ผ่านไป 1 คืน นับตั้งแต่ตะวันกลับเข้าฝั่ง ทานตะวันตั้งใจว่า จะจัดงานศพให้ยาย 3 คืน คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้ว ร่างเล็กยิ่งดูผอม จากการไม่ยอมกินข้าวกินปลา ไม่หลับไม่นอน เอาแต่ร้องไห้ แล้วก็นั่งซึมอยู่ข้างๆ โลงศพ
"กินข้าวบ้างเถอะนะตะวัน"
ฟ้าถือจานข้าวมาวางข้างๆ เธอเฝ้าดูเพื่อนเป็นแบบนี้มา นานพอสมควรแล้ว ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อ คงจะแย่ " ตะวันไม่หิวอะฟ้า"
" ตะวันรักยายหรือเปล่า"
ตะวันหันมามองที่ฟ้า แล้วพยักหน้าตอบ
"ถ้าตะวันรักยาย ตะวันก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี เหมือนตอนที่ยายดูแลตะวัน เพราะถ้าต่อวันทำแบบนี้ไม่กินข้าวไม่นอน ร่างกายก็จะแย่ ยายก็จะไม่สบายใจ วิญญาณของยายก็จะไม่สงบสุข เพราะว่าตะวัน เป็นเหมือนหัวใจของยาย ยายรักตะวันแค่ไหนตะวันก็รู้ ยายไม่เคยปล่อยให้ตัวมันอดอยาก ยายพยายามทำทุกอย่างเพื่อตะวัน ตะวันเข้าใจที่ฟ้าพูดใช่ไหม"
ดวงตาใสๆ เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ตะวันโผลเข้ากอดฟ้า หน้าซบลงในอก น้ำตาก็ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย คำพูดของฟ้าเรียกสติให้ตะวัน จริงด้วย ตายายรู้ว่าตะวันทรมานตัวเองแบบนี้ ยายคงไม่สบายใจ ฟ้ายกจานข้าวขึ้นมาส่งให้ตะวัน มือเรียวก็รับมาอย่างว่าง่าย เธอค่อยๆ ตักข้าวใส่ปากทีละคำ กินไป ก็นึกถึงยาย
"สบายดีมั้ยตะวัน"
เสียงที่แสนคุ้นหู พาให้สองสาวต้องหันกลับไปดู
"มาทำไม"
ฟ้าลุกขึ้นถามเสียงแข็ง
"อีฟ้าไม่มีมารยาทเลยนะมึงเนี่ย กูมาทำบุญกับตะวันเค้า"
"คนอย่างเจ้หลิวเนี่ยเหรอ จะพูดจาดีกับใคร ไม่มีทาง ถ้าคนนั้นไม่มีผลประโยชน์อะไรกับมัน และที่แล่นมาหาตะวันถึงที่แบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ ฟ้าฉุกคิดขึ้นในใจ "เจ้มาทำไมอีก"
ตะวันเป็นฝ่ายถามบ้าง
"แหมตะวัน เจ้ก็อยากจะขอโทษเรื่องวันนั้น เจ้เอาเงินมาให้ แล้วก็ทำบุญด้วยกันเลย"
เพราะเจ๊หลิวคิดว่า เงินจากการขายตะวันให้แดนเนียลครั้งต่อไป คงจะมาก กว่าเงินที่ได้มาจากบนเรือ ยอมลงทุนทั้งเงินทั้งศักดิ์ศรีแกหน้ามาง้อเด็กกะโปโลถึงที่นี่
"ตะวันไม่อยากได้หรอกเจ๊ กลับไปเถอะ"
จะดูรู้สึกอยากจะฟาดหน้านังเด็กพวกนี้สักทีสองที แหมเอาใหญ่เลยนะมึง แต่เพื่อผลประโยชน์ ก็ต้องยอมทนไปก่อน แล้วค่อยคิดบัญชีทีหลัง
