“ทำไม อายหรือไง...คัมมอน”
ณิชากัดปากแน่น เดือดในใจขึ้นมาแทน ข่มโทสะที่มาพร้อมความอายแล้วตั้งท่าจะทำอย่างที่เขาสั่งแกมบังคับนั่น ธีร์เอียงคอมองคนบนตักแล้วหัวเราะในลำคอที่ฟังรู้ว่าถูกใจเสียนักหนา เขาโน้มกายด้านหน้าที่เต็มไปด้วยกล้ามมัดตึงแน่นแนบ
เข้ากับแผ่นหลังของเธอกระซิบบอกข้างหูด้วยเสียงกระซิบดังเดิมพร้อมลมหายใจอุ่นๆปนกลิ่นเหล้าชั้นดี
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณขึ้นไปรอบนห้องดีกว่าเดี๋ยวผมตามไป สงสัยคืนนี้จะยาว นอนเช้าเลยก็แล้วกันนะณิชา”
ได้ยินแบบนี้ก็คล้ายโล่งใจที่เขาจะไม่ทำเรื่องน่าอายในที่สาธารณะ ใช่ว่าธีร์ไม่เคย ตั้งแต่คราวไปต่างประเทศด้วยกันคราวก่อน ที่ปลุกเร้าให้เธอร่วมรักด้วยในสถานที่โล่งแจ้งในบ้านพักส่วนตัว ไม่รู้ว่ามีคนผ่านมาเห็นหรือไม่
แต่นี่เมืองไทยเธอไม่คิดว่าเขาหน้าหนาได้ขนาดนี้ ณิชารีบลุกออกจากตักของสามีด้วยสีหน้ากล้ำกลืน เดินก้มหน้าเข้าครัวไปดูว่าอะไรขาดเหลืออีกบ้าง ไม่คิดไปรอเขาอย่างที่อีกฝ่ายสั่งความเอาไว้
เหลือบไปมองที่ธีร์อีกครั้งก่อนเข้าไปด้านหลังบ้าน เห็นเขาขยับตัวนั่งหลังตรงยิ้มแย้มอย่างสุภาพให้กับหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาเพื่อนั่งคุยด้วยกัน เขาสุภาพแบบนี้เสมอหากเป็นเพื่อนหรือใครคนอื่น แต่กิริยาพวกนั้นไม่ได้มีไว้ใช้กับเธอ
ธีร์ไม่ใช่คนหยาบคาย เขามีคำพูดสุภาพอยู่เป็นนิจ แต่แววตาท่าทีที่แสดงออกมานั่นต่างหากที่หยาบคายมากกว่าคำพูดของเขามากนัก
ณิชาถอนหายใจยาวเหยียดเดิมก้มหน้ามองพื้นอย่างเหนื่อยอ่อนในหัวใจ ตั้งใจตรงไปในห้องครัว เพียงพ้นหัวมุมของบ้านก็ชนโครมเข้ากับอกแกร่งๆของใครสักคนที่คงเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ธีร์เชิญมาร่วมงาน
“ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มละมุนเอ่ยขอโทษเธอก่อน ณิชาเงยหน้ามองอย่างตกใจ ยิ้มแหยๆแล้วว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ผมเก้า คุณณิชจำผมได้ไหม”
อีกฝ่ายถามอย่างเป็นห่วง พร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพถามราวกับเขารู้จักเธอเป็นอย่างดี ณิชาให้หนักใจยิ่งนัก เพราะจำชายหนุ่มตรงหน้านี่ไม่ได้เลย เธอมีปัญหาเรื่องจำหน้าคน เอ่ยทวนชื่อเขาด้วยสีหน้าประดักประเดิดนิดๆ
“คุณเก้าหรือคะ”
“ครับ เก้า ลูกผู้น้องของนายธีร์ พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทด้วยครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทีเป็นกันเอง หวังให้หญิงสาวคู่สนทนาผ่อนคลายลง
ณิชาค่อยผ่อนลมหายใจออกเมื่อเห็นความเป็นมิตรของชายที่แนะนำตัวว่าชื่อเก้า ยิ้มด้วยความละอาย ก่อนหลบสายตาวูบ เพราะเธอจำไม่ใคร่ได้นักว่าญาติหรือเพื่อนของสามีมีใครบ้าง
ธีร์เป็นคนมีเพื่อนฝูงค่อนข้างมาก สังคมของเขาแตกต่างจากสังคมของเธอราวฟ้ากับเหว และเธอไม่คิดว่าจะมีเพื่อนของเขาจำเธอได้ด้วย น้อยครั้งที่เขาแนะนำเธอกับเพื่อนๆ หญิงสาวรู้ฐานะของตนเองดี เธอแต่งงานกับธีร์ด้วยภาวะจำยอมและมีกำหนดเวลา แม้ท้ายที่สุดแล้วเลิกราหย่าร้างกันไปตามที่ได้ตกลงกัน เธอจะเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุดก็ตาม
“คุณณิชง่วงแล้วหรือครับ”
“ยังค่ะ ณิชว่าจะเข้าไปดูเด็กๆในครัวหน่อย”
“ออกไปนั่งคุยด้วยกันสิครับ คนอื่นๆอยากรู้จักผู้หญิงที่สยบนายธีร์ได้ทั้งนั้น”
สยบที่ไหน ก็แค่จดทะเบียนสมรสด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ไม่ได้มีความรักเข้ามาพัวพัน น่าภูมิใจอย่างไร ณิชาค่อนอยู่ในอก แล้วบอกปัดอย่างสุภาพ
“ณิชคุยไม่เก่งค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
มีแววผิดหวังในดวงตาของชายที่เรียกตัวเองว่าเก้าอย่างแจ่มชัด ก่อนที่เขาจะรับคำอย่างยอมจำนนในที่สุด “ครับ”
ณิชายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วขอตัวเดินเข้าไปในครัวจากนั้น
ชายหนุ่มมองตามหลังของณิชาจนลับสายตา ถึงเดินกลับไปยังโต๊ะ กระแทกตัวลงนั่ง คว้าแก้วขึ้นดื่มด้วยสีหน้าเซ็งๆ เมื่อนึกได้ก็ถามขึ้นลอยๆกับเพื่อนผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“แปลกนะ ยัยลีอาไม่มาด้วย”
“ติดธุระมั้ง”
“อย่างยัยนั่นมีธุระอะไรสำคัญกว่าปาร์ตี้วะ” เก้าบอกขำขำ ก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ลอบสังเกตสีหน้าของเจ้าของบ้านไปพลาง ถามอย่างเกรงๆ “ว่าแต่ ได้ข่าวลิลลาบ้างไหม”
“ได้ยิน...เห็นว่าท้องลูกแฝด”
“เอ้ย นายรู้แล้วหรือ”
“ลีอาบอก”
“ยัยนี่ไวกว่ากูอีก” เก้าถามหยั่งเชิงอีกที “ตัดใจได้หรือยังวะคุณธีร์”
คนถูกถามยักไหล่ไม่ว่าอะไร ไม่ตอบคำถามให้รู้ สายตาก็ดูเรียบนิ่งจนคาดเดาไม่ออกว่าคิดเห็นเป็นประการใด เมื่อคนรักที่เลิกรากันไปแล้วนั่นท้องกับเศรษฐีชาวดูไบแถมยังได้ลูกฝาแฝดในครรภ์อีกด้วย
ยกเหล้าขึ้นจิบอีกรอบ บ่นเสียงไม่ดังไม่เบานัก
“เสียดายคุณณิชไม่มานั่งคุยด้วย”
ธีร์ชะงักหน่อยเดียว ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายที่มีคนกล่าวถึงณิชาด้วยอาการห่วงหาฉันท์ชู้สาวเช่นนี้ แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมากอย่างเก้าก็ตาม ถามขรึมๆออกไป “เจอ?”
“เออ เดินชนกันเมื่อกี๊ คุณธีร์ครับ กูบอกตามตรงเลยนะ คุยกันแมนๆ มึงเบื่อคุณณิชเมื่อไรกูขอเถอะ”
รอยยิ้มของธีร์กระตุกขึ้นในเสี้ยววินาที ไม่ใช่ยิ้มด้วยอารมณ์ที่ดีนักตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ พร้อมกับหัวใจที่เหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูงหลังจากได้ยินว่ามีคนสนใจเมียตัวน้อยของเขา สายตาคมปราบนั่นก็ดูผิดไปจากที่พูดจาถึงลิลลาอย่างเห็นได้ชัด แค่นเสียงถาม มีแววเยาะในน้ำเสียงมาด้วย
“ของเหลือเนี่ยนะ”
“ก็กูชอบ มึงแม่งทำไมได้แต่ของดีดีวะ ทำบุญด้วยอะไรบอกกูดิ๊”
ธีร์ยิ้มให้กับคำพูดกระแหนะกระแหนแล้วบอกถึงสิ่งที่เพื่อนเองก็มีดีไม่ต่างกัน “เด็กคุณสวยๆทั้งนั้นนี่ครับคุณเก้า”
“แต่กูชอบแบบเมียมึง” บอกพร้อมกับวางแก้วในมือลง สบตาเพื่อนถามด้วยน้ำเสียงที่ลดความดังลงมาเกินครึ่ง “อีกนานไหมวะ แผนมึงถึงจะบรรลุน่ะ”
ธีร์เมินสายตาไปทางอื่น ยกแก้วในมือขึ้นจิบค่อยตอบ
“ไม่เกินสิ้นปี”
“เยส! ขอบใจมากเว้ยคุณธีร์”
สายตาดำเข้มของธีร์เป็นประกายวาววับ ก่อนยิ้มมุมปากคิดถึงเรื่องที่เขาทำมาบางส่วนและกำลังเดินหน้าทำมันต่อไป โดยมีณิชาเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของตนเองอย่างสาสะใจ
ณิชายังไม่ได้ปลีกตัวไปไหน หญิงสาวยังวนเวียนอยู่ช่วยเด็กรับใช้เก็บของและดูแลอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่ในห้องครัวอยู่จนงานเลี้ยงเริ่มซาแขกเหรื่อร่อยหรอลง เหลือบมองดูเวลาก็เห็นว่าล่วงเข้าวันใหม่ไปกว่าสามสิบนาทีแล้ว ความเหนื่อยล้าและง่วงงุนเข้าครอบงำจึงสั่งงานเด็กๆให้เก็บส่วนที่เหลือจากที่ตนเองจัดแจงไว้แล้ว ถึงได้กลับห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำเข้านอน เธอไม่คิดจะไปรอธีร์ที่ห้องอย่างที่เขาสั่งการเอาไว้ เพราะเห็นหลังไวไวว่าขึ้นรถขับออกไปกับหญิงสาวแสนสวยคนนั้นที่นั่งคุยกันหลังจากที่เธอลุกจากตักเขามาแล้ว
คืนนี้คงไปจบที่ห้องของหญิงสาวคนที่ขับรถออกไปด้วยกัน
ดีแล้ว เธอจะได้นอนหลับให้สบาย หลังจากที่เตรียมงานเลี้ยงให้เขามาทั้งวัน
ณิชาแทบหลับในทันทีที่ทิ้งศรีษะลงบนหมอน จากที่หลับสนิทก็ฝันไปว่าตนเองกำลังจมลงในทะเลลึก เธอว่ายน้ำหนีพวกปลาตัวใหญ่และดุร้ายในท้องทะเลกว้างแล้วก็ถูกปลาหมึกยักษ์รัดเสียแน่นหายใจแทบไม่ออก เสียงหวานครางประท้วงออกมาเบาๆในลำคอ
“ฮื้อ”
นอกจากอึดอัด ร่างกายของเธอยังร้อนวูบวาบขึ้นอีกด้วย หลังจากถูกปลาหมึกยักษ์ร้ายกาจตัวนั้นรัดเสียแน่น นี่มันอะไรกัน ความฝันแบบนี้ทำให้เธอเหมือนหายใจไม่ออก สิ่งใดกันแน่ที่กำลังรบกวนการนอนของเธออยู่ แว่วเสียงเรียกชื่อของเธอดังมาจากที่ไหนสักที่ไกลๆ
“ณิช หนูณิช”
เสียงเรียกนั่นมาพร้อมกับแรงรัดปลุกเร้าบนเรือนร่างของเธอ ณิชาขานรับอย่างมึนงง สับสนไปหมดว่าความฝันหรือความจริงกันแน่ ได้ยินเสีงตนเองขานตอบออกไปด้วย
“คะ”
“ผมบอกว่าให้ไปรอที่ห้องไง”
เสียงบอกนั่นคุ้นเสียจนเธอเห็นหน้าของคนก่อกวนลอยเข้ามาในโสตประสาทแล้ว ณิชาพลิกตัวหนี แต่อย่างไรก็หนีไม่พ้นเสียที งึมงำบอกด้วยความงัวเงีย
“ณิชง่วง”
“ผัวไม่นอน นอนก่อนผัวได้ยังไงกัน อกตัญญู”
“คุณธีร์ อื้อม์ ไม่นะคะ”
เสียงหวานที่ครางประท้วงด้วยความง่วงงุนแปรปรวนเป็นครวญด้วยกระสันรัญจวนหลังถูกปลุกเร้าอย่างหนักหน่วง กลิ่นเหล้าที่ปะปนมากับลมหายใจอุ่นจัดถูกป้อนมาพร้อมกับจุมพิตและเรียวลิ้นแสนร้อนผ่าว
“ผมจะไม่อยู่สามวันเชียวนะ ต้องให้คุ้มหน่อยสิ”
ได้ยินเรื่องคุ้มไม่คุ้มก็เหมือนกับเป็นแรงปลุกชั้นดี ความโกรธพุ่งพล่านเข้ามาแทนที่ความง่วงงุน หญิงสาวตื่นตัวในที่สุดกระแทกหมัดเล็กๆใส่นักลงทุนตัวเอ้ที่กำลังตักตวงรสสวาทจากเธอเต็มแรง
“อะไร”
ธีร์ถามสวนกลับมา คล้ายจะเห็นครู่หนึ่งว่าเขาขำแทนที่จะโกรธที่เธอกระแทกหมัดไร้พิษสงใดๆใส่แผงอกของเขา
“คิดแต่จะเอาเปรียบกัน คุ้มตั้งแต่เดือนแรกที่คุณธีร์แต่งงานแล้วล่ะค่ะ”
“ดูพูดจา ชักร้ายใหญ่นะเรา แล้วนี่ต่อยผมทำไม หืมม์”
ธีร์ว่าเธอพร้อมหัวเราะในลำคออย่างกับว่าถูกใจอะไรนักหนา เขาถามแต่ไม่ยักรอคำตอบของเธอ เสียงงึมๆงำๆอะไรนั่นเธอไม่ได้ยินมันอีกแล้ว เพราะถูกเขาปั่นป่วนด้วยประสบการณ์อัน
มากล้น หัวสมองของเธอชะงักงัน ความง่วงถูกตีจนกระเจิดกระเจิงด้วยความรู้สึกอื่น
“ก็บอกแล้วไงว่าถึงเช้า”
“ณิชไม่ไหวค่ะ ณิชง่วง”
ณิชายังคงสู้อุตส่าห์ต่อต้านเขา รู้ว่าสู้รบกับอีกฝ่ายไม่ได้ และธีร์ไม่เคยขืนใจเธอแม้เพียงครั้ง
“แต่ผมยังไหว”
ธีร์งึมงำบอกชิดริมฝีปากของเธอ เปลี่ยนอาการง่วงงุนให้เป็นความเร่าร้อนลุกฮือแผดเผากันและกันได้อย่างง่ายดายจนเช้าอย่างที่เขาว่าเอาไว้จริงๆ