มณีจันทร์ผลัดถิ่น (1) Drak Erotic

2863 คำ
คณะส่องสัตว์ป่าของคนเมืองต่างลงความเห็น ให้หยุดพักขบวนตรงจุดลานกว้างแห่งนี้ โดยรอบคือต้นสน แต่ละต้นต่างมีขนาดสูงตระหง่าน จนต้องแหงนหน้ามอง ส่วนยอดก็สุดลูกหูลูกตา พวกมันต่างแข่งกันแผ่กิ่งก้านโอบขนาบเข้าหากันเป็นวงล้อม ใบของมันแม้ไม่ใหญ่โตแต่ก็ช่วยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ได้ดี อีกทั้งลานกว้างนี้ ยังง่ายต่อการระแวดระวังภัยจากสัตว์ร้ายทั้งปวง... มองเลยขึ้นเหนือยอดสุดคือท้องฟ้าสีคราม หัวหน้าคณะกิจกรรมส่องสัตว์กระโดดขึ้นไปยืนบนขอนไม้ มันสูงจากพื้นครึ่งเมตร พร้อมใช้โทรโข่งชนิดใส่ถ่าน ร่ายยาวถึงกิจกรรมสำหรับค่ำคืนนี้ให้ผู้ร่วมขบวนรับทราบ ... “คืนนี้เราจะเริ่มจากการส่องดวงดาวกันนะครับ...ตรงบริเวณนี้ถือได้ว่า เหมาะอย่างยิ่ง...” รวมถึงกิจกรรมจิปาถะอีกเล็กน้อย ก่อนสรุปทุกอย่างอีกสองสามประโยค และปิดท้ายด้วยการให้ลูกคณะทั้งหลายแยกย้ายกันไปกางเต็นท์ของตนเองได้... มาโนช ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว รูปหน้าเรียวยาวไม่ถึงกับหล่อเหลา แต่ก็เป็นชายหนุ่มค่อนข้างน่ามอง ผิวสีเข้มจัดเพราะเขาทำงานเป็นลูกหาบมานานหลายปี คุ้นชินกับเขตป่าแทบนี้พอควร... ชายหนุ่มจัดการวางข้าวของบนบ่าลงกับพื้นดิน ก่อนรีบยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากทิ้ง กันไม่ให้มันไหลเข้าดวงตา เขาจับคอเสื้อกระพือให้คลายร้อน โดยที่หางตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องมองร่างสตรีผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในคณะส่องสัตว์รอบนี้ก็ว่าได้... เจ้าหล่อนมีชื่อว่ามณีจันทร์... เขารู้สึกถูกใจมณีจันทร์ตั้งแต่แรกเห็น วาดหวังจะสานสัมพันธ์กับเจ้าหล่อนให้ได้ กำลังมองหาช่องทางเหมาะสมนั่นอยู่ ถ้าเกิดมีขึ้นมาเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเขาจะไม่ชักช้าพิรี้พิไร แต่จะรีบเข้าไปแนะนำตัวกับเจ้าหล่อนได้รู้จักมักคุ้นกันเอาไว้... แต่ไม่คิดว่าเวลานั้นมาถึงเร็วขนาดนี้ มาโนชแลเห็นหญิงสาวต้องใจ กำลังยืนหันรีหันขวางอยู่ลำพัง เขายิ้มเต็มวงหน้า เตรียมจะสาวเท้าเข้าไปแนะนำตัว หากแต่ก็น่าเสียดายนัก ดันมีก้างชิ้นโตเข้ามาขวางคอเขาจนได้... “ห่าเอ่ย!เสือกไม่รู้จักเวล่ำเวลา...” มาโนชสบถคำหยาบพร้อมชักสีหน้าเสียดาย เขาทำเสียงจิจ๊ะก่อนถอยหลังกลับไปยังกองอุปกรณ์ที่ตนรับผิดชอบต้องแบก จับมันขึ้นมาถือไว้ ก่อนโยนมันส่งๆ โดยไม่ใคร่ใส่ใจระมัดระวัง... จนได้ยินเสียงทักดังมาจากฝั่งตรงข้าม... “วางของระวังหน่อยสิพี่โนช...เกิดชำรุดเสียหายขึ้นมา เราจะซวยกันทั้งหมดนี่อีกนะ ฉันไม่อยากถูกหักเงิน...” “เออๆ...ขอโทษที อากาศมันร้อน พี่เลยหงุดหงิดไปหน่อย” มาโนชยกมือขึ้นโบกในอากาศ พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมงาน... เหตุเพราะคดีความเมื่อคราวก่อน เขายังผ่อนจ่ายให้หัวหน้าทีมได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ขืนสร้างคดีใหม่อีกครั้ง มีหวังหนนี้คงถูกหักเงินเดือนจนหมดตูด คุ้มดีคุ้มร้าย จะถูกไล่ออกขึ้นมาคงได้ซวยกันจริงๆ... กลับมาทางฝั่งก้างชิ้นโต เจ้าหล่อนเดินกระฟัดกระเฟียดมาจากทางท้ายขบวน ไม่พูดพร่ำทำเพลงพอเดินมาถึงตัวเพื่อนสนิทได้ ก็จัดการลากแขนดึงให้เดินตามมาทางด้านริมป่าทันที... “เดี๋ยวคืนนี้จันทร์นอนกับหวานนะ...หวานไม่อยากนอนคนเดียว” ภูริตาถลาเข้ามาลากแขนเพื่อนสาวให้เดินตามมายังบริเวณที่ตั้งเต็นท์ ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ตรงนี้ใกล้กับกล้วยไม้ป่า กลิ่นของมันหอมชื่นใจ เหมาะแก่การทำกิจกรรมเร้าอารมณ์ยามค่ำคืน ตอนมาถึงใหม่ๆ เธออุตส่าห์จับจองไว้โดยตัดหน้าลูกสาวคนใหญ่คนโต หมายมาดเอาไว้ว่าคืนนี้เธอจะร่วมรักกับแฟนหนุ่มท่ามกลางหมู่ดาวนับพันนับหมื่นดวง ชนิดให้ถึงพริกถึงขิงเสียหน่อย ถ้าเขาจะไม่ทำให้เธออารมณ์เสีย ขึ้นมาเสียก่อน... ครั้นพอนึกถึงแฟนหนุ่ม ใบหน้าสวยของภูริตาก็ยิ่งบูดบึ้ง เจ้าตัวปลดกระเป๋าเป้ด้านหลัง โยนลงพื้นเสียงดังโครม พร้อมกระแทกก้นนั่งลงบนขอนไม้ แสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่คิดปิดบัง คนไม่เคยขัดใจเพื่อนอมยิ้ม ส่ายหน้าระอา... “ทะเลาะกับหินมาละสิ...” คนรู้ทันเอ่ยแซ่ว “เปล่าซะหน่อย...” คนส่ายศีรษะจนผมปลิวปฏิเสธ สะบัดเสียงโมโหตอนพูดถึงชายคนรัก ไม่รู้จะมาหน้าบาง อายดินฟ้าอากาศอะไรนักหนา ทีตอนอยู่ในเมือง เขาเอาแต่เฝ้าปลุกปล้ำเธอตรงระเบียงอพาร์ทเม้นท์ไม่เว้นวาย ส่งเสียงร้องครวญครางน่าอายกว่านี้ด้วยซ้ำ เธอยังไม่เคยปฏิเสธเขาสักหน เขาเริ่ม เธอสนอง อย่างไม่มีใครยอมใคร กะอีแค่เธอเกิดอารมณ์ตอนชวนเขาเดินเลี่ยงไปถ่ายเบาท้ายป่า ขอให้เขาร่วมรักกับเธอตรงนั้น ทว่าเขากลับเอาแต่ส่ายหน้า ผลักเธอให้ออกห่าง บอกเพียงกลัวคนในคณะจะมาเห็นเข้า... “แค่เบื่อเฉยๆ...ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย...” “ไม่จริงล่ะมัง...หินขัดใจอะไรหวานล่ะคราวนี้...” คนรู้ทันถามเสียงหวาน ความที่คบกันมาได้สักระยะ มณีจันทร์เลยเดาจากสีหน้ากับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของภูริตา แสดงออกมาเมื่อสักครู่ได้เป็นอย่างดี “เราบอกว่าเปล่าก็เปล่าไง...จันทร์อย่าเซ้าซี้นักเลย...เราไม่อยากพูดถึงหิน...” มณีจันทร์ขมวดคิ้ว ทว่าก็ยอมตามใจเพื่อนด้วยการหันไปสนใจข้าวของของตัวเอง... “งั้นเดี๋ยวเราขนของเข้าไปเก็บในเต็นท์ก่อนค่อยออกไปเดินเที่ยวรอบๆนี้กันนะ” คนใจเย็นบอกพร้อมกับขนของใช้ส่วนตัว ทยอยเข้าไปเก็บไว้ภายในเต็นท์ ออกมาอีกทีภูริตาก็หายไปไหนเสียแล้ว เหลือไว้เพียงข้าวของบนพื้นไม่ไกล หญิงสาวผู้มีจิตใจอ่อนนุ่มจึงเป็นฝ่ายจัดการ เก็บข้าวของเหล่านั้นนำมาไว้ภายในเต็นท์อย่างเรียบร้อย... ภูริตาเดินอารมณ์ไม่สมประดีมาจนถึงชายป่าอีกฟาก แฟนหนุ่มของเธอไม่ยอมมาตามง้องอน ตอนนี้ไม่รู้หายหัวไปอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ...บังเอิญสายตากลมโตตวัดไปเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มเข้าพอดี ... เอ๊ะ!นั่นใคร มายืนทำลับๆล่อๆ อะไรอยู่ตรงนั้น... หญิงสาวนึกแปลกใจจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นหลังต้นไม้ใหญ่ รอบพื้นที่ต้นไม้นั้นไม่ถึงกับรกครึ้ม แต่ก็ไม่ได้เตียนเหมือนกับบริเวณลานกว้างแถวจุดพักค้างคืน เธอไม่เห็นหน้าเขา เดาจากแผ่นหลังก็ไม่ได้ เลยไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงแหบห้าวคำราม สองเท้ากำลังเดิน มีอันหยุดชะงัก ด้วยรู้สึกไม่ชอบมาพากล หากกำลังคิดหันหลังเดินกลับ แต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่าย ร่างสูงเพรียวหลังต้นไม้ดันกระโจนออกมายืนจังก้า ส่งเสียงเรียกเธอไว้เสียก่อน... “คุณครับ...” ภูริตาเกือบหลุดเสียงกรี๊ด!ด้วยความตกใจ ดีแต่เธอพอจำหน้าผู้ชายตรงหน้าได้ คลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาได้เสียก่อน... เขาไม่ใช่ผู้ร้าย... “เอ่อ...นายที่อยู่ในกลุ่มแบกหามของในคณะส่องสัตว์ใช่ไหม” เสียงถามดูลังเล เพราะไม่แน่ใจ “ครับ...” มาโนชพยักหน้างึกงัก ส่วนด้านล่างเขากำลังรูดซิปกางเกง เก็บไอ้ลูกชายเข้าที่เข้าทาง “ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ พอดีผมเดินมาปลดเบา ไม่คิดว่าจะมีคนเดินอยู่แถวนี้ด้วย...” ชายหนุ่มบอก เขาจำได้ทันที เจ้าหล่อนคนนี้คือแม่ก้างชิ้นโต ดังนั้นมาโนชเลยอดกวาดตามองโดยรอบตัวของสาวเจ้าไม่ได้ หลงคิดว่า มณีจันทร์อาจเดินมากับผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่เขาก็ไม่เห็นเจ้าหล่อน... มาโนชเลยคอตกแอบนึกเสียดาย... หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับกดสายตา จับจ้องมองเป้ากางเกงตาเป็นมัน อารมณ์ซ่านสยิวผุดพรายขึ้นเพียงแค่เห็นลำนูนนั้นเด่นเป็นรอย อยู่ภายใต้กางเกงยีนสีซีด แค่นี้เองหัวใจของภูริตาก็เต้นระส่ำ ปวดหนึบกึ่งกลางลำตัว จนต้องขมิบมันเอาไว้ มันไม่เหมาะสม... ภูริตากลืนน้ำลายอึกใหญ่ สายตาคู่งามตวัดขึ้นมองใบหน้าพอไปวัดไปวาไม่อายใครของหนุ่มแบกของ สองเท้าค่อยๆขยับเคลื่อนไหว เป้าหมายของเธอกำลังเอียงคอ แต่ไม่ได้มองมาทางเธอ เหมือนกับว่าเขากำลังมองหาอะไรสักอย่าง... มาโนชสะดุ้งโหยงตอนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาว ร่างสูงเพรียวถึงกับเซถอยหลัง นัยน์ตาเบิกโพลง เหตุเพราะลำดุ้นของเขาถูกตะปบเข้าจังเบ้อเร่อโดยไม่ทันตั้งตัว... “คุณ!...” “ชูว์...เอาฉันที” ภูริตาขยับฝ่ามือเล้าโลม ร้องขอโดยลืมอาย ส่งสายตาเว้าวอนสุดกำลัง เธอบีบขยำลำนูนผ่านเนื้อผ้าหยาบ รุนแรงขึ้นตามอารมณ์พลุกพล่าน คนถูกกระทำสีหน้าแดงก่ำ เขาซูดปากเสียวสยิวด้วยความลืมตัว ก่อนรีบคว้าฝ่ามือน้อยนั้นเอาไว้หมับ จิตสำนึกในส่วนดีสะกิดให้เขาปฏิเสธ คงไม่เป็นการดีแน่ถ้าหากเขากับหญิงสาวผู้นี้มีอะไรกันขึ้นมา นั่นอาจทำให้เขากับมณีจันทร์อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต... “อา...คุณทำแบบนี้ไม่ดีนะครับ” เสียงสั่นพร่า เพราะแก่นกายถูกภูริตาชักมือกลับแล้วกุมเป้าชายหนุ่มใหม่อีกหน “ดีสิ...ทำไมจะไม่ดีล่ะ...ฉันให้นายทำฟรีๆ นายไม่ชอบของฟรีหรอกเหรอ...” ภูริตาลอยหน้าถาม ของฟรีเขาก็ชอบอยู่หรอก แต่เจ้าหล่อนดันเป็นของฟรีที่มีเพื่อนเป็นสาวในดวงใจของเขานี่สิ มาโนชเลยต้องคิดหนัก... “ว่ายังไงล่ะ...ตกลงหรือเปล่า” สาวผู้ถูกราคะครอบงำจนไม่สามารถครองสติไว้อยู่ส่งเสียงกระเส่า เธอเอนร่างอวบจงใจบดเบียดทรวงมาลย์เข้าหาอกหนั่นแน่น วางมืออีกข้างไว้บนแผ่นอกกำยำ พร้อมลูบไล้แผ่นเบา... มาโนชไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงแม้ปากเขาจะปฏิเสธ หากทว่าภายในจิตใจกับเหลวเป็นน้ำไปเสียแล้ว ถูกยั่วหนักขนาดนี้ ใครเล่าจะอดใจไหว... “สัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคน” คนชวนช้อนสายตากระหายหิว กระซิบบอกย้ำถึงเจตนาก่อนหน้า “แต่ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น” มาโนชจับมือนุ่มไม่ให้ซุกซน เมื่อภูริตาเคลื่อนไหวต่ำลงมาจนเกือบถึงขอบกางเกงยีน... “ข้อเสนอ?...” หญิงสาวทวนคำ “รับรองว่าถ้าคุณ โอเคร...ผมจะสนองตัณหาคุณให้ถึงสวรรค์ชั้นสูงเชียวละ...” “อย่าเก่งแต่ปากก็แล้วกัน...แล้วข้อเสนอของนายคืออะไรล่ะ?...” มาโนชยกมุมปากอย่างพึงพอใจ นัยน์ตาส่อแววเจ้าเล่ห์ตวัดลงมองสาวในอ้อมอก เขาวาดลำแขนขึ้นโอบกระชับร่างอวบอิ่ม ลากเจ้าหล่อนให้มาหลบหลังโคนไม้ใหญ่ ถึงหญิงสาวผู้นี้ไม่สวยซะเท่ามณีจันทร์ของเขา แต่ก็มีรูปร่างอวบอิ่ม น่าขยี้ขยำกระตุ้นอารมณ์ใฝ่ต่ำเขาพอดูเชียวแหละ... ชายหนุ่มโน้มกายบอกความต้องการ... “นายชอบยายจันทร์?...เหรอ” ภูริตาไม่ได้ตกอกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพื่อนสาวของเธอรายนี้สวยหยาดฟ้ามาดินชนิดหาตัวจับยากอยู่แล้ว อีกทั้งที่ผ่านมาเธอยังชินชากับพฤติกรรมของผู้ชายรอบตัว หลังจากได้เห็นหน้ามณีจันทร์ ส่วนใหญ่พวกนั้นมักมาคะยั้นคะยอขอให้เธอช่วยแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักแทบทุกราย นี่ก็คงเป็นอีกรายสินะ... “ต้องบอกว่ารัก และจริงจังมากด้วยครับ” มาโนชยอมรับด้วยสีหน้าเอียงอาย มือหนาเริ่มขยับเข้าหาร่างอ่อนนุ่ม ปีกจมูกบานพะเยิบพะยาบตอนสูดกลิ่นสาบสาว... “อยากได้กี่ครั้ง...ผมจะได้สนองคุณได้ถูกใจ” คนฟังหัวใจกระตุก...ขนาดบอกว่ารักจริงจัง แต่ก็ยังยอมเอากับเธอนี่นะ ตลกสิ้นดี... “ต้องดูที่ความสามารถของนายมากกว่า...” ภูริตาเชิดใบหน้าขึ้นสู้สายตาคมกล้า ยื่นริมฝีปากอิ่มประกบเข้าหา บดเบียดกลีบปากนุ่มราวจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หญิงสาวเป็นฝ่ายปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนแลเห็นขนอ่อนเรียงตัวเป็นระเบียบ เลยมาเล็กน้อยเป็นจะงอยจุกสีเข้มสองจุด หัวของมันชูชัน คงกำลังรอให้เธอใช้ลิ้นหยอกล้อสิท่า ... “อา...ใจเย็นก่อนคนดี เรามีเวลาทำรักกันอีกนาน...” มาโนชบดจูบริมฝีปากหวานจนพอใจ เขาผละห่างออกมาก่อนส่งเสียงห้ามปราม ตอนสาวเจ้าล้วงมือลงด้านล่าง รูดซิปกางเกงแล้วควักเจ้าดุ้นเอ็นแข็งโป๊กกระเด้งตัวเป็นอิสระ ชักรูดมันตั้งแต่โคนยันหัวเห็ด เขาเอนหลังพิงต้นไม้ ซูดปากซี๊ดซ๊าด ดึงเอาร่างอวบติดมือมาไม่ห่าง ก่อนจะเป็นฝ่ายสลับกลับให้ร่างอรชรของสาวเจ้า เป็นฝ่ายพิงโคนต้นไม้บ้าง... “เข้ามาในตัวฉันเดี๋ยวนี้...” สาวผู้ร้อนรักชักสีหน้าหงุดหงิด คราวนี้น้ำเสียงเธอไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นการออกคำสั่ง มาโนชไม่ทันสังเกต เขาเองก็มัวเมาในเรือนร่างงดงาม ภูริตาไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเล้าโลมเธอในตอนนี้ เนื่องจาก ณ เวลานี้ เธอต้องการเพียงแค่ได้ปลดปล่อยความร้อนรุ่ม กระวนกระวายออกไปเท่านั้น ดังนั้น เธอจึงขืนกายเอาไว้ ก่อนคว้าหมับกับเอ็นร้อนแข็งโด่เด่อีกหน หัวมันปริ่มน้ำขาวข้น เต้นกระดุกกระดิกในอุ้งมือ ขยายใหญ่พรักพร้อมมาสักระยะ เธอยิ่งชักรูดหนักขึ้น จนหัวมันยิ่งเบ่งบานแดงแจ๋... “โอ๊ะ!ทำไมถึงได้ใจร้อนนักล่ะ...” มาโนชแสดงสีหน้าเหยเก เสียวซ่านตรงส่วนหัว มันกำลังถูกบดบี้ ภูริตาไม่คิดเสียเวลาตอบคำถาม เจ้าหล่อนร่นกางเกงผ้าเนื้อดีลงพร้อมรูดชั้นในค้างไว้ตรงน่อง เอนร่างนุ่มเข้าหา เป็นฝ่ายสวมสอดดุ้นร้อนในมือเข้าหลืบสวาทเสียเอง... “อา...ซีด...แน่นฉิบอะไรแบบนี้....” ชายหนุ่มเชิดศีรษะหลับตาพริ้ม งึมงำเสียงแหบโหย ตอนสวมสอดแท่งร้อนเข้าใส่ ทำเอาความเสียดเสียวพุ่งทะยานราวกับรถไฟเหาะ หนุ่มแบกของต้องเผยอริมฝีปากส่งเสียงครวญคราง สลับกับร้องคำราม ระบายอารมณ์กลัดมัน ผู้หญิงคนนี้นอกจากนวลเนื้อจะแน่นอวบอัด ร่องสวรรค์ยังฟิตแน่นถูกใจเขาเป็นบ้า... พอกิเลสเข้าครอบงำ มาโนชถึงกับลืมเลือนมณีจันทร์ไปชั่วขณะ เข้าตั้งหน้าตั้งตาสะบัดบั้นท้ายเข้ากระแทกกระทั้นโดยไม่กลัวอีกฝ่ายจะร้องเจ็บ... หนนี้เขาไม่อาจเสียหน้าโดยการปล่อยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายคุมเกม ชายหนุ่มกดร่างน้อยไว้แนบลำตัว ช้อนก้นน้อยขึ้นลอยเด่น เสียบเสยแท่งเหล็กร้อนเข้าใส่จนมิดทั้งด้าม เกิดเป็นเสียง เนื้อกระทบเนื้อ ดังตับ ตับ ตับ ส่วนกิ่งก้านของไม้ต้นอ่อนสั่นระริกตามแรงขยับโยก มือร้อนระอุอีกข้างวาดลงขยี้ปุ้มมณี ... “อะ...อา...อะ...” คนถูกกระแทกเข้าใส่จนหัวสั่นหัวคลอนหลับตาปี๋ กลีบปากบวมเจ่อสั่นระริก สมใจอยากจนร้องไม่หยุดหย่อน... เสียงคร่ำครวญโหยหวน ทำให้เจ้าของร่างกำยำ กำลังโหนตัวอยู่เหนือผืนดิน ต้องขมวดคิ้วมุ่น... “อีก...เข้ามาอีก...อา...อืม...อา...อา...อย่างงั้นแหละ โอ๊ย!ดีจริงๆ” สมองขาวโพลนไม่รับรู้รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจีเธอวาดลำแขนโอบรอบแผ่นหลังเกร็งขนัดยึดไว้เป็นหลักป้องกันไม่ให้ตนเองหล่นลงพื้น ส่วนของปลายเท้าจิกเกร็ง ก่อนส่งแรงกระทั้นหาทุกจังหวะเข้าออก มาโนชเร่งจังหวะสุดท้าย ด้วยการกระทุ้งสะโพกเข้าใส่ร่องหวานระรัว จนกระทั่งความเสียดเสียวแตกกระจาย เปลี่ยนเป็นลาวาร้อนขาวขุ่นไหลทะลัก ฉ่ำแฉะทั้งเขาและเจ้าหล่อน ชายหนุ่มเกร็งตัวดันร่างนุ่มกระแทกลงมาหาดุ้นแข็งอีกสองสามครั้ง ก่อนทรุดฮวบลงกับพื้นดิน ดีที่ด้านล่างมีใบไม้แห้งรองรับไว้อีกที... ทั้งสองร่างกอดกันไม่ห่าง ต่างพ่นลมหายใจร้อนเข้าหากัน ก่อนมาโนชจะดันร่างกึ่งเปลือยให้นอนราบลงกับพื้นดิน จัดการถอดเสื้อผ้าของสาวเจ้าออกทุกชิ้น จนเหลือแต่กายขาวโพลน หน้าอกขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ หัวสีแดงคล้ำชูชัน... “คราวนี้คุณจะได้รู้...สวรรค์แท้จริงนั้นหน้าตาเป็นยังไง...” คนอยากเห็นสวรรค์ยิ้มอ่อย ช้อนนัยน์ตาพราวขึ้นท้าทาย... “ฉันอยากเห็นใจจะขาดอยู่แล้วนี่...” ----------------------------------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม