การเฝ้ารอคอยที่จะได้เจอเขามันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งและช่วงเย็นของทุกวันก็คือช่วงเวลาที่เขาเข้ามาที่บ้าน ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา รอยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล เล่นกีต้าร์ก็เก่งแถมยังร้องเพลงเพราะด้วย ถึงเจอกันก็ทำได้แค่แอบมองพอจะเข้าไปพูดคุยก็มีดันมีก้างขวางคอทุกที ก้างขวางคอนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ชายของฉันเอง
วันนี้ก็เช่นกันที่ฉันยังคงแอบมองเขาอยู่ ถึงจะคิดว่าการแอบชอบเขามันก็โอเคดีแล้วแต่พอความชอบมันเพิ่มระดับขึ้นก็ทำให้อยากเข้าใกล้เขามากขึ้นกว่าเดิม ถึงพยายามพูดคุยกับเขามากเท่าไหร่พี่กายก็ยังทำตัวปกติแถมยังไม่มีท่าทางจะสนใจอะไร ในสายตาเขาคงมองเห็นว่าฉันเป็นแค่น้องสาวของเพื่อนสนิทเขาเท่านั้น บางครั้งสายตาและท่าทางเย็นชาของเขาก็ทำให้ฉันไม่กล้าเข้าใกล้หรือพูดอะไรมากนักได้แต่ถามเรื่องทั่วๆ ไปเท่านั้น
“พี่กายคะ วันงานแสดงดนตรีที่มหาลัย เอ่อ..คนนอกเข้าไปดูได้หรือเปล่า ถ้าเจนกับเพื่อนไปดูจะได้ไหมคะ?”
“อืมได้สิ เจนจะมาดูเหรอ?” กายพูดถามเธอกลับ สายตาไม่ละไปจากคอร์ดกีต้าร์ในมือ
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ วงของพวกพี่ขึ้นแสดงกี่โมงคะ?”
“ตอนบ่ายๆ เจนมีเรียนไม่ใช่เหรอไง”
“ก็ใช่ค่ะ ถ้าเป็นหลังเลิกเรียนได้ก็คงดี” เธอพูดตอบเขาเสียงอ่อย หน้าตาแสดงอาการผิดหวังออกมา
เสียงกระแอมกระไอที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยืนมองอยู่
“คุยอะไรกัน!” เจพูดเสียงเข้มขณะที่เดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาข้างๆ กาย
“ไอ้เจมึงเพลาๆ เรื่องหวงน้องลงบ้างเถอะ กูเห็นแล้วรำคาญว่ะ กูเห็นเจนเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งของกูเหมือนกัน ไม่ได้คิดอะไรมากเกินกว่านั้น” กายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด สายตาคมกริบมองจ้องใบหน้าที่ยิ้มเจื่อนๆ ของเจ
กลายเป็นสถานการณ์เดดแอร์ชั่วขณะ ร่างบางชะงักตัวชาไปกับคำพูดของเขาทันที เธอก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเด็กแบบเธอหรอก ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรคงรู้สึกเฉยๆ กับคำพูดพวกนั้น แต่เพราะเธอชอบเขามันเลยอดรู้สึกใจเสียไม่ได้ เหมือนถูกตบหน้าด้วยประโยคคำพูดของเขา แถมยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมีเข็มทิ่มแทงเข้าไปในอก
กายไม่ได้หันมามองหน้าเด็กสาวด้วยซ้ำขณะเอ่ยประโยคเหล่านั้นออกมา เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไงแค่พูดไปตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น เจนพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้ เด็กสาวฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยพูดออกมา
“ใช่ค่ะ คือเจนแค่ชวนพี่กายคุยเรื่องงานแสดงดนตรีที่มหาลัยแค่นั้นเอง พวกพี่ซ้อมดนตรีกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเจนไปเอาขนมกับผลไม้มาให้”
เจถอนหายใจออกมาขณะมองหน้ากายที่มีสีหน้าเรียบเฉยและดูจะสนใจแต่กีต้าร์ในมือ
“เฮ้ย..กูรู้แล้วน่า โทษทีว่ะ”
“มึงจะได้สบายใจ ไม่ต้องมาคอยระแวงจ้องจับผิดอีกไง ถึงเจนไม่ใช่น้องมึงกูก็ไม่ได้คิดอะไร ที่สำคัญกูไม่ชอบเด็ก มึงก็รู้ดี”
“เออๆ เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว”
“มึงหัดดีดกีต้าร์ตามที่กูสอนให้คล่อง พรุ่งนี้จะได้ไปซ้อมเต็มวงที่ห้องดนตรีของมหาลัยอีกที” เขาพูดพลางยื่นกีต้าร์ส่งให้เจ ร่างสูงโปร่งขยับลุกขึ้นยืน
“มึงจะไปไหนวะ”
“สมองเสื่อมเหรอไง กูบอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าวันนี้กูต้องไปร้องเพลงที่ผับ ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
กายมองหน้าเจนที่กำลังยกขนมกับผลไม้ออกมาพอดี ฝ่ามือใหญ่จับลูบศีรษะของเธอเบาๆ ก่อนจะหยิบแอปเปิ้ลออกจากจานขึ้นมากัดไว้ในปาก
“พี่กายจะกลับแล้วเหรอคะ”
“อืม”
เด็กสาวมองตามแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาที่เดินออกจากประตูบ้านไป เมื่อกี้เธอได้ยินคำพูดที่เขาคุยกับพี่เจชัดเจนทุกคำทุกประโยค ยิ่งได้ยินคำพูดพวกนั้นที่มันออกมาจากปากเขาก็ยิ่งทำให้จิตใจของเธอที่ห่อเหี่ยวอยู่แล้วยิ่งห่อเหี่ยวหนักเข้าไปอีก
“..ถึงเจนไม่ใช่น้องมึงกูก็ไม่ได้คิดอะไร ที่สำคัญกูไม่ชอบเด็ก มึงก็รู้ดี..”
เธอหันกลับมามองพี่ชายที่นั่งดีดกีต้าร์อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร หน้าตาของเขาดูอารมณ์ดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ มือเล็กยกถาดขนมและผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะ
“เจน..มาๆ มานั่งฟังพี่ดีดกีต้าร์ก่อน นี่เพลงที่ใช้เล่นดนตรีอาทิตย์หน้าเลยนะ”
“เอ่อ.. เจนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำการบ้านค้างไว้ เจนขอไปทำก่อนนะคะ”
“อืม..งั้นน้องก็ไปทำการบ้านเถอะ”
เธอรู้สึกเหมือนคนไม่มีแรงขณะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เธอนั่งทำการบ้านไปเรื่อยๆ พลางถอนหายใจออกมาหลายครั้งขณะที่สมองน้อยๆ ของเธอตอนนี้ก็เอาแต่คิดถึงแต่คำพูดของเขา
‘..ฉันก็เด็กอย่างที่พี่กายบอกจริงๆ นั่นแหละ หน้าอกก็แฟบก้นก็ลีบจะไปสู้พวกผู้หญิงสาวๆ ที่อยู่ล้อมรอบตัวเขาได้ยังไง วันหนึ่งพี่จะต้องเสียใจที่เคยพูดอย่างนี้กับฉัน นี่แน่ะ! ..’ เธอคิดในใจอย่างหงุดหงิดพลางทุบกำปั้นเล็กลงบนตุ๊กตาหมีที่อยู่ในอ้อมกอด