1.
ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ
" อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะทะ ทักขา แรงๆเลย อูย อาาา "
" อืมมม ซี้ดดดด โอววว แม่งโคตรเด็ด อาา โดนฉันกระแทกทุกวันยังแน่น อืมมมม"
ตับ ตับ ตับ ตับ
" อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ้ายยยย อืมมมมม "
ทักขินัยปลดปล่อยทุกหยาดหยดเสร็จก็ถอดถอนออก ใช้มือรูดถุงยางออกจากดุ้นใหญ่ยาวโยนทิ้งถังขยะ บุษบงเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลัง
" เมื่อไหร่คุณจะหย่าซักที คุณจะให้บุษอยู่ในสภาพแบบนี้อีกนานแค่ไหน "
" คุณก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการไม่ใช่เหรอ มีอะไรที่ผมไม่ให้คุณบ้าง ข้าวของเงินทองรถ คอนโด "
" แต่บุษต้องการคุณ บุษอยากแต่งงานกับคุณ อยากอยู่กับคุณแบบเปิดเผย บุษ "
ทักขินัยแกะแขนบุษบงที่กอดเขาไว้ออก หันมาจ้องหน้าเธอ แววตาบ่งบอกว่าไม่พอใจ
" บุษบง คุณกำลังล้ำเส้นผม ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้นตำแหน่งภรรยาของผม เพราะผมยกตำแหน่งนั้นให้พริบพันดาวไปแล้ว "
พูดจบเขาก็สวมใส่เสื้อผ้าแล้วกลับออกไปทันที บุษบงน้ำตาคลอ เขาไปแล้วเธออยากจะรั้งเขาเอาไว้แต่ไม่มีสิทธิ์ ทั้งที่เธอมาก่อนแต่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่ต่างกับเมียน้อยเมียเก็บ เขาเห็นเธอเป็นแค่ที่ระบายความใคร่เท่านั้น
พริบพันดาวลืมตาขึ้นมา เมื่อรับรู้ได้ถึงความอ่อนยวบของที่นอน เธอที่นอนตะแคงข้างอยู่หันหลังกลับมามอง แสงไฟสลัวจากโคมไฟสาดส่องไปที่ใบหน้าของชายคนหนึ่ง คิ้วหนาดกดำ จมูกโด่ง ปากหยักอมชมพู ผิวขาวเนียนแซมไปด้วยหนวดเคราเล็กน้อย ทักขินัย สามีในนามของเธอ
" ดึกป่านนี้แล้วยังไม่หลับอีกเหรอ "
เธอลุกขึ้นชี้นิ้วไปที่เขา ถามด้วยภาษามือ ว่าเขาเข้ามาในห้องเธอทำไม ใช่ เธอเป็นใบ้เธอพูดไม่ได้ เธอเป็นเด็กกำพร้าจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ตอนเธอ7ขวบ คุณหญิงอรอนงค์ย่าของทักขินัย ไปทำบุญแจกของและเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านเด็กกำพร้า พอท่านรู้ว่าเธอเป็นใบ้ก็สงสาร จึงรับเธอมาอุปการะที่บ้าน ท่านดีกับเธอมากให้ความรักความอบอุ่นให้การศึกษา แม้หลายคนในบ้านจะไม่ชอบเธอ แต่แค่มีคุณหญิงอรอนงค์อยู่ด้วยเธอก็อุ่นใจ ท่านคอยปกป้องเธอมาตลอด โอบกอดให้ความรักความห่วงใยเธอทุกวัน จนกระทั่งเมื่อ4ปีที่แล้วตอนนั้นเธออายุ18 ท่านป่วยหนักก่อนท่านจะจากไปได้ขอให้ทักขินัย หลานชายคนเล็กช่วยแต่งงานกับเธอ ขอให้เขาดูแลเธอแทนท่าน เธอรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอและเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว เธอจึงปฎิเสธ แต่คุณย่าบอกว่าท่านอยากให้เธอมีคนดูแลปกป้อง ขอให้เธอแต่งงานกับเขาเพื่อที่ท่านจะจากไปอย่างหมดห่วง เขารีบรับปากคุณย่า วันต่อมางานแต่งเล็กๆก็ถูกจัดขึ้น มีแค่คนในครอบครัวกับเพื่อนสนิทและญาติผู้ใหญ่ไม่กี่คนมาร่วมงาน ทุกอย่างถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะอาการคุณย่าแย่ลง คืนนั้นคุณย่าก็จากไปอย่างสงบ ชีวิตของเธอหลังจากนั้นเหมือนลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ไม่มีคุณย่าก็ไม่มีใครที่นี่ต้องการเธอ
ศจีแม่ของทักขินัยรังเกียจเธอ ที่จริงคิดจะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน แต่เพราะพินัยกรรมที่คุณย่าทิ้งไว้ ระบุว่าบ้านหลังนี้เป็นของเธอครึ่งหนึ่งคู่กับทักขินัย อีกทั้งสมบัติหลายอย่างที่เธอได้รับ ล้วนเป็นของเธอคนละครึ่งกับทักขินัย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอหย่าก่อน สมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของอีกฝ่ายทันที ศจีจึงกดดันทุกอย่างเพื่อให้เธอหย่า
พริบพันดาวถูกศจีดูถูกสารพัด สรรหาวิธีมาให้เธอขอหย่าก่อน วันนั้นเธอถูกศจีขังอยู่ในห้องเก็บของพร้อมกดดันให้เซ็นใบหย่า ไม่อย่างงั้นจะไม่ปล่อยเธออกมา เธออดข้าวอดน้ำถูกขังอยู่2วัน ทักขินัยกลับมาจากดูงานต่างจังหวัดไม่เห็นเธอ ก็ออกตามหาจนเจอและช่วยออกมา พอเขารู้เรื่องที่แม่เขาทำก็บอกแม่เขา ว่าอย่าได้ทำแบบนี้อีก และเขาจะไม่หย่ากับเธอ มันเป็นสัญญาลูกผู้ชายที่เขาได้ให้ไว้กับคุณย่า หากจะหย่าจะต้องรอให้ครบ4ปีก่อน เมื่อนั้นถ้าพริบพันดาวอยากไปจากที่นี่เขาก็จะหย่าให้
" เธอเป็นภรรยาฉัน ทำไมฉันจะมานอนที่ห้องนี้ไม่ได้ "
พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำ เสียงน้ำกระทบพื้นเขากำลังอาบน้ำ เสียงสั่นจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบดู เธอถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาอ่านข้อความ
" บุษขอโทษ อย่าโกรธบุษเลยนะ ขอร้องอย่าทิ้งบุษไปหานังใบ้เลย "
เธอวางมือถือไว้ที่เดิม ที่แท้ที่เขากลับมาเพราะเขาทะเลาะกับคนรักของเขานี่เอง เขามีคนรักอยู่แล้ว แม้จะแต่งงานกับเธอแต่ก็ไม่ได้เลิกกับผู้หญิงคนนั้น แถมยังอยู่ด้วยกันที่คอนโดหรู ที่เขาซื้อให้ผู้หญิงคนนั้นอีก เธอรับรู้มาตลอดแต่จะทำอะไรได้หล่ะ เมื่อเธอมาทีหลัง เป็นเธอที่เข้าไปแทรกกลางความรักของพวกเขา เขากับเธอไม่เคยมีอะไรกัน เขาไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ แม่ของเขาต่อว่าเธออยู่ตลอด ว่าแต่งงานมา4ปีแต่เธอก็ไม่ท้องสักทีหรือว่าเธอจะผิดปกติ แต่ก็ดีถ้ามีลูกขึ้นมาลูกอาจจะเป็นใบ้เหมือนแม่ก็ได้ เธอไม่ได้เป็นใบ้แต่กำเนิดแต่เพราะเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้น
ตอนนั้นโจรปล้นบ้าน พ่อกับแม่ของเธอเอาตัวเธอไปซ่อนไว้ใต้เตียง เธอเห็นพวกมันฆ่าพ่อกับแม่ของเธออย่างเลือดเย็น เลือดไหลนองพื้น ไหลมามาถึงใต้เตียงที่เธอซ่อนตัวอยู่ คำพูดสุดท้ายของแม่บอกเธอด้วยความยากลำบาก "อย่าส่งเสียง " เธอได้แต่ร้องไห้เงียบๆมองดูพ่อกับแม่ถูกฆ่าตายไปต่อหน้า ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ถูกส่งไปบ้านเด็กกำพร้าเธอกอดตุ๊กตากระต่ายเอาไว้แน่น ตุ๊กตากระต่ายของขวัญวันเกิด ที่พ่อกับแม่ของเธอให้ปีสุดท้ายก่อนจากกัน แล้วเธอก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลยแม้แต่คำเดียว ไม่ว่าใครจะถามจะพูดยังไง เธอก็ไม่ยอมพูด จนทุกคนคิดว่าเธอเป็นใบ้ เธออยากจะบอกว่าเธอไม่ได้เป็นใบ้ แต่เธอแค่ไม่อยากพูด
ทักขินัยเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่อนล่างมีผ้าขนหนูพันไว้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเกาะอยู่ เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูหันไปจ้องตาเธอเขม็ง
" เธอดูมือถือฉัน "
เธอโบกมือปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจ แค่หยิบมาดูเฉยๆ แต่ข้อความที่เด้งมามือมันก็เผลอกดไปโดนโดยไม่ตั้งใจ เลยกลายเป็นว่าเข้าไปอ่านข้อความ
" คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกฉันไม่ชอบ เธอน่าจะรู้ตัวว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน อย่ามาล้ำเส้นฉัน อย่ามาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของฉัน "
เธอกัดริมฝีปากแน่น ข่มกลั้นความน้อยใจเอาไว้บังคับน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พยักหน้าตอบรับเขา ทักขินัยพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
" ดึกแล้วเธอนอนเถอะ ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องของฉัน "
พูดจบเขาก็เดินออกไป เสียงปิดประตูดังปัง
พริบพันดาวล้มตัวนอน กอดตุ๊กตากระต่ายน้ำตาไหลออกมา เธอพยายามแล้วจะไม่ร้องไห้แต่ก็อดไม่ได้ มันอดน้อยใจไม่ได้จริงๆ
เธอเป็นภรรยาของเขาแม้จะแค่ในนาม แต่เธอไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องอะไรของเขาเลย ถ้าเขาไม่อยากให้รู้ เขาแยกห้องนอนกับเธอตั้งแต่แต่งงานใหม่ๆ เขาย้ำกับเธอว่าทำตามหน้าที่หลานกตัญญู ที่แต่งงานกับเธอเพราะรับปากคุณย่าเอาไว้ ตำแหน่งสะใภ้เล็กการุณเกียรติยังไงก็เป็นเธอไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ให้เธอทำตัวดีๆ อย่ามาวุ่นวายเรื่องของเขาก็พอ
ตอนเช้าเธอลงมาข้างล่าง เห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มีป้าเจียงกำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้เขา
" มาแล้วเหรอคะ มานั่งเร็ว วันนี้ป้าทำข้าวต้มทะเลค่ะ "
พอเธอนั่งลงป้าเจียงก็ตักข้าวต้มทะเลหอมกรุ่นใส่ถ้วยให้เธอ เธอยิ้มรับขอบคุณ นอกจากคุณย่าแล้วก็มีป้าเจียงนี่แหละที่ใจดีกับเธอเมตตาเธอ แล้วก็มีลุงอำนวยสามีของป้าอีกคนที่เป็นคนขับรถ ทั้งสองดีกับเธอเสมอมา