คิดแล้วเครียดเลย
อย่าให้เขารู้ ปิดมาได้ตั้งห้าปี อีกอย่างเขาก็คงลืมไปแล้ว
กินข้าวต้มดีกว่า...อือ อร่อยจัง...เพราะหิวหรือเพราะคนทำกันแน่ ใจบางได้อีกทานตะวัน...หยุดเดี๋ยวนี้หยุดยิ้ม...ก็แค่ข้าวต้มไหม
ข้าวต้มแล้วไงเธอทำเป็นเหรอ...ใช่เธอทำไม่เป็นไง
จะเถียงกันทำไม...ในหัวตัวเองเนี่ย
หมอปั้น Talks
ชีวิตรักของผมกับเมญ่า ตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันคงไม่ผิด เพราะผมรัก ผมติดเมียขั้นหนักเลยก็ว่าได้ งานที่โรงพยาบาลก็ยุ่ง ๆ วันนี้ผมนั่งเคลียร์เอกสารต่าง ๆ ในฐานะรองประธานบริษัท เวลาล่วงเลยจนจะเที่ยง
“ปั้น” เสียงของของขวัญที่เปิดประตูเข้ามา ผมกับของขวัญแทบจะไม่ได้คุยกันหลังจากที่ผมแต่งงาน ขวัญพยายามโทรหาผมอยู่หลายครั้งแต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์จากเธอ เพราะผมไม่อยากให้เมญ่าเข้าใจผิด
“ขวัญว่าไง”
“ขวัญมาชวนปั้นไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะค่ะ”
“เอ่อ คือผมยังเคลียร์เอกสารไม่เสร็จเลย”
“ปั้น อย่าทำตัวห่างเหินแบบนี้กับขวัญสิคะ ขวัญไม่มีเพื่อนเลย พีก็ไม่อยู่ ก็มีแต่ปั้นนี่แหละที่เป็นเพื่อนขวัญ”
“เอ่อ” ผมเห็นสายตาเธอแล้วก็อดปฏิเสธเธอไม่ได้
“นะปั้นนะ ขอแค่ความเป็นเพื่อน ปั้นก็ให้ขวัญไม่ได้เหรอ”
“ก็ได้ เดี๋ยวเคลียร์งานสักพักนะ” ผมใช้เวลาเคลียร์งานไม่นาน ก็ลงไปกินข้าวกับของขวัญที่ร้านประจำใต้ตึก
ผมกับของขวัญกำลังสั่งอาหาร อัศวินที่ช่วยชีวิตผมก็มาถึงพอดี
“ทางนี้ไอ้ก้อง”
“ปั้นชวนหมอก้องมาทำไม”
“ไม่เอาน่าขวัญ เพื่อนกันทั้งนั้น” ไอ้ก้องมาถึงก็ปากหมาเลยมึง
“สั่งอาหารเลยมึง จะกินอะไรกูเลี้ยงเอง” ผมรีบตัดบท
“เดี๋ยวกูไปสั่งกาแฟร้านตรงข้ามก่อน เลือกอาหารกันเลยนะ ไม่ต้องรอ” ผมหาโอกาสชิ่งออกมา อยากให้สองคนนี้มีโอกาสได้คุยกันเป็นการส่วนตัว เผื่อจะมีเรื่องปรับความเข้าใจกัน ซึ่งเรื่องก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ถึงไม่กลับมาเป็นคนรักกันได้ อย่างน้อยก็ควรเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม
นายแพทย์ก้องภพ หรือ หมอก้อง Talks
หลังจากไอ้ปั้นเดินออกไปคนตรงหน้าผมก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ทันที เธอกำลังจะวิ่งตามไอ้ปั้นออกไป ดีที่ผมคว้าแขนไว้ก่อน
“พอเถอะของขวัญ”
“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนผมสุดแรงแล้วนั่งลงอย่างไม่พอใจ
“ไอ้ปั้นมันมีเมียแล้ว เลิกยุ่งกับมันเถอะ”
“มีแล้วไง ฉันคิดกับปั้นแค่เพื่อน”
“แน่ใจ” ผมเลิกคิ้วถาม
“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย”
“ความเป็นเพื่อนของเธอกำลังทำให้ปั้นลำบากใจ” ของขวัญกำมือแน่นด้วยความโกรธกับคำพูดของผม
“ฉันบอกว่า นายไม่ต้องมายุ่งไง คนอย่างนายไม่เคยรักใครไม่รู้หรอก”
“ของขวัญ เรื่องมันผ่านมาห้าปีแล้วนะ ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำไม่ดีกับเธอ”
“ขอโทษแล้วได้อะไร ความรู้สึกมันเสียไปแล้วไม่มีทางเหมือนเดิมหรอกนะ”
“การให้อภัยไม่ใช่เพื่อตัวฉัน แต่เพื่อตัวเธอเอง ฉันอยากให้เธอปล่อยวาง แล้วเริ่มต้นความรักครั้งใหม่เสียที” ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นของขวัญไม่ยอมมีรักครั้งใหม่ นอกจากยึดติดกับอดีตที่ผมทำเลวกับเธอ และยึดติดกับไอ้ปั้น จนเธอไม่เคยคิดจะเปิดใจกับใคร มันเป็นเพราะผม เพราะความเลวของผม
“มันเรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง หลีกไป! ฉันจะไปออกตรวจแล้ว”
หลังจากของขวัญเดินจากไป ไม่นานผมก็ขับรถมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดหน้าคอนโดที่ผมเพิ่งออกมาเมื่อเช้า ผมยกมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาคนที่ผมอยากเจอ
“ตะวันอยู่ไหน”
“อยู่คอนโดค่ะ...ถามทำไม” ทำไมผมถึงอยากเจอหน้าเธอ...
“ผมอยู่ข้างล่างคอนโดคุณ”
“คะ!”
“คุณกินข้าวต้มหมดหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“ผมขอขึ้นไปกินหน่อยได้ไหม”
“เอ่อ...เอ่อ...” ไอ้ก้องมึงบ้าหรือเปล่าขอขึ้นคอนโดผู้หญิง...เพื่อไปกินข้าวต้มเนี่ยนะ
“ขอโทษครับไม่เป็นไร งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ ขึ้นมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปรับ”
เธอคงสงสารผมนั่นแหละ ตอนนี้ผมอยากนอน ผมเป็นโรคนอนไม่หลับมานานแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อห้าปีก่อน แต่เมื่อคืนตอนที่นอนห้องทานตะวันผมหลับสนิทและหลับสบายมาก
จนผมเกือบตื่นไม่ทันที่เธอจะตื่น ถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นผมนอนอยู่ข้าง ๆ สงสัยต้องโดนเธอตีหัวแตกแน่ ก็เล่นนอนกอดเธอทั้งคืน...คนอะไรตัวนิ่ม...หอมด้วย
ทำไมมันหลับสนิทจังวะ ผมถามตัวเอง คงเพราะผมเหนื่อยกับการจัดการคนเมาแน่เลย ใช่ ต้องเป็นเพราะเรื่องนั้นแน่
หรือเพราะได้กอดใครบางคนนอน...ใช่เหรอวะ
ผมรอไม่นานทานตะวันก็ลงมา ชุดวอร์มแขนยาวขายาวอะไรจะขนาดนั้น ทั้งที่เมื่อคืนผมเป็นคนเปลี่ยนชุดให้เธอเอง...เห็นมาบ้างแล้ว...จับมานิดหน่อย ไอ้ก้อง มึงหยุดหื่นสักทีได้ไหม...ผมอดด่าตัวเองในใจไม่ได้
“มานานแล้วเหรอคะ”
“สักพักครับ”
แค่ยืนตรงนี้ผมยังได้กลิ่นหอมจากตัวเธอเลย ผมรู้สึกชอบกลิ่นนี้จัง กลิ่นที่สะอาดสดชื่น ผ่อนคลาย...เหมือนเธอคนนั้น แต่คงเป็นเรื่องบังเอิญมั้ง