หลินหลานปรายตามองด้วยหางตา เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก็รู้ว่ามีเหลือหรือไม่เหลือ
“ก่อนจะพูดเรื่องนี้ฉันขอจัดการคนที่ดูหมิ่นฉันก่อนนะคะ ท่านนายอำเภอ หญิงสาวคนนั้นดูหมิ่นและดูถูกเกียรติของลูกสาวท่านนายพล หวังว่าท่านจะจัดการได้นะคะ อ้อ! ฉันไม่เรียกเงินหรือค่าปรับใดๆ ทั้งสิ้น แต่...คุกอย่างเดียวค่ะ”
หลินหลินไม่มีความสงสารหรือเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อกล้าด่าเธอก็ไปนอนคุกก็แล้วกัน หญิงสาวคนนั้นยืนหน้าซีดไม่คิดว่าเพียงแค่เธอพูดเพราะไม่อยากให้พี่เฟยหลงแต่งงานกลายเป็นเธอต้องถูกจับขังคุกข้อหาดูหมิ่นลูกสาวท่านนายพล เธอล้มทั้งยืนแต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะสนใจเพราะทุกคนสนใจเรื่องบ้านหวางมากกว่า
“พ่อค่ะ พี่ใหญ่ นี่ก็ได้เวลาแล้วที่ต้องเดินทาง ไม่อย่างนั้นจะไปไม่ทันนะคะ” หลินหลินเอ่ยเตือนทั้งสองคนเพราะรู้ดีว่าทั้งสองมีภารกิจที่ต้องไปทำ และเธอไม่อยากให้ทั้งสองคนรับรู้เรื่องอะไรมาก พ่อและพี่ชายยิ่งฉลาดอยู่ด้วย
“ลูกไหวนะ พ่อกับเจ้าใหญ่ต้องไปทำธุระกันต่อ”
“นั่นสิเสี่ยวหลิน น้องต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าให้ใครรังแกได้ เฟยหลง ฝากดูแลเสี่ยวหลินด้วยนะ” จ้าวหมิงเย่วเป็นกังวลกลัวว่าหากเขาและพ่อไปแล้วจะมีคนรังแกน้องน้อยของเขา จึงได้เอ่ยให้เฟยหลงว่าที่น้องเขยดูแลน้องสาวของเขาให้ดี
“ครับ ท่านผู้พันและท่านนายพลไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลหลินหลินเองครับ” เฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เสี่ยวหลินพ่อกับเจ้าใหญ่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วอย่าลืมติดต่อไปที่บ้าน แม่เองก็เป็นห่วงเราเหมือนกัน อาเหมยลุงฝากด้วยนะ”
“ค่ะคุณลุง หนูจะติดต่อกลับไปบ่อยๆ คุณลุงและพี่ใหญ่รักษาตัวด้วยนะคะ”
จ้าวหยางเฟยพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนจึงขึ้นรถขับออกไป เพราะภารกิจของพวกเขาเร่งด่วนเหมือนกัน
หลังจากพ่อและพี่ใหญ่ไปแล้ว หลินหลินจึงหันกลับมาเล่นงานบ้านหวางต่อ เพราะเธอไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนอีกแล้ว
“พี่เหมย ไปขอใช้โทรศัพท์ในคอมมูน สั่งให้คนของเราตรวจสอบทรัพย์สินของบ้านหวางให้หมด ไม่ว่าใครที่อยู่บ้านหวาง ไม่ว่าจะลูกหรือหลาน ทั้งที่นี่และในอำเภอ ตรวจสอบให้หมด ฉันให้เวลาชั่วโมงเดียว หากเป็นไปได้ พาตัวคนพวกนั้นมาที่นี่ ใครไม่ยอมมา ทำให้มาให้ได้” หลินหลินสั่งเสียงเหี้ยม อาเหมยรับคำและรีบปั่นจักรยานไปจัดการ ชาวบ้านต่างพากันแปลกใจกับกิริยาของคุณหนูหลินหลินลูกสาวท่านนายพลที่เปลี่ยนไป
“ไม่นะ อย่าทำอย่างนั้น ฉันบอกแล้วว่าไม่มีไม่เหลือ ไม่มีอะไรให้คืน...”
“ต่อให้ไม่เหลือก็ต้องหามาคืนให้ได้!! ในเมื่อกล้าทำถึงขนาดนี้ก็ต้องกล้าที่รับผลกรรม ฉันไม่ชอบพูดมาก แต่ฉันชอบที่จะทำ ครั้งนี้ฉันไม่ได้ใช้อำนาจของลูกสาวท่านนายพล แต่ฉันจะใช้คนของฉันเอง”
หลินหลินใช้หางตามองคนที่ดิ้นรนพยายามเอาตัวรอดของแม่เฒ่าหวาง แม้ว่ากฎหมายคบชู้จะเอาผิดหวางเช่อและภรรยาใหม่ของเขาไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมแต่งเข้ามาทั้งสองฝ่ายและแม่สามีอย่างแม่เฒ่าหวางรู้เห็น สามสิบปีที่แล้วเธอไม่รู้ว่ากฎหมายมีชู้นั้นรุนแรงแค่ไหน แต่คนอย่างนายน้อยหยางมีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้ เธอมองเห็นหวางเช่อมองแม่หยางของเธอตาละห้อย มาคิดได้เอาตอนรู้ความจริง มันสายไปไหม
หลินหลินมองหน้านายอำเภอที่ยืนมองเธอไม่วางตา เธอจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอใช้เป็นนายน้อยหยาง “ฉันเองนายน้อยหยาง รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” นายอำเภอยืนตะลึง ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ ของนายน้อยหยาง แต่เสียงของผู้มีพระคุณและเจ้านายที่แท้จริงนั้นเขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด 'นายน้อยหยางคือคุณหนูหลินหลิน ลูกสาวท่านนายพลเหรอเนี่ย' นายอำเภอพยักหน้ารับเพื่อไม่ให้คนสงสัยว่าคุณหลินหลินคุยอะไรกับเขา
“ระหว่างรอคนของคุณหลินหลิน ผมรบกวนให้คนนำไปที่บ้านหวางเพื่อนำเงินมาคืนและชดใช้ค่าเสียหายแทนหวางลี่ก่อนนะครับ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา ส่วนคนอื่นให้รออยู่ที่นี่ก่อน การใส่ร้ายเรื่องคบชู้เพื่อเป็นข้ออ้างในการหย่ามันร้ายแรงมากนะครับ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวและแบกรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้กระทำนั้นมันดูโหดร้ายเกินไป และยังทำให้ชาวบ้านหลายครัวเรือนเข้าใจผิด เรื่องนี้ยอมความกันลำบากนะครับ แม่เฒ่าหวางรบกวนนำทางไปเอาเงินมาใช้คืนคุณกุ้ยหนิงด้วยครับ” นายอำเภอเอ่ยเตือนเรื่องที่จะต้องจ่ายเงินคืนกุ้ยหนิง เขาเชื่อว่าอำนาจของนายน้อยหยางใช้เวลาไม่นานหรอก ที่จะสืบเรื่องนี้ จะช้าก็ตรงที่คนบ้านหวางที่อยู่ในอำเภอจะยอมมาดีๆ หรือเปล่า
เฟยหลงเมื่อเห็นว่าหลินหลินต้องใช้เวลานาน เขาหันซ้ายหันขวาเดินไปหยิบเก้าอี้มาสองตัว ให้แม่หนึ่งตัว และยกมาให้หลินอีกหนึ่งตัว
“หลินหลินนั่งก่อนครับ คงใช้เวลาเดี๋ยวเมื่อย”
“ให้แม่พี่นั่งก่อนดีกว่าค่ะ หนูไม่เป็นไร” หลินหลินคิดว่าเขายังไม่ได้เอาไปให้แม่หยางจึงได้เอ่ยเตือน
“เรียบร้อยแล้วครับ พี่เอาให้แม่แล้วก็เอามาให้หนูนี่ละ” เฟยหลงยิ้มก่อนจะชี้ให้ดูว่าแม่ของเขานั่งแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะ” หลินหลินยิ้มแก้มแดง ถึงแม้จะรู้ว่าพี่หยางของเธอนั้นชาติก่อนเขาเป็นอ่อนโยนและเอาใจใส่คนที่เขารักขนาดไหน แต่เธอก็อดเขินไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับพี่เต็มใจ”
