ตอนที่ 8

1313 คำ
"ไปไหนมาวะ แล้วทำไมหน้าบูดเป็นตูดลิงแบบนั้น" ร่างสูงในชุดลำลองของร้อยตำรวจเอกรามิล หรือผู้กองรามิล รีบขยับเข้าไปถามเพื่อน หลังจากที่มารอได้ครู่ใหญ่แล้ว "พอดีมีเรื่องในหมู่บ้านนิดหน่อยน่ะ" ปฐวีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่สวนหย่อมหน้าบ้าน "เรื่องอะไรวะ แล้วเกี่ยวกับคนงานกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าบ้านไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า" รามิลถามต่อ "เออ เรื่องผัวๆ เมียๆ นั่นแหละ อย่าไปสนใจเลย ว่าเรื่องข่าวของแกมาเถอะ" "เรื่องข่าวเหรอวะ ฉันบอกได้แต่แกอย่าคาดหวังอะไรมากนะเว้ย" ผู้กองหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มเจือแววกังวลเล็กน้อย "บอกมาเถอะ แม้แกจะบอกว่าอย่าคาดหวัง แต่ฉันก็อดไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่เข้าใจเลยว่ะ ทำไมคนแบบนั้นมันถึงได้ลอยนวลอยู่ในสังคมได้นานขนาดนี้วะ แล้วทำไมคนดีๆ อย่างพี่ปรีดิ์ต้องมาจบชีวิต เพราะผู้ชายเลวๆ อย่างมันด้วย" ปรีดิ์ ปัทมาตย์ เป็นพี่สาวของปฐวี และเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กหญิงทับทิม ทว่าหลังจากให้กำเนิดบุตรสาวได้ไม่กี่เดือน ก็จบชีวิตตัวเองเพราะแบกรับความเจ็บปวดไม่ไหว 'ปัถย์ ถ้าวันหนึ่งพี่ไม่อยู่ ปัถย์ต้องดูแลยัยหนูให้ดีๆ นะ' 'ทำไมพูดแบบนี้ละครับ พี่ปรีดิ์จะไปไหน' 'พี่เหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน โลกนี้ช่างโหดร้ายนัก พาแต่คนใจร้ายเข้ามาในชีวิต พี่ไม่อยากเจ็บปวด ไม่อยากร้องไห้เพราะคนใจร้ายอีกต่อไปแล้ว' 'อย่าพูดแบบนี้สิครับ พี่ยังมีผม ยังมียัยหนู ยังมีทุกคนที่รักพี่อยู่ตรงนี้ ที่นี่คือบ้าน คือที่ที่อบอุ่นและปลอดภัย ผมจะปกป้องไม่ให้ใครทำร้ายพี่ได้นะครับ' 'ขอบใจนะปัถย์ พี่อ่อนแอเหลือเกิน ปัถย์ต้องสัญญากับพี่ว่าจะต้องแข็งแกร่ง เป็นที่พึ่ง เป็นที่พักพิงให้กับทับทิม อย่าทอดทิ้งแก และอย่าให้แกอ่อนแอเหมือนพี่เด็ดขาด สัญญากับพี่สิปัถย์' 'ครับ ผมสัญญา ผมจะรักและดูแลยัยหนูให้ดีที่สุด พี่ปรีดิ์เองก็ต้องอยู่ดูแลแกช่วยผมด้วยนะครับ เด็กผู้หญิงผมไม่ถนัดเท่าไหร่' คำพูดของปฐวีทำให้พี่สาวยิ้มออกมาได้ แต่ใครจะไปรู้ว่านั่นคือรอยยิ้มครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ ไอ้คนใจร้ายคนนั้นมันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตเหมือนกัน มันพรากพี่สาวที่แสนดีไปจากกู และพรากแม่ไปจากหลานสาวของกู... ปฐวีให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อตนเอง และนับแต่นั้นมาเขาก็เลี้ยงดูหลานสาวอย่างดีที่สุด รักและถนอมดุจลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง "เอาน่า พี่ปรีดิ์คงไม่สบายใจที่เห็นแกเก็บความเคืองแค้นไว้แบบนี้ ฉันเชื่อว่าสักวันผู้ชายคนนั้นจะต้องได้รับกรรมที่เขาทำไว้กับลูกกับเมีย ส่วนข่าวที่ฉันได้มาล่าสุดจากเพื่อนตำรวจในกรุงเทพฯ ที่ตามสืบช่วยอยู่ บอกว่าเคยได้ยินว่าพี่ปรีดิ์คบกับผู้ชายคนหนึ่งเป็นหนุ่มรุ่นน้อง รายละเอียดอย่างอื่นไม่รู้ แต่มีคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดเพราะเป็นเพื่อนสนิทของพี่ปรีดิ์ ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ปัญหาก็คือติดต่อเธอไม่ได้สักพักแล้วเหมือนกัน แต่เขาก็จะพยายามหาทางติดต่อให้ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายไร้ความรับผิดชอบคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง" "อืม ขอบใจมาก ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ต่อให้ต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ฉันก็จะต้องหาตัวไอ้ชาติชั่วนั่นมารับกรรมต่อหน้าหลุมศพพี่สาวฉันให้ได้!" "เออ บางทีคนพวกนี้กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องให้กฎแห่งกรรมช่วย ว่าแต่ฉันเห็นรถใครจอดอยู่ทางนั้นวะ ไม่คุ้นตาเลย" รามิลถามพลางพยักพเยิดไปทางโรงจอดรถ "เฮ้อ! ก็รถพี่เลี้ยงคนใหม่ของทับทิมนั่นแหละ เมื่อช่วงหัวค่ำก็ทะเลาะกันเรื่องนี้ ป่านนี้ยังโกรธอยู่บนห้อง ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง" พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยตอบ "ทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ" "ก็เรื่องพี่เลี้ยงนี่แหละ แกยืนยันคำเดียวว่าไม่อยากได้ ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องยกเลิกการจ้างพี่เลี้ยง แต่เห็นว่ามืดค่ำแล้วกลัวจะอันตราย ก็เลยให้พักที่นี่คืนหนึ่ง" "อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง แล้วแกจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ ฉันหมายถึงทับทิมน่ะ เด็กน่ะถึงแม้จะมีพร้อมทุกอย่าง แต่ยังไงๆ ก็ต้องการแม่อยู่วันยังค่ำ" "ฉันรู้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ แล้วนี่แกจะกลับหรือเปล่า ฉันจะขึ้นไปดูทับทิมสักหน่อย" ปฐวีตัดบทเสียดื้อๆ เพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาตงิดๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา "คืนนี้ขอนอนที่นี่ละกัน ขี้เกียจขับรถว่ะ" "เออ งั้นก็ตามสบาย ฉันขอเข้าข้างในก่อน" "เออๆ ฉันขอนั่งชมจันทร์อีกสักหน่อย แล้วจะตามเข้าไป" หลังจากผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินเข้าบ้านไปแล้ว ผู้กองรามิลก็นั่งชมพระจันทร์ดวงโตในคืนข้างขึ้นต่อ ส่วนปฐวีที่เดินมาถึงหน้าห้องลูกสาว ก็ชะงักเมื่อเห็นป้าสายกำลังออกมาจากห้องของหนูน้อยพอดี พร้อมกับส่งสัญญาณให้เขาเงียบ "คุณหนูหลับไปแล้วค่ะ" "ครับ แล้วแกเป็นยังไงบ้าง ยอมทานข้าวหรือเปล่า" เขาถามพลางมองประตูห้องบุตรสาว ราวกับจะจ้องให้ทะลุเข้าไปถึงด้านใน "ทานค่ะ ป้ายกขึ้นมาให้บนห้อง ทานข้าวเสร็จก็อาบน้ำแล้วก็เข้านอนเลย หลับแล้วป้าก็ออกมานี่ล่ะค่ะ" "ลำบากป้าสายแล้วนะครับ" ชายหนุ่มละสายตาจากประตู หันกลับมาหาแม่บ้านเก่าแก่ของบ้าน ที่นับถือและเคารพประหนึ่งญาติผู้ใหญ่ "ลำบากอะไรกันคะ พ่อเลี้ยงอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ ป้าน่ะเห็นคุณหนูมาตั้งแต่เกิดตีนเท่าฝาหอย ก็ย่อมรักและอยากดูแลเหมือนลูกหลานแท้ๆ ของตัวเองนั่นแหละค่ะ ว่าแต่ป้าก็แก่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ดูแลเธอได้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่พ่อเลี้ยงจะหาคนมาดูแลช่วยละคะ" ป้าสายถามทีเล่นทีจริง เพราะอายุอานามของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ควรแก่การมีครอบครัวได้แล้ว แต่ก็ติดอยู่ตรงเด็กหญิงที่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้บิดาเลย "ทำไมวันนี้ทุกคนถึงพร้อมใจกันถามแบบนี้ เมื่อกี้ไอ้มิลก็ถามว่าเมื่อไหร่จะหาแม่ให้ยัยหนู ตอนนี้ป้าสายก็อีกคน แต่ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าทับทิมเป็นยังไง" คนถูกถามตอบคำถามแล้วก็ถอนหายใจ "ป้าเข้าใจค่ะ แต่ป้าเชื่อว่าสักวันพ่อเลี้ยงจะต้องเจอคนคนนั้นแน่นอน อดทนรออีกหน่อยเถอะค่ะ ป้าเชื่อว่าไม่นานนักหรอก" "นี่ป้าสายไปเรียนดูดวงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เขาถามติดตลก "ป้าไม่ได้ไปเรียนมาจากไหนหรอกค่ะ แค่พูดไปตามความรู้สึก ว่าพ่อเลี้ยงจะได้เจอคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตในเร็ววันนี้ ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว ป้าขอตัวก่อนนะคะ" "ครับ รีบพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" "พ่อเลี้ยงก็เช่นกันนะคะ พรุ่งนี้ยังมีงานรออยู่" แม่บ้านอาวุโสว่าพลางพยักพเยิดไปทางห้องของเด็กหญิง ก่อนจะลงบันไดไปพักผ่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม