Chapter 12 เจ้าสาวจระเข้
นายจันคิดว่าการที่มีคนรู้ความจริงเพิ่มอีกหนึ่งคงไม่เป็นปัญหา แต่ตัวเขาเองนี่แหละที่มีปัญหา
หลังพบหญิงสาวตามชะตาลิขิตเพียงไม่กี่วัน เขาดันกลายร่างมนุษย์ร่างสัตว์ไม่เป็นเวลา เดินช้อปปิ้งอยู่ดี ๆ หางก็โผล่ โชคดีที่ผู้คนไม่แตกตื่นเพราะคิดว่าเขาเป็นพวกบ้าคอสเพลย์หรือตัวมาสคอตตามห้างเท่านั้น
นั่นทำให้เขาและนายคล้าวต้องรีบทำธุระนอกบ้าน รีบประชุมรีบกลับที่พัก เว้นเสียแต่ว่าไปไหนมาไหนด้วยกันกับกัญญาวีร์ เขาจะสามารถควบคุมเรื่องราวเหล่านั้นไม่ให้เกิดความผิดพลาด กลางคืนก็ไม่เป็นเดรัจฉานแต่อยู่ในร่างบุรุษรูปงามเสียแทน
ยังมีเรื่องน่าเหลือเชื่อกว่าคือตัวเขาสามารถจดจำวิชาอาคม หลังลืมเลือนไปในช่วงสมัยทุนนิยมหลายร้อยปีมานี้
ถ้าเป็นสมัยก่อน คนไทยโบราณมีการใช้เวทมนตร์คาถาเป่าพ่นปลุกเสกและลงเลขยันต์ ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้อยู่ที่ดวงจิตสำรวมเป็นสมาธิ ชายชาตรีไปออกรบทำศึกเป็นแม่ทัพด้านหน้า เป็นครูบาอาจารย์ เป็นฤษี บำเพ็ญเพียรเรียนรู้จนแตกฉาน ก็นับว่ามี พอจะหาได้ไม่ยาก แตกต่างจากยุคของเทคโนโลยีเป็นใหญ่ เงินตรามาเป็นอันดับแรก พอมาถึงรุ่นนายคล้าวก็ค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา แม้แต่ครึ่งคนครึ่งเดรัจฉานเอง ซึ่งใช้ชีวิตอยู่รอบกายมนุษย์...
มันกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของบ่าวที่เอาแต่ถามเขาว่าต้องทำยังไง ขอให้สอนบอกวิชาบ้าง ส่วนคนช่างสอดรู้สอดเห็นก็ไม่วายตามติดมาเพื่อถามเรื่องเดิม ๆ
“นะหน้าทอง จะทำทำไม...? ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ ระวังจะโดนหลอกเอาตังค์”
“กันได้ยินพี่ ๆ ที่ออฟฟิศเขาบอกว่าเสน่ห์สายขาวมันดีโง้นงี้ เขาไปทำพิธีเสริมดวงชะตา นะเมตตาให้ตัวเอง เลยลองถามคุณชาร์ลดู แต่กันไม่เชื่ออะ”
“ไม่เชื่อดีแล้วครับ เพราะถ้าเชื่อจะเดือดร้อนถึงผมอีก คุณสวยอยู่แล้ว”
‘โอ้โหวว! พ่อคุณปากหวาน’
“ชิมในฝันแล้วว่าหวาน คิดว่าชอบก็โอเค”
ใบหน้าหวานใต้เครื่องสำอางอ่อนสีส้มหวานก้มงุด ๆ มองจานว่างเปล่าอย่างเอียงอาย เธอคงไม่อยากนึกถึงเรื่องในฝัน...
“กันแค่มีสัมผัสเรื่องประหลาด ๆ แต่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เท่าไรค่ะ เรื่องคุณชาร์ลยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่”
“เมื่อก่อนผมก็เป็นอย่างนั้น ในยุคที่ผู้คนยังงมงาย ผมไม่เชื่อแล้วผมยังชอบลบหลู่ แต่เมืองที่ผมเกิดน่าอยู่นะครับ...”
จากนั้นเขาก็เล่าให้เธอฟังว่าที่เมืองพิจิตรมีอะไรดี ตัวเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาก่อนไปเรียนรู้วิชาจนได้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่
ท่ามกลางแสงเทียนของร้านอาหารสุดหรู บนโรงแรมชั้นบนสุด ตึกสูงระฟ้ามองลงไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองกรุง 360 องศา ทีแรกเขายังคิดว่าบางคนจะกลัวขวัญหนีดีฝ่อเพราะถูกแยกเขี้ยวใส่เมื่อเช้า แต่ไม่! พอบอกจะพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมดัง จองโต๊ะไปแล้ว กัญญาวีร์รีบกระโดดขึ้นสปอร์ตคาร์ในทันที
ขณะคิ้วเรียวสวยเหนือดวงตาคู่กลมโตขมวดเข้าหากัน คนพามาเลี้ยงข้าวคงรู้สึกกระชุ่มกระชวย พอจะหายโกรธตอนเธอบริภาษว่าเขาน่าเกลียดน่ากลัวปานนั้น
“เอ๊ะ... ทำไมคุณชาร์ลผมสั้นเร็วจังคะ?”
“ก็ตัดไงครับ ต้องมานั่งใส่แว็กซ์เปลี่ยนสีผมดำอีก ที่จริงผมไม่กลับร่างนั้นมานานแล้วนะ”
“แล้วทำไมเป็นงี้คะ?”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“คุณรู้อะไรบ้างเนี่ย?”
“รู้ว่าเป็นแอลลิเกเตอร์ตัวใหญ่เท่าในหนังหรั่ง ไซซ์พิเศษสั่งทำ CG แบบตัวเท่าฝาบ้านน่ะ” เสียงหัวเราะดังเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก ทำเอาคนที่ปะเข้ากับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ก้มหน้ามองโต๊ะ ยกมือปัดปอยผมเก็บหลังหูอยู่อย่างนั้น
ก็ควรต้องอาย เธอสวมชุดพนักงานออฟฟิศ เสื้อสูทกระโปรงแต่งตัวแสนธรรมดา ตรงกันข้ามหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีกรมทรงปกคอจีน กล้ามแน่นเห็นต้นแขนเป็นก้อน ๆ เขาดูดีตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากรถยนต์หรูราคาแพง ไปรับเธอถึงหน้าห้องพนักงาน เพื่อนร่วมงานสาวกรี๊ดกร๊าดเหมือนว่าเจอดาราใต้หวัน
“กันว่า... ผมขาวนิดหน่อยก็ดูดีนะคะ เหมือนทำไฮไลต์มาเลย... ประมาณพวกคอสเพลย์สีผมเก๋ ๆ”
“เป็นเรื่องเดียวที่ไม่ติใช่ไหม?”
“ค่ะ ไม่ติ...”
“ผมใช้เจลลูบเปลี่ยนสีดำน่ะ ไม่ได้ย้อมเพราะว่ามันเสียเวลา เหม็นกลิ่นยาด้วย ผมจมูกไว อะไรเหม็นจัด ๆ อย่างกลิ่นสารเคมีแทบเป็นลม”
“แล้วคุณทำอะไรได้อีกคะ?”
“เป็นพนักงานขายหรือเป็นสปาย?”
“กันอยากรู้ค่ะ”
“ไม่มีอะไร แค่จมูกไว ลิ้นไม่รู้รส แยกได้ว่าคนหรือสัตว์แปลงกายมาอย่างผม ก็ไม่ค่อยมีนะครับ” เขาเงียบไป ก่อนจะพูดในน้ำเสียงเข้มขึ้น “แต่ก็มี...”
“ยังไงคะ?”
“ครึ่งคนครึ่งงู บ้างเป็นพวกกึ่งวิญญาณ อมนุษย์ อาจจะถูกเดรัจฉานวิชาสาปมา หรือว่า... เป็นยมทูต”
หญิงสาวเงยหน้าทำตาโต ยกมือป้องปาก “อุ๊ย! เหมือนในหนังเกาหลีไหมคะ? ใส่สูทหล่อ ๆ หน้าโอปป้าเลยเปล่าคะ หรือนุ่งโจงกระเบนแบบไทย ๆ คุณชาร์ลเคยคุยกับพวกเขาไหม เคยมีเพื่อนเป็นยมทูตไหม?”
“ถามได้ก็ถามใหญ่... ประหลาดคน”
“อยากรู้ค่ะ”
“ครั้งที่ร้อย” เขาพูดแล้วทำหน้าตาประหลาด ริมฝีปากล่างเชิดออกตามองบน ก่อนจะบอกเด็กสาวรุ่นซุปเปอร์เหลน! ด้วยสายตาเป็นประกายหื่นกระหาย
“ช่างอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้คงต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ทานข้าวให้อิ่มนะ ลุงจะพาไปเที่ยวที่ไกล ๆ ที่มีแค่เราสองคน... สัญญาว่าจะเล่าให้ฟังทุกเรื่อง”
“ไปไหนคะ?”
“ไม่บอก ต้องทานข้าวก่อนนะครับ”
“บอกหน่อยก็ไม่ได้...”
กัญญาวีร์อมแก้มกลมตุ่ย รู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยถูกคนแปลกหน้าหลอกล่อด้วยอมยิ้ม ยังได้ยินเขาแทนตัวเองว่าลุง หัวเราะหึหึในลำคออย่างน่ากลัว แต่เพราะว่าเธอคงไม่กลัวเขาแล้วยังเห็นว่าเจ้าตัวออกจะใจดี จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร เมื่อพนักงานเสิร์ฟหนุ่มวางจานขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะเป็นเซ็ตออเดิร์ฟ คานาเป้ อาหารฝรั่งเศส แซลมอนเสียบไม้
เมนูทุกอย่างบนโต๊ะบอกถึงราคาแสนแพงของมัน ซึ่งพนักงานอย่างเธออาจต้องทำงานตั้งสองถึงสามเดือน ถ้าอยากทำตัวติดหรูคงต้องกินมาม่าตอนสิ้นเดือน!
‘อีตาคุณชาร์ลนี่อยากได้อะไรจากเธอกันแน่นะ!’
‘อุ๊ยยย ไข่ปลาคาเวียยทาครัวซองค์! เลิศคร่าา’
“คิดดัง ผมได้ยินครับ”
รอบที่ร้อย! บางคนคงลืมตัวว่าเขาได้ยินความคิดของเธอเหมือนกับเธอได้ยินเขา
“ชอบไข่ปลาคาเวียร์หรือ?”
กัญญาวีร์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่พออีกคนฉีกยิ้มกว้างหวาน เธอถึงได้ยอมบอกว่าชอบทั้งหมดที่เป็นอาหารแพง ๆ นั่นแหละ หนุ่มใจป๋าเลยถือโอกาสทำคะแนน โบกมือเรียกพนักงานให้ยกมาเสิร์ฟอีกสองจาน พออาหารมาวางตรงหน้า เธอก็วกกลับมาถามเรื่องเดิม
“ตกลงว่ายมทูตใส่ชุดอะไรคะ?”
“ส่วนใหญ่จะเป็นชุดที่ตาย ชุดที่ใส่บ่อย ๆ ตอนยังมีชีวิต เกิดยุคไหนก็ใส่ชุดนั้น เป็นคนชาติไหนก็ใส่ชุดชาตินั้น หน้าตาเหมือนตอนยังมีกายทิพย์อยู่ แต่กลายสภาพเป็นดวงวิญญาณ เป็นจิตที่ไร้ความทรงจำ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด แค่ทำงานตามคำสั่ง”
‘คุณชาร์ล...’
‘ครับ?’
‘คุณเท่มากเลยค่ะ’
เสียงหัวเราะคิกคักดัง กัญญาวีร์ค่อยก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อ ส่วนหนุ่มฝั่งตรงข้ามคงจะเห็นเธอแอบทำปากขมุบขมิบแต่พอตักอาหารอร่อยก็เข้าปากก็ไม่หยุดทานสักอย่าง ทั้งอาหารฝรั่งที่มาเสิร์ฟเป็นคอร์ส ข้าวปั้นปลาดิบ สปาเก็ตตี้
ดวงตาคู่คมไม่ละวางไปจากใบหน้าอ่อนหวานน่ารักสักนาที หากดวงตาสุกใสเหลือบขึ้นสบตากัน แทนที่จะสนใจอาหาร เขาจะยิ้มอย่างเอ็นดู กระทั่งถึงเวลาของหวานจัดเต็ม จากมือเชฟส่งตรงจากเมืองนอก
“กันว่า... กันชอบคุณนะ คุณเป็นคนตรง ๆ ดีไม่เหมือนพี่สน ถามอะไรไม่ค่อยจะบอก นักธุรกิจพันล้านบีซี่เหลือเกิน แค่เวลาจะพากันมากินข้าวยังไม่มี”
“ไว้ให้เป็นหน้าที่ผมเอง อยากทานอะไร ผมจะพามาทานด้วยกันบ่อย ๆ ดีไหม?” แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มือเอื้อมไปตักขนมหวานให้หญิงสาว ในใจยังครุ่นคิดถึงเรื่องเจ้าของฟาร์มคนดัง ‘พี่สน’ อะไรนั่นอาจเป็นหมอจระเข้ คนเดียวกับที่เขาและนายคล้าวกำลังสงสัย