บทที่ 5 คืนแรก
เอี๊ยด!
ศีรษะของฉันเกือบชนแล้วนะ ผู้ชายคนนี้นึกอยากจะเร่งความเร็วก็เร่งอยากจอดก็จอดอยากถามจังว่าใบขับขี่มีหรือเปล่าหรือเพียงแค่รวยเลยซื้อมา
“จะ จะทำอะไรคะ?”
“…”
ยัยนั่นรีบขยับตัวเองไปติดกับประตูรถเหมือนกับว่าจะสามารถแทรกร่างกายเข้าไปในนั่นได้อย่างนั้นแหละอีกอย่างตัวของเธอยังมีอาการสั่นเทาราวกับว่าเจออะไรที่ทำให้กลัวมากขนาดนั้น ผมไม่น่ากลัวหรอก
“อะ ออกไปนะคะ!”
“…”
ฉันดิ้นไปมาเมื่อฝ่ามือของซันจับที่ต้นขาอ่อนของตัวเอง เขาขยับเข้ามาประชิดตัวทีละนิดๆ ส่วนฝ่ามือก็ยังลูบขึ้นมาเรื่อยๆ อีก คราวนี้มือไม้ของฉันเริ่มออกมาใช้งานโดยที่ใช้ดันหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาไม่ให้เข้าใกล้ประชิดไปมากกว่า
“อื้อ...บอกให้ออกไป นะ นายไม่ได้ยินหรอ?”
ฟึบ!
“ก็แค่นี้ทำไมจินตนาการว่าเราทำอะไร?” ผมใช้มือล้วงโทรศัพท์ของยาหยีขึ้นมาก่อนที่จะถอยไปยังประจำที่ “ไม่ต้องห่วง ไม่ชอบเอาในรถ”
อึก!
ฉันกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงไปในลำคอด้วยความโล่งอก ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะเข้ามาล้วงเอาโทรศัพท์ของฉันอีกอย่างทำไมไม่ขอดีๆ
โทรศัพท์ถูกโชว์ขึ้นพร้อมทั้งสายเรียกเข้าที่แสดงอยู่ตรงหน้า ฉันรู้ว่าเป็นเบอร์ของเรเนสเพื่อนรักแต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากของรับเพราะสายตาสีรัตติกาลของซันกำลังจ้องมองมาด้วยความเรียบเฉย
“เรเนส?”
ผมอ่านชื่อที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเก่าๆ ของยาหยี ทำไมชื่อนี้มันเหมือนกับชื่อน้องของไอ้เร็นจังหวะความสงสัยทำให้ผมคิ้วขมวดด้วยความแปลกใจ
“…”
“เพื่อนหรอ?”
“…”
“หูแตกไงวะถามไม่ตอบ!”
“ถามหยีหรอคะ?”
เสียงตะคอกใส่หน้าทำให้ฉันสะดุ้งนิดๆ ไม่ถึงกับมากเท่าไหร่ ก็ใครจะไปรู้ล่ะอยู่ๆ ก็พูดขึ้นแบบนั้นแถมยังจ้องหน้าด้วยแววตาแบบไม่ได้ถามอย่างงั้น
“ถามแมวมั้งวะในรถมีใครบ้างหะนอกจากชั้นกับเธอ!” ผู้หญิงคนนี้เต็มหรือเปล่าวะ ผมได้แต่คิดในใจด้วยความหัวเสียไม่น้อย “ตอบ!”
“ชะ ใช่คะ เรเนสเป็นเพื่อนหยีเอง...”
“ก็แค่เนี้ย!”
ฟึบ!
และแล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อซันเขาได้ทิ้งโทรศัพท์ของฉันลงข้างทางอย่างไม่ใยดีต่อจากนั้นก็เหยียบเร่งเครื่องยนต์ขับออกไปทันที
“นั่นมันโทรศัพท์ของหยีนะ!”
ผมเบี่ยงสายตามองยาหยีที่หันมองไปยังด้านหลังด้วยแววตาที่แสนเสียดายโทรศัพท์อันเส็งเคร็งเครื่องนั้นทั้งๆ ที่ขับมาไกลแล้ว
“ชั้นมีสิทธิทำ!”
“สิทธิ?”
“เจ้าหนี้ไงหรือว่าสมองเสื่อมวะทุกอย่างของเธอมันเป็นสิทธิของชั้นถ้าชั้นสั่งก็ต้องทำตาม!”
บ้าไปแล้ว!
ผู้ชายคนนี้ต้องบ้าไปแล้วจริงๆ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยแม้แต่โทรศัพท์ที่ฉันมองว่ามันคงไม่มีค่าสำหรับเขา เขายังทำได้เลย!
“…”
“ห้ามติดต่อใครทั้งนั้นถ้าไม่ได้รับอนุญา” น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันธรรมดามากเหมือนกับพูดขึ้นลอยๆ “ถ้าอยากลองฝ่าฝืนก็เชิญแค่แลกกับชีวิตพี่ชายเธอ!”
จะบ้าหรือไงไม่ให้ติดต่อใครแล้ววันๆ จะให้ฉันอยู่ได้อย่างไรนอกจากนี้ฉันก็ออกไปทำงานส่งตัวเองเรียนด้วย เงินมันไม่ได้ออกมาจากบ่อเงินบ่อทองที่หน้าบ้านนะขืนอยู่นิ่งๆ ก็อดตายอย่างแน่นอน
“แต่ว่าหยีต้องทำงานนะคะ”
มันเป็นความจริงที่ฉันจะต้องบอกผู้ชายคนนี้เพราะว่าตัวเองไม่ใช่คนร่ำรวยออกจะไม่มีกินเสียมากกว่า หนี้สินล้นตัววันๆ ที่บ้านมีคนเข้าออกเพื่อมาถามว่าเมื่อไหร่จะคืนเงินไม่ต่ำกว่าสิบรายต่อวัน ทุกๆ ครั้งที่ได้เงินมาก็ต้องไล่จ่ายหนี้จนแทบไม่มีอะไรกินก็มี
แต่ก็ไม่เคยนึกที่จะย่อท้อต่อโชคชะตาที่เหมือนเป็นเกมให้เบื้องบนได้แกล้งอย่างสมใจ ความจนมันน่ากลัวและสามารถทำให้คนตายได้หลายๆ ร้อยคนต่อปีทั้งโรคเครียดจนฆ่าตัวตายไปก็มี มันน่ากลัวจนฉันไม่อยากจะคิดถึงอนาคตของตัวเองว่าจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าอะไร มันก็ไม่แน่นอน
“ไม่ต้องลาออกให้หมด!”
เสียงเฉียบขาดพูดตัดบทสนทนาขึ้นมาทำเอาฉันแทบสะดุ้ง แอร์เย็นๆ ในรถส่งผลให้ฉันต้องให้มือลูบต้นแขนไปมาคนอะไรใจร้ายซะไม่มีแบบนี้จะมีเพื่อนคบด้วยไหม
เอี๊ยด!
ฉันใช้สายตาสำรวจสิ่งรอบๆ ข้างภายด้านนอกกระจกรถมันเป็นบ้านหลังขนาดใหญ่ทันสมัยที่ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงพร้อมด้วยสระและเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
ถ้าฐานะไม่ดีไม่มีทางซื้อได้แน่
“ลงมาได้แล้วนั่งเป็นคุณนายอยู่ได้”
ผมเข้าไปเปิดประตูรถอีกด้านให้เมื่อเห็นว่ายาหยีไม่ลงมาจากรถเสียที มัวแต่ใช่สายตาสำรวจบรรยากาศอยู่นั้นแหละ
“…”
“ตามมาร้อนตายห่าอยู่แล้ว”
ซันเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนที่ฉันจะลงจากรถและเดินตามเข้าไปในระยะติดๆ แต่มันกับตามไม่ทันเลย ไม่รู้เดินเร็วขนาดไหนกัน...
~ฟิ้ว~
ฟึ่บ!
เสื้อแจ๊สเก็ตลอยมาตกบนศีรษะของฉันอย่างพอดิบพอดีราวกับถูกจัดวาง กลิ่นน้ำหอมเข้มฉุนๆ ที่สามารถเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้รู้ได้เลยว่าเป็นของใคร
“เอาไปเก็บ..”
“ค่ะ”
“เออ แล้วเอาน้ำแร่มาด้วย ห้องครัวทางนู้น...”
ฉันวางแจ็สเก็ตตัวนั้นแล้วบนโซฟาหรูก่อนที่จะรีบเดินมาทางที่นิ้วมือของซันชี้มาด้วยอาการประหม่า บ้านหรูหราขนาดนี้ขืนเดินชนอะไรตกแตกมีหวังได้เป็นหนี้เพิ่มแน่ หนี้เดิมก็ยังไม่มีจ่ายเลยสักบาทเดียว
“ห้องครัวอยู่ไหนกันนะ..”
สายตาของฉันหันไปทางซ้ายทางขวาเพื่อหาห้องครัวที่เป็นเป้าหมายอย่างทุลักทุเลยากกว่าการทำงานเป็นสิบเท่า
“ห้องนั่นแน่ๆ” เมื่อความแน่ใจเริ่มมาเยือนเท้าของฉันก็ก้าวตรงไปทันทีทั้งๆ ที่มันเป็นการเดาสุ่มล้วนๆ แต่ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปก็เห็นสิ่งที่ตัวเองตามหา “นั่นไงตู้เย็น”
ฉันรีบเข้าไปเปิดทันทีจากนั้นก็ได้ตะลึงกับสิ่งที่อยู่ในนั้นมันมีแค่น้ำแร่ขวดเล็กบรรจุอยู่ครึ่งตู้อีกครึ่งหนึ่งเป็นเบียร์ทั้งหมด นี่อาหารของคนรวยหรอเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจ
“เธอเป็นเต่าหรือไงวะ ช้าขนาดนี้”
ปึก!
มือรีบคว้าขวดน้ำมาแล้วปิดตู้เย็นก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับซันที่เสยผมอย่างเซงๆ ก็เขาใจร้อนนิยังไม่นานเสียหน่อย
“ก็.....”
ตึก!
“…”
“ฉะ ฉันมัวหาตู้เย็นไงก็เลยชะ ช้า”
ลำแขนใหญ่เข้ามากั้นตัวทั้งสองของฉันให้อยู่ตรงกลางระหว่างตัวของซัน ด้านหลังมันก็เป็นตู้เย็นจึงหมดทางขยับหนี ฉันได้แต่กอดน้ำขวดนั้นไว้แน่น!
“ชั้นไม่รออะไรที่มันช้าๆ จำเอาไว้”
ผมพูดพร้อมกับปลายตามองคนตรงหน้าที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยใบหน้าขึ้นมาสบตาคนอย่างผม ไม่รู้ว่าเธอกลัวอะไรกันนักหนา เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
“ก็ฉันพึ่งมาครั้งแรกนิใครจะไปรู้ละ?”
“ก็ชี้แล้วไง”
“บ้านใหญ่ขนาดนี้?”
มันก็จริงอย่างที่ฉันพูด ซันชี้บอกทางอย่างชุ่ยๆ ไม่ใส่ใจนัก ไม่บอกด้วยซ้ำว่าไปทางซ้ายหรือทางขวาแบบนี้ใครจะไปรู้
“ปากเก่งขึ้นเยอะ?”
“…”
“เก่งอย่างอื่นไหมอย่างเช่น...”
อื้ม...
ริมฝีปากของคนตัวใหญ่เข้าไปประกบริมฝีปากเล็กทันทีก่อนที่จะค่อยๆ ใช้ลิ้นดันเข้าไปในโพรงปากหวานทีละนิดๆ จนได้ชิมรสที่หอมหวาน