"ถ้ายายบุญมีรู้ว่าตะวันเป็นแบบนี้ คงเสียใจน่าดู"
ใครๆ ก็รู้ เมื่อจุดอ่อนของนังเด็กตะวันคืออะไร
"เสียใจเรื่องอะไรคะ เรื่องเจ๊หลอกตะวันไปขายบนเรือแล้วก็ไม่ให้ตังค์สักบาทน่ะเหรอ"
ด้วยความโมโห ฟ้าเลยโวยออกไปแบบนั้น ดีที่ตอนนี้มีแค่คนของเจ๊ เลยไม่มีใครมาได้ยิน
"กูไม่ได้หลอก มึงก็รู้ กูก็บอกอีตะวันทุกอย่างแล้ว ส่วนเรื่องเงิน วันนั้นกูโมโห กูก็เลยไม่ได้ให้ แต่พอกูคิดได้ ก็เอามาให้นี่ไง"
" ช่างเถอะนะเจ๊ ตอนนี้ตะวันไม่อยากได้แล้ว จะกลับไปเถอะนะ"
ทานตะวันพยายาม พูดด้วยเสียงเรียบ แม้ในใจจะยังโกรธมากก็ตาม ไม่ได้โกรธเรื่องเงิน แต่โกรธที่ไม่บอกเรื่องยาย
"กูพยายามพูดกับมึงดีๆ แล้วนะอีตะวัน กูมีงานใหม่ดีๆ มาให้มึง ถ้ามึงไม่อยากได้ก็แล้วแต่"
" ถ้าเป็นงานพันน้ันอีก ตะวันก็ไม่ทำแน่นอนค่ะ ให้ตะวันโง่แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วมั้งคะ รบกวนเชิญเ**กลับได้เลย"
พูดจบตะวันก็นั่งลงกินข้าวต่อ โดยไม่สนใจหวิวที่ยืนอยู่ข้างๆ การกระทำแบบนี้สร้างความโกรธแค้นให้ผู้ถูกกระทำได้ไม่น้อย มึงเตรียมใจรอความฉิบหายได้เลย อีตะวัน โดนไล่ขนาดนี้ แน่นอนว่า ขบวนของเจ้หลิว ก็ถอยทัพออกไป ปล่อยให้ทานตะวันกับฟ้านั่งเฝ้าศพกันอยู่ 2 คน
-งานคืนสุดท้าย-
ด้วยความที่ยายบุญมี ไม่มีญาติที่ไหน ไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไร คนที่มาร่วมฟังพระสวด ไม่มีไม่มาก ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้วันสุดท้าย
"ตะวัน วันนี้มีคนมาขอเป็นเจ้าภาพ ฉันไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร"
ฟ้าเดินเข้ามาหาตัววันที่กำลังรับแขกอยู่ " เขาอยู่ไหนล่ะ"
" จอดรถอยู่ข้างล่างโน่นน่ะ เดี๋ยวคงขึ้นมามั้ง"
ฟ้าชี้มือลงไปหน้าศาลา
"ตะวันว่าลงไปดูหน่อยดีกว่า"
ฟ้าพยักหน้ารับ แล้วมายืนรับแขกแทนทานตะวัน ร่างเล็กเรียวบาง ในชุดสีขาว เดินลงบันไดตรงไปหา คนที่ฟ้าพูดถึง
"คุณแดเนี่ยล"
ผู้ชายตัวสูง อกกว้าง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยหนวดเครา สวมชุดสูทสีดำ ยืนพิงรถจากัวร์สีดำ รอเธออยู่ราวกับรู้ว่าเธอจะลงมา
"ดีขึ้นหรือยัง"
"คุณมาทำไม"
ทานตะวันถามตอบ โดยไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย
"ฉันได้ข่าวของยายเธอ เลยมาร่วมแสดงความเสียใจ"
"ขอบคุณค่ะ งั้นก็เชิญด้านในนะคะ"
พูดจบทานตะวันก็หมุนตัว เตรียมเดินกลับขึ้นศาลา แต่มือหนา รีบคว้าข้อมือไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวสิ"
"คะ"
"วันนั้นที่ท่าเรือ มีอะไรหรือเปล่า"
"คุณเห็นฉันด้วยเหรอคะ"
แดเนียลพยักหน้ารับ
"ก็เรื่องยายนี่แหละค่ะ"
"แค่นี้จริงๆ เหรอ"
"ค่ะ"
" ซ้อหลิวไม่ได้จ่ายเงินค่าตัวให้เธอใช่ไหม"
ทานตะวันถึงกับชะงัก ไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ด้วย แต่ที่ร้องไห้ มันก็ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ ไม่ยอมบอกว่ายายเสียมากกว่า
"ตะวะ...วัน"
เสียงฟ้าเรียกทานตะวัน ทำให้ ทั้งคู่ตกใจ มือของ มือของแดนเนียลที่จับแขนทานตะวันไว้แน่น รีบปล่อยออก แต่ก็ช้าไป เพราะฟ้าลงมาเห็นซะก่อน
"มีอะไรหรือเปล่าฟ้า"
ทานตะวันรีบถามแก้เก้อ
"อ่อ... เห็นลงมานานเลยมาตาม แล้วตกลงเขาเป็นใคร"
คำถามของฟ้า ตะวันแล้ว ค่อนข้างตอบยาก เขาไม่รู้จะแนะนำว่า แดเนี่ยลเป็นใคร และเป็นอะไรกับเธอ
"นี่ฟ้าเพื่อนตะวัน"
ทานตะวันหรือเลือกที่จะแนะนำฟ้าให้กับแดเนียลก่อน
"ฟ้านี่คุณแดเนียล เป็นเอ่อ..."
"พระจะเริ่มสวดแล้วขึ้นไปบนศาลาเถอะ"
แดเนียลรีบตัดบท แต่ก็นั่นแหละ มันยิ่งทำให้ฟ้าอยากรู้ พอขึ้นมาถึงบนศาลาแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ฟังพระสวด ความสงสัยวิ่งวนอยู่ในหัวฟ้าไม่หยุด ผู้ชายที่ดูดีขนาดนี้ ดูมีเงิน มีหน้ามีตา จะมาร่วมงานกับคนชั้นเราได้ยังไง เขาเป็นใครกันแน่ รู้จักกับตะวันได้ไง ความสงสัยถาโถมใส่ฟ้า จนในที่สุด ก็ต้องตัดสินใจถามตะวันให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป
"ตะวัน ถามจริงๆ เถอะ ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใคร"
"เค้า...."
"ตะวัน! ตะวัน! "
ตะวันยังไม่ทันได้บอก ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมา จากข้างล่าง
"ใครมาโวยวายอะไรวะ พระก็กำลังสวดอยู่เนี่ย"
เสียงบ่นเสียงหงุดหงิด แม้พระยังคงสวดต่อ แต่เสียงเรียกก็ยังไม่หยุดเช่นกัน ในที่สุด เจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้นบนศาลา
"โอ๊ยลุงขาว นึกว่าใคร"
ฟ้าหันไปโวย "
เบาเบาสีฟ้า พระสวดอยู่เห็นไหม"
ทานตะวันหันไปว่า ก่อนจะลุกขึ้นไปหาลุงขาว แดเนี่ยลเอง ก็กำลังสังเกตเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
"บ้านเอ็งอีตะวัน แฮ่กๆ บ้านเอ็งโอ๊ย..."
ลุงขาวเล่าไปก็หอบไป ดูท่าทาง คงจะวิ่งมาจากบ้านจริงๆ
"บ้านฉันทำไมลุง"
"บ้านเอ็ง แฮ่กๆ บ้านเอ็งไฟไหม้ ตอนนี้ลุกทั่วหลังแล้วจะไปดูมั้ย"
ข่าวที่ได้รู้ ทำให้ สาวน้อยหน้าชา อะไรกัน เรื่องไม่ดีมันจะเกิดติดต่อกันขนาดนี้เลยเหรอ พระก็กำลังสวด บ้านก็ไฟไหม้ จะเอายังไงล่ะทีนี้
"ฟ้า ตะวันฝากงานด้วยนะ ตะวันขอกลับไปดูบ้านก่อน"
ฟ้าพยักหน้ารับ แต่ใจจริงก็อยากไปด้วยกัน ได้แต่มองตามตะวันไป แดเนียลเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินตามไปทันที
ทันทีที่มาถึงคิดเอาเถอะว่าบ้านหลังเล็กๆ ที่มีส่วนประกอบเป็นป้ายโฆษณาผสมกันอยู่เมื่อติดไฟจะไหม้ไปเร็วขนาดไหน ภาพที่เห็นคือแทบไม่เหลืออะไรเลย
"บ้าน"
คำเดียวที่หลุดออกจากปากอย่างแผ่วเบา ก่อนทานตะวันจะทรุดตัวลงที่พื้น
"ใจเย็นๆ ก่อน"
"คุณจะให้ฉันเย็นอะไรอีก คุณ...ฮืออ คุณไม่เห็น ...ฮึ ไม่เห็นหรือไง..."
แดเนียลย่อตัวลงนั่งข้างๆ ทานตะวัน "ไปอยู่กับฉันก่อนมั้ย"
ทานตะวันหันไปมองหน้าคนข้างๆ
"คงไม่ได้ให้ไปอยู่เฉยๆ หรอกใช่มั้ย" "เห็นฉันเป็นคนยังไง"
ถึงจะเคยนอนด้วยแค่ 2 คืนแต่จะให้สรุปเอาว่าเขาพิศวาสถึงขนาดจะเอาไปเลี้ยงดูปูเสื่อก็คงไม่ จะว่าสงสารคนแบบนี้เหรอจะสงสารใคร ทานตะวันหันกลับไปมองบ้านอีกครั้ง จริงๆ ที่เสียใจเสียดายบ้านเก่าๆ นี้ เพราะมันเป็นของยาย เป็นที่ที่เคยอยู่กับยาย ความทรงจำทั้งหมดมันเก็บอยู่ที่นี่ แล้วมาเสียไปทั้งยาย ทั้งบ้านแบบนี้ทำไมชีวิตมันรันทดนักวะ ชาติก่อนไปสร้างบาปอะไรไว้รึไง กรรมมันถึงสนองรัวๆ แบบนี้
"แล้วจะไปอยู่ที่ไหน"
แดเนียลหันไปถาม คนอะไรไม่มีอะไรมาถึงขนาดนี้ยังจะหยิ่งอีก
"มันต้องมีสักทางนั่นแหละ ตอนนี้คิดก่อนว่ามันไหม้ได้ยังไง"
ทานตะวันปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมองไปรอบๆ
"บ้านแบบนี้ ปกติอยู่แล้ว"
"อย่ามาดูถูกกันหน่อยเลย ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโตขนาดนี้ไม่เคยมีปัญหานี้เกิดขึ้น ทำไมมันเพิ่งมาเกิด"
"พูดแบบนี้คงจะคิดว่ามีคนเผาใช่มั้ย"
"ก็...ไม่แน่ใจเหมือนกัน"
ทานตะวันตอบเสียงแผ่ว ก็ถ้ามีคนมาเผาจริงๆ มันจะมาเผาเอาอะไร วัยรุ่นเมายาเหรอ หรือใครที่เกลียดเราเลยอยากให้ไม่เหลืออะไร หรือว่า...
"เธอมีปัญหากับใครอยู่หรือเปล่า" "เจ้หลิว"
จริงสิเมื่อกลางวันนี้เธอปฏิเสธงานของเจ้หลิวไปนี่ ถ้าจะมีใครทำเรื่องแบบนี้คงจะมีเจ้หลิวแค่คนเดียว
"ซ้อหลิวเหรอ"
"ใช่ เค้าขอให้ฉันกลับไปทำงานให้เขา แต่ฉันปฏิเสธไปเมื่อกลางวัน"
"งานอะไร"
"เขาไม่ทันได้บอก"
แดเนี่ยลทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่จริง ในใจเขาก็คิดว่า คงเป็นงานที่เขาติดต่อมา
"ช่างเถอะ แค่บ้านไฟไหม้ เธอคงไม่คิดจะไปเอาเรื่องเจ้าแม่ในย่านนี้หรอกนะ"
"ฉันจะแจ้งความ"
ทานตะวันหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"แจ้งความ? เหรอ เธอคิดว่าตำรวจเขาจะสนใจไอ้ซากนี้เหรอ เทียบเธอเด็กที่ไม่มีใครรู้จัก เงินติดตัวมีกี่บาทก็ไม่รู้กับซ้อหลิวเจ้าแม่ประจำย่านนี้อำนาจบารมี เงินทอง ชื่อเสียง ถามอีกรอบนะ เธอจะแจ้งความจริงๆ เหรอ"
เป็นคำถามที่เรียกสติพาให้สมองต้องฉุกคิดตาม นั่นสิ ถึงแจ้งตำรวจไปก็เท่านั้นนั่นแหละ
"เคยได้ยินมั้ย เงินไม่พอก็รอไปจนชาติหน้า"
ทั้งคู่ยืนอยู่ที่นั่นนานจนเพลิงสงบ คราวนี้ทานตะวันเพียงแค่เหม่อมองควันไฟไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายอย่างเคย จริงๆ แล้วความทรงจำอาจจะไม่จำเป็นต้องผูกขาดกับบ้าน สิ่งของ แต่มันคือความรู้สึกดีดี คำสอน ที่ยายมีให้ต่างหาก ถ้ารักยายจริงๆ คงต้องก้าวข้ามตรงนี้ไปให้ได้ เพียงเก็บยายไว้เป็นที่เตือนใจก็พอ
"ตกลงจะเอายังไง"
พอแดเนียลสังเกตเห็นว่าใบหน้านวลเริ่ม ดีขึ้นแล้ว จึงสร้างบทสนทนาขึ้น
"คงต้องไปปรึกษาฟ้าก่อน"
"ตามใจ ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก"
"คุณคงไม่ช่วยฉันเปล่าๆ หรอกใช่มั้ย"
ถึงจะเรียนมาน้อยแต่ก็ไม่ได้โง่ แดเนียลเลิกคิ้วขึ้น คงไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรมาก ดูแล้วเด็กนี่คงฉลาดพอสมควร
"คุยกันง่ายๆ ก็ดี ก็อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ ฉันจะเลี้ยงเธอไว้เป็นผู้หญิงของฉัน มีทุกอย่างให้ถ้าเธอตกลงรับข้อเสนอ" "ไม่พ้นขายตัวสินะ"
ทานตะวันหันไปจ้องหน้าเขา
"ขายตัวคือการที่เธอนอนกับฉัน ฉันจ่ายเงินเราแยกย้ายทุกอย่างจบ แต่นี่คือฉันพาเธอไปอยู่ที่บ้าน ถ้าเวลาไหนต้องการเราก็..."
"มันต่างกันตรงไหน สุดท้ายก็จบที่เตียงอยู่ดี"
"ต่างสิถ้าเธอไปอยู่เป็นนกน้อยในกรงทองของฉัน ฉันให้เธอได้ทุกอย่างไม่ใช่แค่เงิน บ้าน รถ การศึกษา เลือกเอานะตะวัน ถ้าเธอจะอยู่แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนก็ตามใจ"
ไม่รู้สิคนเราพอชีวิตมันดิ่งลงมาต่ำขนาดนี้แล้วมันก็คิดว่า คงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าจะลองดูคงไม่เป็นไร
"ถ้าตกลงต้องทำไงบ้าง"
แดเนียลกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งมือซ้อหลิวสินะ