“หยุดหวานกันก่อนนะ เห็นใจคนไม่มีคู่บ้าง ไม่รู้หรือไงน้ำตาลมันแพง” อาเหมยที่ปั่นจักรยานกลับมาเมื่อเห็นทั้งสองคนสาดความหวานใส่กันอย่างไม่สนโลกก็อดแขวะไม่ได้
“ก็รีบหาสิพี่จะอยู่ขึ้นคานหรือยังไง ว่าแต่เรียบร้อยหรือยัง” หลินหลินเหวกลับก่อนจะถามเรื่องที่ให้ไปทำ เฟยหลงเห็นว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเตรียมจะเดินออกไปให้สองสาวคุยกันได้สะดวก หลินหลินจับมือไว้ เพราะเธอไม่มีความลับต่อเขา เธอรู้ว่าพี่หยางของเธอนั้นเป็นยังไง และอยากให้เขาเห็นอีกด้านที่เธอเป็น ส่วนเรื่องที่เธอเป็นนายน้อยหยางเธอนั้นยังไม่พร้อมจะบอกใครแม้ว่าส่วนหนึ่งเธอทำเพื่อเขาก็ตาม
“ไม่เป็นไรพี่ฟังด้วยกันเถอะ”
“คนของเราไปจัดการแล้ว คิดว่าใช้เวลาไม่นาน อยู่ที่ว่าคนพวกนั้นจะยอมมาดีๆ หรือเปล่า หากขัดขืนคงต้องใช้กำลัง รับรองว่าน่วม เธอก็รู้คนของเราเป็นยังไง ยิ่งคำสั่งมาจากเธอโดยตรง ไม่ต้องคิดว่าคนของเราจะออมแรง” อาเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอไปจัดการ ไม่นานนายอำเภอนำตัวแม่เฒ่าหวางเดินกลับมาพร้อมกับหีบเงิน
“นี่คือเงินทั้งหมดสองพันหกร้อยหยวนครับคุณหลินหลิน ส่วนที่เหลือนี่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเงินทั้งหมดของบ้านหวางมี ส่วนโสมคนและผ้าตามที่มีในรายการสินเดิมนั้นผมไม่เจอ คิดว่าน่าจะขายแปลงเป็นเงินไปหมดแล้ว ผมให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบราคาซื้อขายรายการของพวกนี้แล้วครับคิดว่าไม่นานน่าจะได้คำตอบ” นายอำเภอบอกด้วยน้ำเสียงปกติไม่แข็งกระด้างและไม่อ่อนน้อมจนเกินไป เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านและทุกคนสงสัย ว่าทำไมเขาถึงนอบน้อมต่อคุณหลินหลิน
“พี่เฟยหลงรับเงินไปให้ป้ากุ้ยหนิงเถอะคะ แต่ว่าเงินที่เอาของป้ากุ้ยไปหลายปีไม่คิดจะมีดอกเบี้ยหน่อยเหรอคะ จ่ายมาทั้งหมดสามพันหยวนค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอม” หลินหลินเอาทุกหยวนไม่มีให้เล็ดลอด
“มันจะเกินไปไหม ดอกบงดอกเบี้ยบ้าอะไร โกงกันชัดๆ พี่เฟยหลง พี่จะให้คนนอกมาทำกับครอบครัวแบบนี้ไม่ได้นะ หากเอาไปจนหมดแบบนี้ พวกเราจะอยู่กันยังไง” หวางลี่ลุกขึ้นโวยวายแค่ย่าเธอต้องจ่ายคืนสองพันหกร้อยหยวนเธอก็ไม่อยากยินยอม นี่ยังต้องการดอกเบี้ยอีกเหรอ
หลินหลินลุกขึ้นเดินเข้าไปใช้มือข้างหนึ่งบีบคางของหลางลี่อย่างแรง “ใครใช้ให้เธอสอด ต่อให้คนบ้านหวางตายตรงหน้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่หยางและป้ากุ้ยหนิง จำไว้!! เธอกลับไปยืนรวมกลุ่มกับบ้านหวางเถอะ เพราะมันไม่ได้จบที่ยอดเงินแค่นี้ วันนี้ต้องมีคนรับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมด”