บทที่7 รักเริ่มต้นขึ้นที่ตรงนี้

4961 คำ
อภิวัตรขับรถไปเรื่อยๆไม่ได้สนใจเสียงต่อว่าต่อขานของบุษบาวรรณที่บอกให้ตนเองจอดรถ ไม่อย่างนั้นบุษบาวรรณจะโทรไปฟ้องคุณหญิงและเจ้าสัวทรงเกียรติ  "คุณธรรพ์จอดรถเดี๋ยวนี้นะคะ บุษไม่ไปไหนกับคุณธรรพ์ทั้งนั้นบอกให้จอดรถไงคะ" บุษบาวรรณโวยวายใส่อภิวัตร "ไม่จอด เสียใจด้วยนะบุษต้องไปกับพี่" อภิวัตรบอกบุษบาวรรณสีหน้าเรียบนิ่ง พร้อมกับกดเปิดเพลงและร้องเพลงตามไปด้วยเบาๆอย่างอารมณ์ดี ผิดกับบุษบาวรรณที่ตอนนี้โกรธอภิวัตรจนหน้าแดงไปหมด และหวั่นใจกลัวว่าอภิวัตรจะพาตนเองไปทำมิดีมิร้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรไปขอความช่วยเหลือจากคุณหญิงมารตี "คุณธรรพ์จอดรถเดี๋ยวนี้นะคะ ถ้าไม่จอดฉันจะโทรบอกคุณหญิง" บุษบาวรรณขู่อภิวัตรพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาถือไว้เตรียมจะโทรออกไปหาคุณหญิง "ไม่จอด จะฟ้องก็โทรไปฟ้องเลยเอาสิโทรเลย" ธรรพ์พูดท้าทายบุษบาวรรณ ลอยหน้าลอยตาพูดเสียจนน่าตบ บุษบาวรรณเลยตัดสินใจโทรหาคุณหญิงทันที "คุณหญิงคะคือว่าหนู......"บุษบาวรรณรีบพูดเมื่อเห็นว่าคุณหญิงมาตีรับสาย "หนูบุษถึงไหนกันแล้วละลูก เห็นพี่เขาโทรมาขออนุญาตป้าบอกว่าจะพาหนูไปช่วยงานเขาที่อยุธยา จะให้หนูช่วยเขาออกแบบรีสอร์ตแบบไทยประยุกต์อะไรของเขาเนี่ยแหละ" เมื่อบุษบาวรรณได้ยินในสิ่งที่คุณหญิงมารตีพูดก็ยิ่งงงหนักเลยถามคุณหญิงไปเพื่อความมั่นใจว่า "อะไรนะคะคุณท่านให้หนูไปช่วยงาน แล้วคุณธรรพ์ขออนุญาตคุณหญิงแล้วด้วยเหรอคะ" บุษบาวรรณถามคุณหญิงมารตี "จ้ะลูก ธรรพ์บอกป้าว่าคุยกับหนูแล้วจะไปกันเลยเพราะกลัวจะมืดค่ำเสียก่อน" คุณหญิงพูด "แต่คุณท่านคะคือหนู..." บุษบาวรรณจะพูดว่ากลัวธรรพ์แต่ก็ไม่กล้าพูด แต่คุณหญิงเข้าใจบุษบาวรรณดีจึงปลอบบุษบาวรรณไปว่า "ไม่เป็นไรหรอกลูก พี่เขารับปากป้าแล้วจะไม่หักหาญน้ำใจหนูอย่างแน่นอน"คุณหญิงมารตีพูดเพื่อให้บุษบาวรรณไม่ต้องกังวลใจมากไปกว่านี้ บุษบาวรรณจึงต้องจำใจไปกับอภิวัตรไม่พูดว่าอะไรอีกและวางสายจากคุณหญิงมารตีนั่งนิ่งเฉยมาตลอดทาง ย้อนไปเมื่อช่วงเที่ยงธรรพ์ได้โทรไปหาพ่อและแม่ของตนเองเพื่อขออนุญาตพาบุษบาวรรณไปทำงานที่อยุธยาด้วยกัน เป็นการไปดูโครงการใหม่ที่จะปรับปรุงบ้านมรดกเรือนไทย มรดกจากฝั่งบ้านเจ้าสัวที่ตกทอดมาตั้งแต่ปู่ย่า อภิวัตรมีแผนว่าอยากจะ Renovate ใหม่ในส่วนของบ้านเรือนไทยเดิมและสร้างเพิ่มเติมในบริเวณที่ดินเดียวกันจำนวนสิบไร่เศษออกแบบก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นโรงแรมและรีสอร์ตที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ "แม่ครับ ผมโทรมาขออนุญาตแม่พาน้องบุษไปทำงานที่อยุธยาด้วยกัน" อภิวัตรบอกแม่ของตนเอง "ไม่ได้นะธรรพ์ แม่ไม่ให้น้องไปกับธรรพ์น้องเป็นผู้หญิงนะ" คุณหญิงมารตีโวยวายใส่ลูกชายทันทีที่ได้ยิน "ก็รู้แล้วครับว่าเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายผมคงไม่ได้อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้แม่หรอกครับ" อภิวัตรบอกแม่ของตนเอง "ธรรพ์ แม่บอกธรรพ์แล้วไงน้องยังเด็ก อย่ามาทำเล่นๆกับหนูบุษแม่ไม่ชอบ"คุณหญิงมารตีขึ้นเสียงใส่ลูกชาย "ผมชอบเขา อีกอย่างนะแม่ผมไม่ได้จะทำอะไรเขาเลย แค่อยากอยู่ใกล้ชิดได้เรียนรู้นิสัยใจคอ โอเคครับแม่ผมมันเจ้าชู้เคยนอนกับผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้า แต่ผมไม่ได้จะเอาผู้หญิงพวกนั้นมาเป็นสะใภ้แม่นะ แม่จะไม่เปิดโอกาสให้ผมกับหนูบุษของแม่หน่อยเหรอ แม่ไม่ได้อยากได้เขามาเป็นสะใภ้มาเป็นแม่ของหลานแม่เหรอครับ นะครับ นะครับแม่อนุญาตให้ผมพาบุษไปนะผมรับรองด้วยเกียรติของผมว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับน้องบุษ ถ้าเอ่อ....น้องบุษไม่ยอมนะ" ธรรพ์หยิบยกเหตุผลนานาประการมาเพื่อขออนุญาตแม่ของตนเอง "เออๆ ให้ไปก็ได้ แต่แน่ใจนะเจ้าธรรพ์ว่าแกมีเกียรติพอให้ฉันเชื่อใจแกได้"คุณหญิงมารตียินยอมด้วยความรำคาญในตัวลูกชายของตนเองแต่ก็มิวายพูดเหน็บอภิวัตร "ครับ ผมมีเกียรติเชื่อถือได้ครับ" อภิวัตรตอบแม่ของตนเองไปแต่ก็แอบคิดลึกๆในใจว่าจะข่มใจไหวหรือเปล่าว่าที่เมียของเขาสวยหวานออกขนาดนี้ อภิวัตรขับรถพาบุษบาวรรณมาถึงอยุธยาเกือบจะค่ำแล้ว เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านเรือนไทยก็มีแม่บ้านคนงานสองคนวิ่งออกมาต้อนรับและพูดคุยกับอภิวัตร เมื่อคุยกันเรียบร้อยอภิวัตรก็ได้ชวนบุษบาไปชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่ศาลาติดแม่น้ำ "คุณธรรพ์สวัสดีค่ะ แม่อิ่มจัดห้องไว้ให้แล้วตามที่คุณธรรพ์สั่งเลยค่ะ ข้าวของเครื่องใช้ก็เตรียมไว้ให้ครบ วันนี้ตาเพิ่มแกต้มกะทิสายบัวมีกุ้งแม่น้ำเผ่ากับสะเดาน้ำปลาหวานที่คุณธรรพ์ชอบไว้ให้ด้วย ของหวานมีกล้วยไข่เชื่อม คุณธรรพ์กับคุณผู้หญิงจะรับประทานกันเลยไหมคะแม่อิ่มกับตาเพิ่มจะได้ตั้งโต๊ะเลย" แม่อิ่มพูดเสียยืดยาวด้วยความดีใจที่วันนี้อภิวัตรแวะมาค้างที่บ้าน จริงๆแล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านของปู่ทวดของอภิวัตรเอง แม่อิ่มและตาเพิ่มเป็นคนเก่าคนแก่ดูแลบ้านหลังนี้และสวนผลไม้อีกประมาณสิบไร่เศษ "ยายอิ่มแกก็พูดมากเสียจนไม่เปิดโอกาสให้คุณธรรพ์ได้พูดเลย" ตาเพิ่มเอ็ดเมียของตัวเอง "ก็ฉันคิดถึงคุณธรรพ์ของฉันนิตาเพิ่มแกก็จะมาขัดฉันทำไม" แม่อิ่มว่าตาเพิ่ม "เอาละครับไม่ต้องเถียงกันผมยังไม่ค่อยหิวเลยครับแม่อิ่ม ขอแนะนำสาวน้อยคนนี้ก่อนแล้วกันนะครับน่าจะไม่เคยเจอกันคุณหญิงน่าจะไม่เคยพามา เขาชื่อบุษบาวรรณครับเรียกเขาว่าหนูบุษเฉยๆก็ได้ แม่ผมก็เรียกแบบนั้น" ธรรพ์แนะนำบุษบาวรรณ "ตัวจริงไม่เคยเห็นหรอกค่ะคุณธรรพ์ แต่เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์เวลาออกงานกับคุณหญิงนะคะ" แม่อิ่มพูดบุษบาวรรณจึงยิ้มหวานส่งให้ป้าอิ่มกับตาเพิ่ม และยกมือไหว้สวัสดีอย่างน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของทุกคน "สวัสดีค่ะแม่อิ่มตาเพิ่ม บุษฝากเนื้อฝากตัวฝากท้องด้วยนะคะคืนนี้จะค้างที่นี่ค่ะ" บุษบาวรรณทักทายคนดูแลบ้านเก่าแก่ทั้งสองด้วยความนอบน้อม "สวยจังเลยค่ะคุณธรรพ์ คนนี้ใช่ว่าที่คุณผู้หญิงของคุณธรรพ์เลยใช่ไหมคะ"แม่อิ่มถามตรงๆ ธรรพ์ฉีกยิ้มกว้างยอมรับด้วยความถูกใจในคำถามแต่บุษบาวรรณกลับพูดคัดค้าน "เอ่อ!.....ไม่ใช่ค่ะบุษเป็นลูกสาวพ่อโสภณคนงานของท่านเจ้าสัวค่ะ พ่อบุษเสียแล้วคุณท่านเลยอุปการะส่งเสียให้เรียนวันนี้มากับคุณธรรพ์เพราะคุณธรรพ์ให้มาช่วยงานออกแบบรีสอร์ตนะคะแม่อิ่ม" บุษบาวรรณพูดแก้ "แกนี่จริงๆเชียวนังอิ่มถามอะไรตรงๆ คุณหนูเธอเขินหน้าแดงหมดแล้ว ไปเถอะครับคุณธรรพ์พาคุณหนูไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำที่ศาลาลมกำลังพัดเย็นสบายเชียวครับ" ตาเพิ่มเอ็ดแม่อิ่มผู้เป็นภรรยาและหันมาบอกให้ธรรพ์พาบุษบาวรรณไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำ "อยากดูหรือเปล่าน้องบุษ" ธรรพ์ถามสีหน้ายิ้มแย้มผ่อนคลาย "อยากดูค่ะ" บุษบาวรรณตอบอภิวัตรสีหน้าเรียบเฉย ธรรพ์พาบุษไปยืนดูพระอาทิตย์ตกน้ำรับลมเย็นๆ บรรยากาศดีจนทำให้บุษบาวรรณเผลอยิ้มออกมารอยยิ้มนั้นสวยจนธรรพ์มองนิ่งไม่วางตา "สวยจัง บุษไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกน้ำดวงโตแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ" บุษบาวรรณพูดโดยไม่ได้มองหน้าธรรพ์แต่จดจ่ออยู่กับการมองพระอาทิตย์ "ใช่สวยมาก ยิ้มสวยมากห้ามไปยิ้มแบบนี้ให้ใครนะพี่หวง" ธรรพ์พูดกับบุษบาวรรณเรียกแก้มแดงด้วยความเขินจากบุษบาวรรณไปอีกรอบจนบุษบาวรรณต้องแกล้งพูดชวนไปกินข้าวโดยอ้างว่าหิวแล้ว "เอ่อ! คุณธรรพ์บุษว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะบุษหิวแล้ว" บุษพูดชวนแก้เขิน "เอาสิ พี่ก็หิว....." ธรรพ์พูดน้ำเสียงบ่งบอกเจตนาของความหิวที่ต่างกันจนทำให้บุษบาวรรณประหม่าเขินอายจนแทบจะเดินไม่ตรงทางแต่ก็ตั้งสติรีบเดินเข้าบ้านไป อภิวัตรและบุษบาวรรณนั่งกินข้าวเย็นที่ชานเรือน โดยมีแม่อิ่มและตาเพิ่มค่อยดูแลอภิวัตรจึงชวนสองคนผัวเมียกินข้าวเย็นเสียด้วยกันเลย "แม่อิ่มตาเพิ่มกินเสียพร้อมกันเถอะครับ กินหลายๆคนสนุกดี" อภิวัตรชวนสองผัวเมีย ทั้งสองคนผัวเมียไม่อาจปฏิเสธคำชวนได้จึงกินข้าวพร้อมอภิวัตรและบุษบาวรรณเลย เมื่อกินข้าวอิ่มแล้วแม่อิ่มก็พาบุษบาวรรณไปยังห้องที่จัดไว้ให้ แต่พอบุษบาวรรณเข้ามาได้สักครู่แม่อิ่มเดินออกไปแล้ว บุษบาวรรณกำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำธรรพ์ก็เปิดประตูห้องนอนเข้ามาและปิดประตูลง "คุณธรรพ์ คุณเข้ามาทำไมคะบุษจะอาบน้ำคุณออกไปได้แล้วมีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้" บุษบาวรรณบอกอภิวัตรสีหน้าวิตกกังวล "อ้าว พี่ก็จะมาอาบน้ำเหมือนกันห้องนี้มันก็ห้องนอนพี่นะ" ธรรพ์บอกบุษบาวรรณหน้าตาเฉย "อ้าวเหรอคะ แม่อิ่มพามาผิดห้องหรือคะเดี๋ยวบุษออกไปหาแม่อิ่มให้จัดห้องใหม่ก็ได้ค่ะ" บุษบาวรรณพูดและไม่ทันจะเดินออกจากห้องไปอภิวัตรก็พูดขึ้นว่า "แม่อิ่มเขาไม่จัดห้องใหม่แล้วเขาจัดให้ห้องเดียว เตียงก็ตั้งกว้างจะนอนสองห้องทำไมละบุษ บุษตัวนิดเดียวเองนอนด้วยกันนั่นแหละดีแล้ว บุษไปอาบน้ำก่อนไปเดี๋ยวพี่รอ" อภิวัตรพูดสีหน้าปกติเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่บุษบาวรรณจะต้องนอนกับตนเอง "คุณธรรพ์แต่บุษเป็นผู้หญิงนะคะ" บุษบาวรรณพูดให้สติอภิวัตร "รู้แล้ว แต่พี่ว่าเรานอนด้วยกันเถอะเรือนไทยหลังใหญ่โบราณหลังนี้ออกจะน่ากลัวบุษไม่กลัวผีเหรอพี่ยังกลัวเลย" อภิวัตรใช้ไม้ตายขู่บุษบาวรรณ "เฮ้ย! คุณธรรพ์ดึกแล้วจะพูดทำไมละคะ" บุษบาวรรณสะดุ้งและขยับเข้ามาใกล้ธรรพ์มากกว่าเดิม "ก็ดึกแล้วไงพี่ถึงได้พูด ดึกแล้วแม่อิ่มแกก็ไปนอนแล้วบุษจะไปปลุกคนแก่ให้มาจัดห้องให้บุษใหม่กลางดึกแบบนี้เหรอ พี่ว่าบุษรีบไปอาบน้ำเถอะอย่างอแงเรื่องเยอะเลยพี่จะได้อาบต่อ" ธรรพ์พูด "แต่ว่าบุษ....." บุษบาวรรณลำบากใจกลัวผีก็กลัวแต่พอมานึกดูอีกทีคนตรงหน้าก็น่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก "อะไรอีกละครับบุษน้องจะเอายังไงอีกจะให้พี่เรียกแม่อิ่มมาจัดห้องกลางดึกเลยเอาไหม" ธรรพ์ถามย้ำ "ก็ได้ค่ะ นอนด้วยกันก็ได้แต่คุณธรรพ์ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรบุษนะคะ"บุษบาวรรณขอคำมั่นสัญญา "แล้วพี่จะไปทำอะไรบุษ พี่ไม่ลุกขึ้นเอาหมอนว่าปิดจมูกบุษตอนกลางดึกแน่นอนไม่ต้องกลัว" ธรรพ์แกล้งพูด "บุษไม่ได้หมายความว่าคุณธรรพ์จะฆ่าบุษ บุษหมายถึง..... หมายถึง....เห้ย! คุณธรรพ์ไปอาบน้ำก่อนเลยค่ะ บุษจะอาบทีหลังให้คุณธรรพ์อาบก่อน" บุษบาวรรณไม่รู้จะอธิบายยังไงจึงไล่ธรรพ์ไปอาบน้ำ "ครับพี่ไปอาบก่อนก็ได้ ไม่ต้องเขินหรอกน่า"ธรรพ์ยังคงแกล้งหยอกเย้าบุษบาวรรณและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อธรรพ์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาและให้บุษเข้าไปอาบน้ำต่อ บุษอาบน้ำอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดตาเป็นชุดสายเดี่ยวมีสายเล็กๆ ผูกคล้องไหล่ไว้บุษบาเดินออกมาจากห้องน้ำและมานั่งแปรงผมยาวสวยที่แผ่สยายเต็มแผ่นหลัง "น้องบุษจะนั่งแปรงผมอีกนานไหมครับโบราณเขาถือนะไม่ให้หวีผมตอนกลางคืนเยอะ" ธรรพ์พูดบอกบุษบาวรรณ "ถือทำไมหรือคะคุณธรรพ์ก็แค่แปรงผมเอง" บุษบาวรรณถามอย่างสงสัย  "อ้าว ก็คนสมัยโบราณปลูกเรือนแบบเป็นพื้นไม้กระดานมีร่องให้อากาศถ่ายเทสะดวก ถ้าแม่หญิงคนไหนมีใจให้ชายใดอยู่ก็จะแกล้งทำหวีให้ตกลงไปใต้ถุนเรือนเพื่อลงไปหยิบแล้วจะได้เจอกับชายคนรักไง" ธรรพ์พูดอธิบาย "โอ๊ย! บุษไม่ใช่แม่หญิงสมัยก่อนเสียหน่อยแล้วบุษจะแกล้งทำตกทำไมกันละคะถ้าคุณธรรพ์ง่วงก็นอนก่อนสิคะ" บุษบอกธรรพ์และหันไปแปรงผมต่อเพื่อฆ่าเวลาให้ธรรพ์ง่วงนอนแล้วหลับไปก่อน "พี่บอกให้บุษมานอน ถ้าไม่มานอนพี่จะลุกไปอุ้มมานอนเองและพี่จะหาวิธีทำให้บุษเหนื่อยแล้วหลับง่ายๆ เอาไหมล่ะพี่ทำได้นะ" ธรรพ์ข่มขู่บุษสั่งให้มานอนน้ำเสียงเอาจริง บุษบาวรรณได้ยินดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นและเดินช้าๆไปที่เตียงเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของเตียง ดึงหมอนข้างมาวางตรงกลางกั้นเป็นเขตแดนของตัวเองและค่อยๆนั่งลงบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้ธรรพ์ ธรรพ์เลยแกล้งขยับตัวเพื่อให้บุษบาวรรณตกใจ "ว้าย! คุณธรรพ์จะทำอะไรคะ" บุษบาถามแสดงอาการตกใจกลัวว่าธรรพ์จะมาปล้ำตัวเอง "อะไรบุษเป็นอะไร พี่ก็แค่พลิกตัวเฉยๆกลัวพี่เหรอ พี่สัญญาพี่ไม่ปล้ำบุษทำเมียคืนนี้แน่ถ้าบุษทำตัวดีๆถ้ายังไม่ง่วงพี่มีเรื่องจะถาม" ธรรพ์พูด "ก็บุษตกใจ คุณธรรพ์จะถามอะไรบุษละคะ" บุษบาวรรณถาม "จะถามว่า บุษเป็นแฟนกับไอ้นายตะวันนั่นหรือเปล่า" ธรรพ์ถามบุษบาวรรณเสียงแข็ง "เปล่าค่ะ เป็นเพื่อนกันบุษไม่อยากมีแฟน บุษไม่อยากแต่งงาน" บุษบาวรรณบอกกับอภิวัตร "ไม่ใช่แฟนกันจริงๆใช่ไหม แล้วถ้าพี่เสนอตัวจีบบุษละบุษจะรักพี่ได้ไหม"ธรรพ์รุกถามตรงๆ "ไม่ใช่แฟนแน่ๆค่ะ และบุษก็บอกชัดแล้วว่าไม่อยากมีแฟนค่ะคุณธรรพ์ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น" บุษบาวรรณพูด "ทำไมถึงไม่อยากมีแฟนละบุษ" ธรรพ์ถามสีหน้าสงสัย "บุษไม่อยากรักใคร รักแล้วต้องจากกันต้องสูญเสียบุษกลัวความรู้สึกนั้น บุษเสียพ่อเสียแม่ไปเหลือตัวคนเดียวจึงไม่อยากมีหวงไม่อยากรักใครอีกแล้ว" บุษบอกกับธรรพ์ "โธ่ บุษความรักก็เป็นสิ่งสวยงามนะ ทำไมบุษกลัวที่จะรักทำไมไม่คิดว่าอย่างน้อยก็ได้รักแม้ว่าอาจต้องสูญเสีย และตอนนี้ก็ยังไม่เสียไปทำไมบุษไม่อยู่กับวันนี้มองไปยาวไกลทำไมให้ต้องทุกข์ใจกันละครับ" ธรรพ์พูดโน้มน้าวให้บุษได้คิดตาม "บุษง่วงนอนแล้วค่ะคุณธรรพ์" บุษบาวรรณพูดตัดบทไม่อยากโต้เถียงกับอภิวัตรอีก "ก็ได้นอนก็ได้ แต่ต้องเรียกพี่ว่าพี่ธรรพ์ห้ามเรียกคุณธรรพ์อีก" อภิวัตรบอกบุษบาวรรณแต่บุษบาวรรณก็แกล้งทำเฉย "ตกลงยังไงไม่เรียกใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องนอน"ธรรพ์พลิกตัวทำท่าจะเข้ามากอดบุษบาวรรณ "โอเค ๆ โอเคค่ะเรียกแล้วพี่ธรรพ์ บุษง่วงนอนแล้วพี่ธรรพ์นอนนะคะ"บุษบาวรรณยอมเรียก "ก็แค่นี้ เรียกแบบนี้ให้ตลอดด้วยถ้าเผลอมีปรับ ต้องจ่ายค่าปรับเป็นจูบหวานๆนะน้องบุษ" ธรรพ์พูดอย่างอารมณ์ดี บุษบาวรรณลุกขึ้นนั่งประนมมือก้มลงกราบพระที่หมอนหนุนนอน 3 ครั้งและตั้งจิตอธิษฐานขอให้คุณพระรัตนตรัยคุ้มครองปกปักรักษาและขออนุญาตท่านเจ้าของบ้านหลังนี้ขอนอนหลับพักผ่อนอย่างเป็นสุขอย่าได้มีอันตรายใดๆมากล้ำกราย เมื่อบุษบาวรรณตั้งจิตอธิษฐานเสร็จอภิวัตรก็ถามบุษบาวรรณว่าไหว้พระก่อนนอนทุกคืนหรือ "น้องบุษ น้องไหว้พระก่อนนอนทุกคืนเลยหรือ" อภิวัตรถามบุษบาวรรณ "ใช่ค่ะ พระท่านจะได้คุ้มครองไงคะ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตร "คุ้มครองจากอะไรล่ะผีเหรอน้องบุษ" อภิวัตรถามอีก "ก็จากอันตรายทุกสิ่งนั่นล่ะค่ะ สวดมนต์แล้วสบายใจเมื่อใจเป็นสุขเราก็จะหลับฝันดี" บุษบาวรรณอธิบาย "อ๋อ งั้นพี่ว่าเรานอนกันเถอะครับดึกแล้ว" อภิวัตรพูด "ค่ะ" บุษบาวรรณรับคำและล้มตัวลงนอนหลับตาลงทันที อภิวัตรได้แต่นอนมองหน้าสวยของว่าที่เมียต้องข่มความรู้สึกและความต้องการเอาไว้ให้ลึกพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ช่างอยากเย็น "เวรกรรมอะไรของกูวะมาหลงรักแม่ชีคนสวยเข้าให้ ถ้าไปบอกใครว่าไอ้ธรรพ์ลูกชายเจ้าสัวทรงเกียรตินอนมองหน้าสาวน้อยแสนสวยคนนี้ทั้งคืนโดยไม่ได้ทำอะไรคงไม่มีใครเชื่อหรอก" ธรรพ์นอนคิดคนเดียวจนหลับไปเช่นกัน ย้อนไปเมื่อครั้งอดีตสภาพบ้านเรือนของชาวอยุธยาที่อยู่ติดแม่น้ำมีเรือสัญจรพายไปมาอยู่หน้าเรือนแพ เรือนแพหลังน้อยหลังนี้เป็นเรือนแพที่อยู่หน้าบ้านของครูดาบชื่อนายขรรค์ ที่เรือนแพมีสตรีนางหนึ่งรูปร่างอรชรหน้าตาสดสวย ใบหน้าเรียวรูปไข่ ปากนิด จมูกหน่อย หน้าตาจิ้มลิ้มปราศจากใฝ่ฝ้าราคีนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ที่ท่าน้ำมีบ่าวในบ้านวิ่งออกมาตาม "แม่หญิง แม่หญิงเจ้าขาท่านครูเรียกหาแม่หญิงเจ้าค่ะ" นางแย้มส่งเสียงดังมาแต่ไกล "พี่แย้ม ฉันเคยบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าห้ามตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้พี่จะต้องตะโกนเสียงดังไปเจ็ดคุ้งน้ำทำไมกันจ้ะ" แม่หญิงว่ากล่าวบ่าวของตัวเอง "เอ่อ! .... บ่าวขอโทษเจ้าค่ะบ่าวมันสอนไม่จำจริงๆ ว่าแต่แม่หญิงทำอะไรอยู่รึเจ้าค่ะ" นางแย้มขอโทษและถามนายของตน "ฉันกำลังกรองมาลัยดอกมะลิเตรียมไปไหว้พระที่วัดพุทไธศวรรย์ในวันพรุ่งนี้ ว่าแต่คุณพ่อเรียกฉันไปพบด้วยเรื่องอันใดพี่แย้มพอจะรู้เรื่องหรือไม่จ๊ะ"แม่หญิงพูดกับนางแย้ม "บ่าวก็ไม่ใคร่รู้หรอกเจ้าค่ะ ท่านครูดาบบอกให้มาตามแม่หญิงไปพบเจ้าค่ะ"นางแย้มรายงาน "งั้นฉันวานพี่แย้มเก็บของให้ฉันที เอาไปวางไว้ที่ชานเรือนนะฉันจะไปทำต่อหลังจากที่คุยธุระกับคุณพ่อเสร็จแล้ว" แม่หญิงบัวสั่งความบ่าวคนสนิท ท่าทางยิ้มเย็นๆ ยิ้มน้อยๆ อย่างคนมีจิตเมตตาและลุกขึ้นเดินอย่างอ่อนช้อยงดงามขึ้นเรือนไปหาผู้เป็นพ่อ "อ้าว! แม่บัวมาแล้วหรือลูกไปทำอะไรที่เรือนแพมาละลูกเห็นนางแย้มมันบอกพ่อว่าอยู่ที่เรือนแพ" ครูดาบถามลูกสาวคนสวยของตนเอง "ลูกไปนั่งกรองพวงมาลัยดอกมะลิตั้งใจว่าจะนำไปกราบหลวงพ่อที่วัดพุทไธศวรรย์ในวันพรุ่งเจ้าค่ะ คุณพ่อมีกิจอันใดจะใช้ลูกหรือไม่เจ้าค่ะ"แม่หญิงบอกและถามผู้เป็นพ่อท่าทางเรียบร้อย "อ๋อ พ่อจะไหว้วานเจ้าให้ช่วยทำขนมกลีบลำดวนใส่ขวดโหลสวยๆนะลูก พ่อจะเอาไปกำนัลท่านเศรษฐีทองคำสหายของพ่อในวันมะรืนตั้งใจว่าจะพาเจ้าไปกราบท่านเศรษฐีกับแม่นายด้วยเตรียมตัวไว้นะลูก" ท่านครูดาบบอกกับลูกสาว "ได้เจ้าค่ะคุณพ่อลูกจะทำให้สุดฝีมือเลยเจ้าค่ะ ว่าแต่วันนี้คุณพ่อไม่ไปซ้อมดาบที่วัดพุทไธศวรรย์รึเจ้าคะลูกจะได้ฝากพวงมาลัยไปไหว้พระด้วย" แม่หญิงรับปากเรื่องขนมสีหน้ายิ้มแย้มและถามพ่อของตนเรื่องไปซ้อมดาบ "วันนี้พ่อมีแขกจากในวังมาปรึกษาข้อราชการคงจะไม่ไปซ้อมดาบ" ครูดาบขรรค์บอกลูกสาว "งั้นพรุ่งนี้ลูกขออนุญาตคุณพ่อไปกราบพระที่วัดได้หรือไม่เจ้าคะ" แม่หญิงบัวขออนุญาตผู้เป็นพ่อ "ไปเถิดลูกพาบ่าวไพร่ไปด้วยล่ะ ให้นางแย้มมันไปเป็นเพื่อนเอาไอ้มั่นไปพายเรือให้นะลูก" ท่านครูดาบบอกลูกสาว "เจ้าค่ะคุณพ่อ" แม่หญิงรับคำผู้เป็นพ่อและปลีกตัวออกไปนั่งกรองมาลัยต่อที่ชานบ้าน เช้าของวันรุ่งขึ้นแม่หญิงบัวไปไหว้พระทำบุญโดยมีคนติดตามไปด้วยและให้นายมั่นคนพายเรือรอท่าอยู่ที่ท่าน้ำ "แม่หญิงเจ้าคะ วันนี้คนเยอะแยะจริงๆนะเจ้าคะ" นางแย้มพูดกับนายสาว "ใช่จ้ะพี่แย้มก็วันนี้เป็นวันเนาสงกรานต์นี่จ๊ะ ฉันว่าเรารีบเข้าไปข้างในเถิด จะได้เข้าเอาดอกไม้ไปถวายพระและสรงน้ำพระด้วย เสร็จแล้วฉันจะรีบกลับเรือนไปอบขนมกลีบลำดวนต่อ" แม่หญิงบัวบอกบ่าวของตัวเอง "เจ้าค่ะ ว่าแต่แม่หญิงทำขนมกลีบลำดวนเสียเยอะเชี่ยวจะเอาไปเป็นของกำนัลหรือเจ้าคะ" นางแย้มถามเจ้านายสาว "คุณพ่อให้ฉันทำเอาไปเป็นของเยี่ยมท่านเศรษฐีสหายของคุณพ่อ พรุ่งนี้วันเถลิงศกขึ้นปีใหม่อย่างไรเล่าจ๊ะพี่แย้ม" แม่หญิงบอกความแกบ่าวคนสนิทและค่อยๆ เดินเข้าไปกราบพระในโบสถ์แต่ไม่ทันมองคนที่เดินสวนออกมาทำให้ชนเข้ากับร่างหนาของชายรูปงามผู้หนึ่งที่หน้าประตูโบสถ์ "โอ๊ย! ...." แม่หญิงบัวอุทานด้วยความตกใจและทำท่าจะเซล้มไปข้างหลังดีที่มือหนาแข็งแรงนั้นช่วยฉุดรั้งไว้ได้ทัน "เป็นอย่างไรบ้างแม่หญิง ฉันไม่ทันมองต้องขอขมาแม่หญิงด้วยเถิดหนาเจ็บตรงไหนหรือไม่" ขุนเดชฉุดแขนแม่หญิงไว้พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อได้เห็นหน้าแม่หญิงในอ้อมแขนก็ถึงกับตกตะลึงในความงามของหญิงสาว กลิ่นกายหอมดวงหน้าสวยสะกดใจขุนเดชในทันที "ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ช่วยปล่อยแขนดิฉันด้วยเถิดดิฉันยืนเองได้แล้วเจ้าค่ะ"แม่หญิงบอกแก่ชายผู้นั้นน้ำเสียงสั่นๆด้วยความประหม่าเนื่องจากไม่เคยได้ใกล้ชิดชายใดมาก่อน ขุนเดชได้สติจึงค่อยๆปล่อยร่างงามของแม่หญิง แม่หญิงบัวจึงค่อยๆ เดินเข้าไปกราบพระด้านในและแทนที่ขุนเดชจะกลับออกไปเนื่องจากไหว้พระเสร็จแล้วก็กลับเดินตามสาวงามเข้าไปในโบสถ์อีกครั้งและไปนั่งลงใกล้ๆอย่างอยากจะทำความรู้จัก เมื่อแม่หญิงเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ ขยับร่างไปหานางแย้มบ่าวคนสนิทอย่างไว้เนื้อไว้ตัว ขุนเดชเห็นดังนั้นก็ยิ้มน้อยๆในใบหน้ายิ่งอยากใคร่ทำความรู้จักแม่หญิงรูปงามคนนี้ยิ่งนัก แม่หญิงไหว้พระเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกจากโบสถ์พร้อมกับบ่าวคนสนิท ขุนเดชก็ลุกขึ้นเดินตามมาติดๆและส่งเสียงเรียกแม่หญิงให้หยุดก่อน "แม่หญิงหยุดก่อนคุยกับฉันสักประเดี๋ยวเถิด" ขุนเดชส่งเสียงเรียก "เห็นทีจะมิบังควรหรอกเจ้าค่ะแม่หญิง บ่าวว่ารีบเดินไปที่เรือหาไอ้มั่นเถิดเจ้าค่ะอย่าได้ไปคุยกับผู้ชายพายเรือเชียวนะเจ้าคะ อย่าคุยด้วยนะเจ้าคะ" นางแย้มกระซิบบอกเจ้านายสาว "ฉันไม่คุยหรอกน่าพี่แย้มรีบเดินสิ" แม่หญิงกระซิบบอกบ่าวคนสนิท "แม่หญิงจะกลัวพี่ไปไย พี่ไม่ทำอันตรายใดๆแม่หญิงหรอกหนาแค่จะถามว่าที่ล้มไปเมื่อกี้ยังเจ็บอยู่หรือไม่" ขุนเดชถามแม่หญิงบัวแต่แม่หญิงไม่ตอบนางแย้มเลยทำหน้าที่แทน "ไม่เจ็บดอกเจ้าค่ะเดินคล่องแล้ว" นางแย้มตอบแทนเจ้านายสาว "เอ๊ะนังบ่าว ข้าถามนายเจ้าใช่หรือไม่" ขุนเดชขึ้นเสียงดุนางแย้ม "ข้าไม่เจ็บอันใดเลยเจ้าค่ะ ข้าต้องกลับเรือนแล้วขอบน้ำใจท่านที่ช่วยข้าไว้เจ้าค่ะไปกันเถอะพี่แย้ม" แม่หญิงบัวพูดแล้วหันไปบอกนางแย้มและรีบเดินไปลงเรือที่นายมั่นรอท่าอยู่แล้ว ขุนเดชกลับเรือนไปพร้อมกับคนสนิทชื่อจันทร์ระหว่างทางก็ได้พูดกับนายจันทร์ถึงแม่หญิงคนงามเมื่อสักครู่ "ไอ้จันทร์ มึงว่าสวยหรือไม่" ขุนเดชถามขึ้นลอยๆ ดวงตาก็เหม่อลอยคะนึงถึงความงามของแม่หญิงขณะที่นั่งเรือกลับเรือน "อันใดหรือขอรับท่านขุนที่ว่าสวย" จันทร์ถามด้วยความสงสัย "ก็แม่หญิงที่กูชนเขาที่หน้าโบสถ์อย่างไรเล่า"ขุนเดชบอกกับบ่าวคนสนิท "อ๋อ! แม่หญิงลูกสาวครูดาบขอครับท่านขุน" จันทร์พูดกับเจ้านาย "ดูครูดาบหรือ ใช่ครูขรรค์บ้านเรือนแพใช่หรือไม่มีลูกสาวงามเยี่ยงนี้เลยเชียวหรือ" ขุนเดชถามบ่าวของตัว "ใช่ขอรับท่านขุน" จันทร์พูดยืนยัน เช้าวันรุ่งขึ้นครูดาบและแม่หญิงได้มาเยี่ยมท่านเศรษฐีทองคำและแม่นายช้องนางที่บ้านวันนี้ขุนเดชก็ได้มาอยู่ที่เรือนของพ่อแม่ด้วย "อ้าวท่านครูดาบมานั่งก่อนสิ กินน้ำกินท่าก่อน" ท่านเศรษฐีคุยกับครูดาบที่เดินขึ้นเรือนมาพร้อมกับลูกสาว "ท่านเศรษฐีแม่นายช้องนางฉันไหว้จ๊ะ แม่บัวลูกมากราบท่านเศรษฐีกับแม่นายเสียสิลูก" ครูดาบทักทายตามธรรมเนียมและบอกลูกสาวให้มาไหว้ผู้ใหญ่ด้วย "ฉันกราบท่านเศรษฐีกับแม่นายเจ้าค่ะ วันนี้ฉันทำขนมกลีบลำดวนมาให้เป็นของฝากเจ้าค่ะรับทานกับน้ำชาจีนรสชาติจะดีมากนะเจ้าคะ" แม่หญิงก้มไหว้อย่างอ่อนช้อยและหยิบห่อขนมกลีบลำดวนจากมือบ่าวมาส่งให้แม่นายช้องนาง "ไหว้พระเถิดหนาลูก ช่างประดิษฐ์ประดอยสวยจริงๆรูปสวยเหมือนคนทำเลยนะเจ้าคะคุณพี่ พ่อเดชว่าอย่างไรบ้างสวยหรือไม่ อ๋อ! แม่ก็ลืมแนะนำ ขุนเดชลูกชายของดิฉันเจ้าค่ะท่านครู กราบท่านครูเสียสิพ่อเดช" แม่นายช้องนางพูดส่วนขุนเดชก็ตอบแม่ในใจว่าสวยจริงๆแต่หมายถึงคนทำนะ "กระผมกราบท่านครูขอรับ" ขุนเดชไหว้ครูดาบ "บัวไหว้พี่เขาเสียสิลูกจะได้รู้จักกันไว้" ครูดาบรับไหว้ขุนเดชและสั่งลูกสาว "รู้จักกันแล้วขอรับเจอกันเมื่อวานที่วัดพุทไธศวรรย์ขอรับ แต่ไม่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการคือลูกเดินชนแม่หญิงเข้าขอรับคุณแม่แต่ไม่ทันได้พูดอะไรกันแม่หญิงน่าจะรีบกลับเรือนไปทำขนมกลีบลำดวนกระมังขอรับ" ขุนเดชเล่าให้ทุกคนฟัง "อ้าวอย่างนั้นหรอกหรือเจอกันแล้วก็ดีคนกันเองทั้งนั้น" เศรษฐีทองคำพูด "วันนี้อยู่รับทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนนะครูดาบ" แม่นายช้องนางเอ่ยปากชวนครูดาบและลูกสาว "ได้ขอรับแม่นาย" ครูดาบพูดตอบรับ "แม่หนูบัวจะไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้นะลูกฉันจะลงไปดูบ่าวมันทำสำรับกับข้าวเหมือนกัน ให้ผู้ชายเขาคุยกันไปเถิด" แม่นายพูดบอกแม่หญิงบัว "เจ้าค่ะแม่นาย" แม่หญิงบัวรับคำและลงจากเรือนไปเดินเล่นที่ท่าน้ำซึ่งได้ปลูกต้นลีลาวดีไว้ริมน้ำด้วย แม่หญิงเดินเล่นไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นดอกลีลาวดีสีขาวนวลจึงเขย่งเท้าขึ้นจะเด็ดดอกลีลาวดีที่ปลูกไว้ริมตลิ่งแม่ น้ำขุนเดชที่ลงจากเรือนเดินตามแม่หญิงมาได้ส่งเสียงทัก "แม่หญิงอยากได้ดอกลั่นทมรึเจ้า" ขุนเดชพูดขึ้นทำให้แม่หญิงบัวตกใจลื่นล้มตกลงไปในน้ำ "ว้าย! ตูม!....ช่วยด้วยเจ้าค่ะ" แม่หญิงส่งเสียงร้องและลื่นตกลงไปในน้ำ ขุนเดชจึงกระโดดลงไปช่วย ขุนเดชว่ายน้ำเข้าไปโอบกอดแม่หญิงไว้และด้วยความตกใจแม่หญิงจึงกอดคอขุนเดชไว้แน่น ระหว่างที่ลอยตัวประคองกอดกันอยู่ในน้ำขุนเดชมองแม่หญิงตาหวานซึ้ง ขุนเดชค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้หมายจะจูบปากบางของแม่หญิงตรงหน้าอย่างอดใจไว้ไม่อยู่แต่เสียงของบ่าวคนสนิทที่ส่งเสียงร้องอย่างตกใจทำให้ขุนเดชและแม่บัวผลักออกจากกัน "ช่วยด้วยเจ้าค่ะ แม่หญิงตกน้ำเจ้าค่ะ" นางแย้มส่งเสียงร้อง "ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย" บุษบาวรรณละเมอร้องออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม