บทนำ

1687 คำ
รถเอสยูวีสีดำ ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้เป็นเจ้าของ กำลังไต่ระดับขึ้นเขาสูงอย่างไม่เร่งรีบ นั่นเป็นเพราะเส้นทางนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการทำความเร็วเท่าใดนัก บางช่วงชันมากและโค้งหักศอก บางช่วงก็ค่อนข้างแคบ โดยมีสถานีอนามัยประจำตำบลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเขาสูงประมาณหนึ่งพันสามร้อยกว่าเมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ บัวบูชาเหลือบตามองข้างทางเป็นระยะ เปิดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อรับลมเย็นๆ จากด้านนอก ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สองฝั่งช่วยให้การเดินทางไกลไม่เหนื่อยมากนัก แม้ว่าเวลาใกล้จะเที่ยงแล้วแต่ก็ยังเห็นสายหมอกคลอเคลียกับต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ลมเย็นๆ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวพัดเข้ามาในรถจนคนข้างในเริ่มรู้สึกหนาว พวงแก้มใสกลายเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความเย็น หญิงสาวจึงปิดกระจกไว้ตามเดิม สามสิบนาทีต่อมา... ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยแพรขนตายาวสีดำสนิท ของเจ้าของรูปร่างสมส่วน ไม่ผอมบางไม่ได้อวบอ้วนแต่ดูมีน้ำมีนวลในชุดเสื้อครอปสีน้ำตาล กับกางเกงขากระบอกเอวสูงสีดำ อวดทรวดทรงองค์เอวให้น่ามองยิ่งขึ้นไปอีก กำลังจดจ้องสถานที่ทำงานแห่งใหม่อย่างช่างใจ "สถานีอนามัยบ้านแม่จัน" หญิงสาวกวาดตาอ่านป้ายสถานีอนามัย พลันนึกถึงสาเหตุที่ทำให้สาวชาวกรุงอย่างเธอ ต้องเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ สามเดือนก่อน... "น้าโฉมว่าอะไรนะคะ" "ฉันบอกว่าฉันต้องการเงินห้าแสน" "ใช่ แม่บอกว่าต้องการเงินห้าแสน หูแตกหรือไง!" แม่เลี้ยงและพี่ชายที่เป็นลูกติด ตวาดเสียงดังลั่นบ้านใส่บัวบูชา ที่กำลังนั่งเก็บของในห้องของบิดาที่เพิ่งเสียไป และเพิ่งจะผ่านงานศพมาได้เพียงสองวัน "แล้วหนูจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนคะ" "ก็หล่อนเป็นหมอ เงินเดือนหมอไม่ใช่น้อยๆ และอีกอย่างฉันรู้ว่าหล่อนทำประกันไว้ให้คุณบารมีตั้งหลายฉบับ รวมถึงที่เขาทำไว้เองก็มีตั้งหลายอย่าง รวมๆ แล้วคงไม่ต่ำกว่าห้าล้าน คิดจะฮุบสมบัติไว้คนเดียวล่ะสิท่า อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ" "แล้วถ้าหนูทำแบบนั้นจริงๆ จะทำไมเหรอคะ เงินนั่นเป็นเงินที่หนูเก็บออมจากการทำงาน ทำไมหนูต้องให้น้าด้วย แล้วส่วนของคุณพ่อมันก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของหนูไม่ใช่ของน้า ว่าแต่ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น จะเอาไปทำอะไรเหรอคะ" "นี่! นังบัวบูชา ฉันเป็นเมียพ่อของหล่อน ก็ถือว่าฉันเป็นแม่ของหล่อนเหมือนกัน เงินนั่นก็ต้องแบ่งปันแบ่งสันปันส่วนให้เท่าๆ กันสิ ของพี่ชายแกก็เหมือนกัน" โฉมฉายเป็นภรรยาใหม่ของบารมีบิดาของบัวบูชา เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เมื่อเจ็ดปีก่อน พร้อมด้วยลูกชายอีกหนึ่งคนชื่อว่า ชลน่าน ต่อหน้าสามีก็ทำดีต่อหญิงสาว แต่พอลับหลังก็ไม่ต่างจากนิทานเรื่องซินเดอเรลล่า บัวบูชาไม่อยากพูดให้บิดาลำบากใจจึงเลือกที่จะเงียบ ไม่ต่อต้านแต่ก็ไม่เคยยอมรับนับถือว่าเป็นแม่ หรือแม้กระทั่งแม่เลี้ยง 'น้าโฉม' คือคำที่เธอเรียกใช้มาตลอดเจ็ดปี "พูดเรื่องเงินเห็นเป็นแม่เป็นพี่ขึ้นมาเลยนะคะ ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกคุณปฏิบัติกับหนูยังไงก็รู้ดีอยู่แก่ใจ" "แต่ที่ผ่านมาช่วงที่พ่อหล่อนป่วยก็ได้ฉันเป็นคนคอยดูแลไม่ใช่หรือไง เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวก็เป็นฉัน ซักผ้าขี้ผ้าเยี่ยวก็เป็นฉัน เพราะฉะนั้น ฉันก็มีส่วนจะได้เงินนั้นเหมือนกัน และฉันก็ต้องได้เงินห้าแสนภายในสามวันนี้ด้วย" "แล้วทำไมต้องภายในสามวันนี้ด้วยละคะ" "ก็เพราะว่าเขาจะมายึดบ้านไปแล้วน่ะสิ ถ้าภายในสามวันไม่หาเงินไปไถ่คืน" ชลน่านโพล่งขึ้นมา "อะไรนะคะ! ยึดบ้านเหรอ ใครคะ แล้วทำไมเขาถึงจะมายึดบ้านของพ่อ" โฉมฉายถอนหายใจยาวกับปัญหาที่ตัวเองกับลูกชายก่อขึ้นมา ทั้งตัวเธอและลูกชายติดการพนันจนเป็นหนี้เป็นสินหลายทาง ก่อนจะตอบไม่เต็มเสียงนัก "ก็ฉันเอาบ้านนี้ไปจำนองน่ะสิ" "จำนอง! น้าโฉมเอาบ้านของคุณพ่อไปจำนองเหรอคะ แล้วคุณพ่อทราบมาก่อนหรือเปล่า" "พ่อไม่รู้หรอก ถามอยู่ได้ น่ารำคาญ" ชลน่านตอบอย่างรำคาญที่ถูกซักไซ้ถามโน่นถามนี่ "คุณพ่อไม่ทราบ แล้วน้าโฉมได้โฉนดไปได้ยังไงคะ หรือว่า..." "ฉันจะเอาไปได้ยังไงหล่อนก็ไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าเงินที่ได้จากการจำนองก็เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาและดูแลคุณบารมีนั่นแหละ" "ค่ารักษา? น้าโฉมเอาอะไรมาพูดคะ ค่ารักษาของพ่อไม่ต้องจ่ายสักบาทตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนตอนที่ย้ายกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ก็เป็นเวลาแค่สามเดือน และตลอดสามเดือนหนูก็ให้ตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องเอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่ว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น" บัวบูชาถามพร้อมตั้งข้อสังเกต "ฉันจะเอาไปทำอะไร วันๆ ก็อยู่แต่บ้านคอยดูแลพ่อของหล่อน" โฉมฉายตอบโดยไม่ยอมสบตา ก่อนจะตัดบทเพราะกลัวว่าหากถูกซักไซ้ไปมากกว่านี้จะเผลอหลุดความลับออกมา "เลิกถามนั่นถามนี่สักที เอาเงินมาห้าแสนบาทก็สิ้นเรื่อง" "งั้นน้าโฉมก็บอกมาสิคะ ว่าเอาบ้านไปจำนองไว้ที่ไหน" "ถ้าฉันบอกแล้วหล่อนจะให้เงินฉันใช่ไหม ถ้าแกรับปากฉันก็จะบอก" "ถ้าน้าโฉมบอก อีกสองวันหนูจะจัดการให้ค่ะ" หญิงสาวบอกเสียงหนักแน่น "ก็ได้ ฉันเอาไปจำนองไว้ที่บ่อนเสี่ยชูชัย อีกสามวันถ้าฉันไม่มีเงินไปไถ่คืนเขาจะมายึดบ้าน ลำพังตัวหล่อนคงไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้วนี่ เพราะมีคอนโดฯ อยู่ แต่ฉันกับพี่ชายแกนี่สิ จะไม่มีที่ซุกหัวนอน" "พ่อไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งเล่นละครหรอกค่ะ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่ชายของหนู เลิกยัดเยียดเสียที" "นังบัว!" "ทำไมคะ คุณเองก็เหมือนกัน ไม่มีพ่อแล้วก็ควรจะหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วนะคะ ที่นี่เป็นบ้านที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของคุณพ่อกับคุณแม่ของหนู ถึงคุณจะเป็นเมียใหม่แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีผลทางกฎหมายและที่สำคัญเจ็ดปีที่ผ่านมา คุณก็ได้จากคุณพ่อไปเยอะพอแล้ว ไหนจะของมีค่าในบ้านซึ่งเป็นสมบัติของคุณแม่ คุณก็เอามันไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋า หนูรู้ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ แค่ไม่อยากพูดให้คุณพ่อลำบากใจหรือไม่สบายใจ แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจกันแล้ว" "นังบัว! แกนี่มัน...ฉันจะไปป่าวประกาศให้ทั่วโรงพยาบาลเลย เพื่อนร่วมงานและคนไข้ของแกจะได้รู้ว่าแกมันเป็นคนอกตัญญู ไล่แม่ออกจากบ้าน" "ก็เอาสิคะ แล้วมาดูกันว่าคนเขาจะเชื่อใครมากกว่ากัน พอกันทีกับคนแบบนี้" ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด เช่นเดียวกับบัวบูชาที่อดกลั้นอดทนมาตลอดเจ็ดปี ในที่สุดก็ขาดสะบั้นลง คุณหมอสาวสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อโทรศัพท์มือถือที่ถือไว้ในมือสั่นครืดขึ้นมา เจ้าหล่อนก้มลงมองเห็นว่าเป็นชื่อของใครที่โทร.เข้ามา ก็รีบรับสายทันที "สวัสดีค่ะพี่ภา" "สวัสดีค่ะคุณหมอบัว เดินทางไกลเป็นไงบ้าง ถึงหรือยังคะ" "เพิ่งถึงค่ะ กำลังยืนมองที่ทำงานใหม่อยู่นี่แหละค่ะ" "แล้วเป็นยังไงบ้างคะ บรรยากาศคงจะดีน่าดู ว่าแต่อยู่ที่นั่นจะมีพ่อเลี้ยงเหมือนในละครหรือเปล่านะ ถ้ามีก็คงจะดี แต่เอ๊ะ! จะว่าไปแล้วทำเป็นนิยายได้เลยนะคะ คุณหมอหน้าใสป่วนหัวใจพ่อเลี้ยง น่าจะขายดี ยังไงคุณหมอก็ช่วยอัปเดตด้วยนะคะ" "พอเลยค่ะๆ พ่อล้งพ่อเลี้ยงอะไรกันคะ วันๆ เจอแต่คนไข้สิไม่ว่า ที่นี่มีเจ้าหน้าที่อยู่แค่ไม่กี่คนเอง พี่ภาคะ บัวต้องวางสายแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะคะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องที่บัวขอไว้นะคะ" ขณะที่กำลังคุยกับพยาบาลแผนกฉุกเฉินที่โทร.มาจากโรงพยาบาลที่ทำงานเดิม ก็มีสายเรียกซ้อนเข้ามา เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจรับสายในที่สุด "สวัสดีค่ะ" "ไม่ต้องมาสวัสดี ตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน" เสียงตวาดแหวของโฉมฉายดังมาตามสาย จนบัวบูชาต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู "โทร.มามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ หนูกำลังทำงานอยู่" "ฉันต้องการเงินห้าหมื่นตอนนี้ แกจะโอนมาหรือให้ฉันเข้าไปเอาที่โรงพยาบาล" โฉมฉายและชลน่านยังไม่รู้ว่าบัวบูชาย้ายที่ทำงานแล้ว และไม่รู้ว่าก่อนจะมา เธอได้โอนเงินเข้าบัญชีให้คนละหนึ่งแสนบาท "หนูโอนเงินเข้าบัญชีให้แล้วหนึ่งแสน พยายามใช้อย่างประหยัดนะคะ เพราะไม่มีให้อีกแล้ว หนูกำลังตรวจคนไข้อยู่ แค่นี้ก่อนนะคะ" พูดจบบัวบูชาก็ตัดสายทิ้งและปิดเครื่องทันที ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถหนีจากสองแม่ลูกมาได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม