร”
ใบหน้าสดสวยบึ้งตึงเลื่อนมองไปอีกทาง ยกมือกอดกระเป๋าไว้ใต้รักแร้แน่น นายจันจึงยิ้มออกมา “กระเป๋าใบใหม่เพื่อนทักหรือเปล่า?”
“ทักค่ะ ก็สวยดี...”
แต่มันทำให้เธอดูเหมือนเด็กป๋า! เพราะว่าเธอไม่มีแฟนนี่สิ แล้วเขาซื้อของวางไว้ให้บนที่นอนพร้อมกระดาษโน้ตว่า ‘ป๋าสายเปย์’ คนรับคงรู้สึกไม่ต่างจากแลกตัวกับของแบรนด์เนม
กัญญาวีร์ไม่ได้คิดเหมือนเขาที่แค่อยากเอาใจ ภุมภิลหนุ่มในคราบสถาปนิกเลื่อนมือลงหยิบเส้นผมสีน้ำตาลสลวยขึ้นมาแทน ลูบมันไปมาด้วยแววตาหลงใหล
“ต้องเปิดตัวไหม?”
“ไม่จำเป็นค่ะ กันขอไม่ผูกมัดดีกว่า กันไม่ได้เต็มใจมีสติร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณล่อลวงกัน”
“ผมไม่ได้...”
“มุสาผิดศีลนะคะ ไหนว่าเป็นพญาจระเข้ดีรักษาศีล คุณหลอกกันกี่รอบ ไหนจะเรื่องออกลูกเป็นไข่”
ที่ปรึกษาคนดียิ้มเจื่อน รูดซิบปิดปากแน่นไม่กล้าเถียงหลังโดนต่อว่าฉอด ๆ นิสัยของเขาเป็นคนชอบพูดเล่นชอบแกล้งอย่างนั้น ไม่คิดว่าอีกคนดันคิดจริงจัง วิ่งโร่ไปถามนายคล้าวเรื่องคนออกลูกเป็นไข่ให้บ่าวมันหัวเราะ
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณบอก ผลทุกอย่างในอีกมิติหนึ่ง ไม่ปรากฏในโลกของความจริง กันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดแล้วกันค่ะ แต่ถ้าคุณไม่คิดอย่างนั้น กันจะบอกให้นะว่าเรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดา พสพ.”
คนได้ยินเลิกคิ้วขึ้นถาม “พสพ? พอสอพออะไร”
“เพศสัมพันธ์ไงคะ คนยุคนี้ใคร ๆ เขาก็มีกัน”
“ผมไม่เคยได้ยินนะว่าใครจะมี Sex กับใครเป็นเรื่องปกติในเมืองไทย บ้านเรายังยึดถือเรื่องพวกนี้อยู่ เอ... แต่” เขาเงียบไป มองหน้าตานิ่งเฉยของหญิงตรงหน้า กว่าจะนึกขึ้นได้ “คุณหมายถึงกิ๊กน่ะเหรอ? ผมได้ยินว่าจะมีกิ๊กก็ต้องมีแฟนก่อนนะ กิ๊กเป็นอันดับรองลงไป ประมาณนางสนมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่สนมค่ะ ผู้ชายจะเป็นสนมได้ยังไง”
“แล้วเป็นอะไรครับ?”
“ก็แค่คู่นอน Sex Mate เป็นเพื่อนกัน เป็น FWB เยอะแยะไปค่ะ คนเขาแอบแซ่บกันเงียบ ๆ”
นายจันเบิกตากว้างกับคำศัพท์ใหม่ ยกมือป้องปากบริภาษว่าเหตุใดเธอช่างใจไม้ไส้ระกำ พยายามจับมือเรียวขาวที่ไม่ได้สะบัดพันธนาการของเขาออก
ต่างคนคงลืมไปว่ามีอีกหลายคนยืนคุยงานกันอยู่ข้างหลัง ไหนจะช่างก่อสร้างอีกนับสิบชีวิต
“อ้าว! ทำไม... จับมือกันเล่นล่ะครับ? พี่ชาญ... คนนี้คุณกัน เซลล์ที่นี่นะครับ”
สถาปนิกหนุ่มหน้าตาดีแว่นหนาเตอะเข้ามาขัดได้จังหวะพอดี เห็นคนสะบัดมือกันไปมา เพื่อนร่วมงานพยายามสะกิดบอกเขาก็ยังถามด้วยความไม่รู้ กัญญาวีร์เม้มริมฝีปากสนิทแน่น ส่ายหน้าไปมาอย่างหัวเสีย
“คุณชัชชัยคะ ขอเวลาส่วนตัวสักครู่ได้ไหม? กันขอคุยธุระกับคุณชาร์ลสองคนนะคะ”
พูดจบ ที่ปรึกษาหนุ่มก็โบกมือไล่รุ่นน้อง เดินตามสาวต้อย ๆ ในมือหนายังถูกกุมไว้ด้วยมือเรียวน่าทะนุถนอม นั่นทำให้เขายิ้มออกมา ตาไม่ละวางไปจากคนข้างหน้า แม้ว่าเธอจะกระแทกส้นสูงเดินเสียงดังเพราะโมโห จนมาถึงข้างบ่อจระเข้ขนาดใหญ่
“อีตาคุณชัชนี่นะซื่อบื้อ! ดูแค่นี้ยังไม่รู้ คนเขามีซัมธิงรองกัน จบสถาปนิกมาได้ยังไง”
“ใครจะไปรู้ล่ะ พ่อหนุ่มหน้าใสนั่นไม่ผิดหรอกครับ กันโมโหอะไรมากกว่า”
“วันมามาก...”
“ไม่เห็นมี”
“มาเมื่อเช้านี้ค่ะ”
“ไหน... ดู” พูดพลางทำคอยื่นคอยาว มองลงที่ต่ำ ระดับพญาจระเข้ก็คงจะไม่กลัวเลือดอยู่แล้ว อีกคนดันมือไว
เพียะ! ฝ่ามือพิฆาตตีลงบนต้นแขนแข็งแรง แรงขนาดเจ้าตัวต้องยกมือลูบ ทว่าเขากลับยิ้มออกมาอย่างสะใจ ยิ่งกว่าพวกโรคจิตชื่นชอบความรุนแรง
“หึงผัวน่ะสิเลยอารมณ์ไม่ดี”
เพียะ! อีกทีหนึ่งพร้อมแยกเขี้ยวขาวเห็นไรฟันครบทุกซี่ จู่ ๆ เธอก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งโมโหเหม็นขี้หน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่มีเหตุผล
“อย่ามาทะลึ่งแถวนี้นะ! คนเยอะแยะคุณควรจะระวังตัว ยิ่งฟาร์มนี้น่ะขึ้นชื่อเรื่องอะไรรู้ไหม คุณเห็นจระเข้อ้วน ๆ นั่นไหม?” ปลายนิ้วชี้ผ่านตู้กระจกทางฝั่งซ้าย
“กะเพราจระเข้วันพรุ่งนี้”
ชายที่ยืนอยู่ด้วยกันสีหน้าไม่ดี ลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่ชอบทั้งหมดที่เธอพูดเลย เมนูในร้านอาหารอะไรนั่นก็ไม่น่ากินสักอย่าง
“น่ากลัวจัง... เลิกกินได้ไหมครับ? เนื้อจระเข้ พวกมันน่าสงสารออก”
“ไม่ค่ะ กันชอบกระเป๋าจระเข้ ชอบกินสเต๊กจระเข้ด้วย กันว่าพวกมันสมควรเป็นอาหารของมนุษย์” มองไปยังแววตาน่ากลัวของจระเข้ตัวหลายตัวในบ่อ ถัดไปจากตรงนี้เป็นห้องกระจกเหมือนสวนสัตว์ที่มีกรงเสือให้เยี่ยมชม ด้านบนเป็นสะพานไม้แข็งแรง ระดับความสูงสามารถชะโงกคอลงมองดูพวกมัน
เรื่องความปลอดภัยออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่เคยมีใครเคยตกลงไปเป็นอาหารจระเข้ มีแต่บางตัวเคยถูกจับออกมาเป็นวัตถุดิบตอนเนื้อจระเข้ขาดตลาด สต็อกของส่งมาไม่ทันให้พ่อครัวทำอาหาร
“กินเข้าไปเยอะ ๆ นะ เพราะว่าฉันนี่แหละจะจับพวกแกมาผัดกะเพรา ฮึ! ดูสภาพพวกแกสิ...” น่ากินจริง ๆ
กัญญาวีร์น้ำลายสอเต็มปากแค่คิดถึงอาหารจานโปรด ลืมคนข้างกันไปเสียสนิท ทว่าทันใดนั้นเอง แสงจ้าที่สาดเข้าตาทำให้เธอยกมือขึ้นบัง ก่อนจะเห็น...
พื้นผิวขรุขระมีส่วนหนังแหลมยื่นออกมา เล็บทั้งสีแบะออกเป็นแฉก แยกไปตามทิศทางมือของจระเข้ มันน่าเกลียดน่าขยะแขยง ลักษณะคล้ายกระเป๋าสตางค์ใบเล็กของเธอแต่มันเป็นสีขาวสะอาด พอกะพริบตาอีกครั้งหนึ่งมันก็หายไปต่อหน้าต่อตา
“เมื่อกี้มัน... อะไร?”
“ครับ มีอะไรหรือครับ?”
“มะ... ไม่มีค่ะ”
กัญญาวีร์หน้าเจื่อนไป รีบคว้ามือหนาจับจูงกันกลับไปหน้าห้องอาหารอย่างเดิม เพื่อกลับไปทำงานให้เสร็จ