บทที่ 1

1694 คำ
ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวาย เคลลี่สาวเท้าก้าวขายาว ๆ เข้ามาภายในบริษัทส่งออกน้ำมันรำข้าวที่เขารับช่วงต่อจากพ่อด้วยความเร่งรีบ วันนี้มีประชุมใหญ่เพื่อวางแผนประจำปีในช่วงบ่าย ทำให้เขาต้องเข้ามาดูเอกสารมากมายก่อนจะถึงเวลาประชุม “สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องทำงานส่วนตัว พนักงานทั้งชายหญิงต่างเอ่ยคำทักทาย เคลลี่พยักหน้าตอบรับแล้วก็เดินเข้าห้องตัวเองไป เคลลี่ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งด้วยความเหนื่อยล้า หรืออาจจะทำงานหนักมากเกินไป เพราะหลายเดือนมานี้เขาทำงานแทบจะไม่พักเลยก็ว่าได้ สายตาคมเหลือบไปมองรูปถ่ายที่ตั้งไว้บนโต๊ะแล้วก็หยิบขึ้นมาดู ปลายนิ้วเรียวยาวไล้ลงบนรูปภาพด้วยความแผ่วเบาอ่อนโยน “เด็กดีของพี่ พี่คิดถึงตะวันจังเลย” เขาพูดกับหญิงสาวในรูปภาพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หยดน้ำใสเอ่อล้นขึ้นมาที่ดวงตา ผ่านมาแล้วกว่า 21 ปี แต่ไม่มีวันไหนเลยที่เคลลี่จะเก็บรูปใบนี้ลงจากโต๊ะ ยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึง เขาจ้องมองรูปภาพใบนั้นอยู่เนิ่นนาน แล้วก็พาลทำให้คิดถึงหญิงสาวที่เจอในร้านอาหารเมื่อสามเดือนก่อน เคลลี่กลับไปที่ร้านนั้นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจอเธออีกเลย ถามคนในร้านก็บอกแต่เพียงเธอไม่ได้มาทำงาน เพราะเป็นเพียงพนักงานพาร์ทไทม์เลยทำให้ไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเธอ แม้แต่เบอร์โทรที่เธอเคยใช้สมัครงาน เขาลองโทรไปดูแต่เหมือนกับว่าเบอร์นี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เคลลี่ละสายตาจากรูปภาพแล้วหันมาจดจ่อกับเอกสารที่อยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามา “ขออนุญาตนะคะ หนูเอาเอกสารมาส่งค่ะ” “อืม เข้ามาสิ” เคลลี่อนุญาตให้เจ้าของเสียงนั้นเข้ามา และเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาดู เมื่อรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูเหลือเกิน “เอ้า คุณ!” เสียงเล็กใสแจ๋วเอ่ยทักทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา เคลลี่ชะงักนิ่ง จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เขาตามหาเธอตั้งสามเดือน แต่จู่ ๆ เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้า “ตะวัน” เคลลี่เอ่ยเรียกหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนหอบแฟ้มเอกสารมากมายในอ้อมแขน ก่อนที่เขาจะรีบเดินเข้ามาช่วยเธอถือเอกสารที่อยู่ในมือ “โลกกลมจังเลยนะคะคุณ อ่อ ไม่ใช่สิ หนูต้องเรียกคุณว่าท่านประธานถึงจะถูก” ดุจตะวันพูดคุยกับเขาอย่างคุ้นเคย ราวกับรู้จักกันมานาน “จะเรียกอะไรก็ได้ แล้วแต่ตะวันสะดวก” เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะ น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดกับเธอด้วยความเอ็นดู ดุจตะวันมองหน้าเขาแล้วก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ออกมา “นี่คุณ ว่าแต่ทำไมคุณถึงเรียกหนูว่าตะวันล่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว คุณมีคนรู้จักชื่อนี้เหรอคะ” เคลลี่เหลือบมองรูปหญิงสาวที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก็หันมายิ้มให้กับคนตรงหน้า “อืม ผู้หญิงคนนั้นชื่อตะวัน เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด” ใบหน้าน้อย ๆ พยักเพยิดตามคำตอบของเขา ทำเอาเคลลี่อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เธอช่างเหมือนหญิงสาวที่จากโลกนี้ไปเมื่อ 21 ปีที่แล้วไม่มีผิด “แต่หนูไม่ค่อยชินกับชื่อนี้เลยอะ คุณช่วยเรียกหนูว่าซัน จะได้ไหมคะ” ใบหน้าเขาสลดลงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าตกลงกับสิ่งที่คนตัวเล็กร้องขอ มันก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่ชิน ถึงเขาจะมั่นใจว่าเธอคือตะวันกลับชาติมาเกิด แต่ในความเป็นจริงมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ “ว่าแต่ทำไมซันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ฉันไปหาเธอที่ร้านตั้งหลายรอบก็ไม่เจอ ขอเบอร์มาจากผู้จัดการก็โทรไม่ติด” หลังจากคุยกันอยู่สักพัก เคลลี่พึ่งนึกได้จึงได้ถามออกไป “พอดีหนูทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แล้วก่อนหน้านี้ทั้งโปรเจคแล้วก็รายงานเยอะมากก็เลยหยุดทำงานก่อนค่ะ ส่วนเบอร์โทร คือหนูทำโทรศัพท์หายก็เลยเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ส่วนทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าตอนนี้หนูอยู่ในช่วงฝึกงานค่ะ” ดุจตะวันตอบคำถามฉะฉาน เคลลี่ได้แต่มองใบหน้าเล็กนั้นเพลินจนไม่ละสายตา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เหมือนกับตะวันไม่มีผิดเพี้ยน “ซันฝึกงานอยู่แผนกอะไร” “หนูฝึกอยู่ฝ่ายการตลาดค่ะ แต่วันนี้พอดีพี่ที่เอาเอกสารมาส่งให้คุณทุกวันไม่ได้มาทำงาน หนูก็เลยเอามาส่งแทนค่ะ” “ตั้งแต่พรุ่งนี้ย้ายมาฝึกงานในห้องของฉันแทนนะ มาเป็นผู้ช่วยฉัน เดี๋ยวฉันทำเรื่องให้เอง” กว่าจะเจอตัวเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อพิสูจน์ทุก ๆ อย่างเคลลี่จึงใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดเธอให้มากขึ้น “จะดีเหรอคะคุณ คุณก็มีเลขาส่วนตัวอยู่แล้วนี่คะ” ดุจตะวันยังคงไม่แน่ใจ อีกนัยหนึ่งก็กลัวจะโดนพนักงานประจำเขม่น “นี่เป็นคำสั่งจากท่านประธาน ห้ามขัด เข้าใจไหมครับ” ในเมื่อเธอทำท่าจะไม่ยอม ก็ขอใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อความต้องการของตัวเองสักครั้ง “ถ้างั้นก็ได้ค่ะ แต่ว่า..คุณต้องรับปากก่อนว่าจะเขียนในบันทึกฝึกงานของหนูอย่างดี” ถึงแม้จะยอมตกลงเพราะไม่มีทางเลือก แต่คนตัวเล็กก็ยังมีข้อแม้ “ได้สิ จะให้ฉันเขียนจดหมายส่งให้มหาวิทยาลัยของซันว่าจะรับซันเข้าทำงานตอนนี้ก็ยังได้” ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นั่นยิ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มที่เหี่ยวเฉามานานรู้สึกพองโตอยู่ข้างใน “คุณพูดแล้วนะ ห้ามกลับคำนะคะ” เคลลี่พยักหน้าตกลง รอยยิ้มกว้างระบายอยู่บนใบหน้าสวย ไม่ว่าจะตอนไหน มันก็เป็นรอยยิ้มที่สดใสเสมอ เช้าวันต่อมา เคลลี่มาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วก็สั่งให้คนจัดโต๊ะอีกชุดหนึ่งไว้ในห้องทำงานของเขา เพื่อรอดุจตะวันมาเริ่มฝึกงานในห้องนี้เป็นวันแรก เกือบแปดโมงเช้า คนตัวเล็กก็หอบหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา “คุณจะให้หนูนั่งตรงไหนคะ” เธอถามขึ้นพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องทำงานห้องใหญ่ “ซันนั่งที่โต๊ะนั้นนะ ฉันให้คนจัดไว้ให้แล้ว” ดุจตะวันหันไปทางที่มือของเคลลี่ชี้ไป เมื่อเห็นโต๊ะที่ว่างอยู่เธอก็เอาของไปวาง “ซันกินข้าวเช้ามาหรือยัง หิวไหม” เคลลี่เอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังกุลีกุจอจัดโต๊ะของตัวเองให้เข้าที่ “ยังค่ะ หนูไม่หิวค่ะ ปกติหนูไม่ค่อยกินข้าวเช้าหรอก ว่าแต่ คุณมีงานอะไรให้หนูทำไหมคะ” ดุจตะวันหันมาตอบคำถาม พร้อมกับดูว่ามีอะไรที่ตัวเองพอจะทำในห้องนี้ได้บ้าง “มีสิ แล้วก็ด่วนมากด้วย” เคลลี่ตอบกลับแล้วก็เดินตรงไปหาดุจตะวันที่ยืนอยู่ไม่ไกล “มีอะไรด่วนเหรอคะ บอกหนูมาได้เลย เดี๋ยวหนูรีบทำให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” “ไปกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย” ใบหน้ามนเงยขึ้นมาสบตาเขาด้วยความสงสัย หรือว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ได้ยินที่เธอบอกว่าไม่หิว “แต่หนูพึ่งบอกคุณไปว่าหนูไม่หิวนะคะ” “แต่คนเราต้องกินข้าวเช้า” “แต่ว่าหนูไม่..” “ดุจตะวัน นี่เป็นคำสั่ง ฉันสั่งให้เธอต้องกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนฉันทุกวัน เข้าใจไหม” ในเมื่อไม่มีทางเลือก คนตัวเล็กจึงได้แต่ก้มหน้างุดยอมทำตามคำสั่ง จะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็เขาเป็นถึงประธานบริษัท ส่วนเธอมันแค่เด็กฝึกงาน ขืนขัดใจแล้วไม่เซ็นให้ผ่านจะทำยังไง ในร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ข้างบริษัท เคลลี่และดุจตะวันเลือกนั่งโต๊ะตรงมุมร้านเพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สนใจจนเกินไป อีกอย่าง เขาไม่อยากจะให้ใครเอาเธอไปว่าเสีย ๆ หาย ๆ “ซันอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” “รวยเหรอถึงจะเปย์น่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นทีเล่นทีจริง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนตาแทบปิด แต่กลับทำให้เคลลี่ถึงกับนิ่งงัน เพราะมันเหมือนกับประโยคที่ตะวันเคยพูดกับเขาไม่มีผิด “ก็รวยพอตัวนะ” เคลลี่เลือกตอบกลับไปอย่างที่เคยตอบกลับตะวันในอดีต ยิ่งมองคนตรงหน้าก็เหมือนกับว่าเขาได้ย้อนเวลาคืนมาอีกครั้ง “อ๊ะ หนูก็ลืมไป คุณเป็นถึงประธานก็ต้องรวยเป็นธรรมดาสิเนาะ งั้นหนูขอขนมปังเนย ไข่ดาว แล้วก็น้ำส้มก็พอค่ะ” ดวงตากลมโตก้มมองเมนูที่อยู่ในมือแล้วก็เริ่มสั่งอาหารทีละอย่าง “ไม่น่าเชื่อว่าจะเหมือนกันขนาดนี้” “คุณว่าอะไรนะคะ อะไรเหมือน ๆ” เคลลี่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ เท่านั้น แต่เธอดันได้ยินขึ้นมาได้ “ไม่มีอะไรหรอก ซันจะสั่งอะไรอีกไหม” “ไม่แล้วค่ะ พอแล้ว” เคลลี่หันไปสั่งอาหารทั้งของตัวเองและของดุจตะวัน ในใจก็เอาแต่ครุ่นคิด แม้แต่เมนูอาหารยังชอบเหมือนกัน หรือว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้จะเป็นตะวันกลับชาติมาเกิดอย่างที่เขาคิดจริง ๆ /////////
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม