“รับปากแล้วก็ทำให้ได้ ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป...เธอตาย”
“...” ตั้งแต่เกิดมาไม้หวายไม่เคยโดนใครขู่ด้วยคำนี้มาก่อนพอได้ยินคำขู่ที่ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อยจากรุ่นพี่ในคณะก็ทำให้เธอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
พี่ชาร์ลคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่มีดีแค่หน้าตาแต่เขาเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลที่มีข่าวลือว่าทำธุรกิจสีเทารายใหญ่ของเมืองไทยด้วยซ้ำ
“เข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ” เธอไม่อยากให้ใครมาขู่ตัวเองแบบนี้หรอกแต่ลำพังเด็กผู้หญิงธรรมดาที่มาจากต่างจังหวัดอย่างเธอจะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้เขาได้จริงไหม สิ่งที่ทำได้เลยมีแค่รีบรับปากแล้วก็รูดซิปปากของตัวเองให้แน่นที่สุด
“หออยู่ที่ไหน”
“ซอย XXX ค่ะ”
“บอกทางด้วย”
“...ค่ะ” ไม้หวายเกร็งมากกว่าเดิมเพราะการบอกทางเท่ากับเธอต้องอ้าปากเปล่งคำพูดออกมาเพื่อคุยกับเขามากขึ้น
ปกติเวลาอยู่ที่คณะเธอมองเขาเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่หล่อ เพอร์เฟ็ค เป็นหนึ่งในตัวท็อปของมหาวิทยาลัยที่เข้าถึงตัวได้ยากแต่เธอก็ไม่เคยคิดจะพยายามเข้าถึงตัวเขาเพราะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องคุยกันถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่รหัสของเพื่อนตัวเองก็ตาม
บุคลิกของเขาที่เธอเห็นก็เหมือนที่คนอื่นเห็น ชาร์ลเป็นคนนิ่งติดจะดูหยิ่งมากตามสไตล์คุณชายไฮโซซึ่งก็ไม่ได้มีใครว่าอะไรแถมยังดูเหมือนบุคลิกนั้นจะทำให้เขามีเสน่ห์น่าค้นหาน่าหลงใหลเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งเธอได้มาสัมผัสตัวตนของเขาในวันนี้ ซึ่งเธอบอกตัวเองได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว ในอนาคตต่อจากนี้แค่ให้เดินผ่านยังรู้สึกหวาดผวา
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าตรงไปอีกสองร้อยเมตรเจอป้ายสีส้มก็เลี้ยวขวาได้เลยค่ะ” เป็นครั้งที่สี่หรือห้าก็ไม่รู้ที่เธอบอกทางเขาและเขาเองก็เอาแต่เงียบแล้วขับรถอย่างเดียวแต่นั่นก็ดีแล้วในความคิดของไม้หวาย อย่าพูดเลยถ้าน้ำเสียงชวนขนลุกได้มากมายขนาดนั้น
ชาร์ลขับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถหอพักของเธอ รถคันหรูเรียกสายตาให้คนบริเวณนี้มองมาด้วยความสนใจได้ไม่ยาก
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“รีบ ๆ ลงไปเถอะ”
“ค่ะ” ไม้หวายพยักหน้ารับ เธอหันหลังให้เขาเพี่อเปิดประตูรถเพราะใจเธอก็อยากลงแทบแย่แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ไม้หวายก็หันกลับไปหาเขาอีกรอบและมันก็ทำให้ชาร์ลที่รอให้เธอลงไปจากรถสักทีมองมาที่เธอด้วยสายตาไม่พอใจ
“มีอะไร”
“ช่วยเปิดท้ายรถให้หน่อยค่ะ มีของอยู่ท้ายรถค่ะ” เธอบอกเขาเสียงแบ่วส่วนเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากกดเปิดท้ายรถให้
“ขอบคุณค่ะ”
“รีบ ๆ ลงไปเถอะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ยินดียินร้ายกับคำขอบคุณของเธอทำให้ไม้หวายได้แต่แอบตำหนิในใจในความไร้มารยาทของเขาแล้วรีบลงจากรถ
“เฮ้อ!” พอเปิดท้ายรถมองเห็นของในนั้นไม้หวายก็ถอนหายใจออกมาทันที
เธอนึกขอบคุณพี่ลุคที่มีน้ำใจพาเธอไปซื้อของเพราะถ้าไม่ได้เขาเธอคงต้องหอบของไปโบกแท็กซี่ แต่ติดตรงขากลับที่ต้องกลับกับคนหน้ากลัวอย่างชาร์ลนี่ล่ะ
ไม้หวายรีบยกของลงจากรถ มันเยอะมากแล้วก็มีแต่ชิ้นใหญ่แถมหนักมากทำเอาเธอยกลงจากรถไปก็ท้อไปเพราะหอเธอไม่มีลิฟท์ทำให้เธออาจจะต้องเดินขึ้นลงชั้นสี่หลายรอบจนกว่าของจะหมด
ไม้หวายขนของลงจากท้ายรถเอาไปวางไว้ด้านหลังรถคันที่จอดอยู่ข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เกะกะตอนเขาถอยรถพอขนทุกอย่างลงหมดเธอก็ปิดท้ายรถเต็มแรงเพื่อให้เขารู้ว่าเธอเอาของลงจากรถหมดแล้วก่อนจะขยับตัวหลบให้พ้นทาง
ชาร์ลรู้ทันทีจากแรงสั่นสะเทือนของการปิดท้ายรถ เขาไม่รอช้าที่จะเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัว
ชาร์ลถอยรถออกจากช่องจอดทันทีที่รถถอยหลังเคลื่อนออกมาจนสามารถมองเห็นไม้หวายได้เธอก็ก้มหัวขอบคุณเขาอีกรอบก่อนจะหันหลังแล้วก้มตัวลงเพื่อหยิบข้าวของที่กองไว้ที่พื้น
“...”
บรื๊น!!!
“ว้าย!” ไม้หวายที่ก้มลงหยิบข้าวของร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจเสียงเหยียบคันเร่งของรถคันที่อยู่ห่างเธอไม่ถึงเมตร เสียงเหยียบรถให้พุ่งแรงก่อนจะเบรกทันทีที่กำลังจะชนกับรั้วเบื้องหน้าทำให้เธอยิ่งตกใจมากขึ้นหลายเท่าจนแข้งขาอ่อนแรง
ปัง!
“มะ มีอะไรคะ” เธอถามเขาที่ลงมาจากรถแถมยังปิดประตูรถด้วยความกลัว อย่าบอกนะว่าเขาเกิดไม่มั่นใจกลัวว่าเธอจะปากโป้งเลยตั้งใจลงมาขู่อีกรอบ
“ของเยอะแล้วไม่มีปัญญาอ้าปากเหรอ?” น้ำเสียงดุดันเต็มไปด้วยความหงุดหงิดทำให้ไม้หวายทั้งกลัวและงงไปหมดกับการกระทำของเขา
“คือ...”
“อยู่ชั้นไหน”
“หวายขนขึ้นไปเองได้ค่ะพี่ชาร์ล ขอบคุณนะคะ”
“อยู่ชั้นไหน” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยคำถามเดิมออกมาอีกครั้งทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปนอกจากตอบคำถามของเขา
“ชั้นสี่ค่ะ”
“เดินนำไป” เขาพูดจบก็ยกข้าวของหลายอย่างขึ้นมาถือแต่มันก็ยังไม่หมดหรอก เธอไม่กล้าเอ่ยคำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวนอกจากเดินนำหน้าเขาเข้าไปข้างในตึกของหอพัก
“ไหนลิฟท์”
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มี?” สีหน้าเย็นชาเริ่มดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าไม่มีลิฟท์
“ค่ะ”
“...โคตรโกโรโกโสอยู่ไปได้ไงวะ”