“มึงมาทำไม?” ไดอิจิกัดฟันถามอย่างใจเย็น พร้อมกับจ้องมองไอ้คนเสน่ห์แรง ที่เอาแต่ส่งสายวิบวับมาให้น้องสาวของตน
“ไม่เอาน่าเพื่อน อีกไม่กี่วันเราก็ขึ้นชกมวยด้วยกันแล้วนะ” หิรัญหันไปตอบยิ้มๆ ใช่! ตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนจะสามารถดึงความสนใจของเขาไปจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ไปได้อีกแล้ว
“ชกมวย?” อาซามิหันไปมองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ใช่ครับ มันเป็นการชกเพื่อการกุศล เราช่วยกันหาทุนต่างๆ ให้กับน้องๆ ที่เรียนอยู่บนดอย” หิรัญรีบขยายความให้นางฟ้าคนสวยฟัง
“เยี่ยมไปเลยค่ะ แล้วจะขึ้นชกกันวันไหนคะ” อาซามิมองใบหน้าของพี่ชายกับหนุ่มหล่อเข้มสลับกันไปมาอย่างรู้สึกทึ่ง
“อีกห้าวันครับ” หิรัญชิงตอบ
“ว้าว!” อาซามิอุทานอย่างตื่นเต้น
“อย่าลืมไปเชียร์พี่นะครับ” หิรัญบอกพลางขยิบตาส่งให้กับนางฟ้าคนสวย ที่งดงาม คุ้มค่ากับการกว้านซื้อหุ้นไปเกือบหนึ่งพันล้านบาท
“ค่ะ” อาซามิตอบไม่เต็มเสียง ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกับเธอ
ด้านไดอิจิที่หน้าตึงยิ่งกว่าหนังกลอง เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเกลียดใครจนถึงขั้นคิดหาวิธีฆาตกรรมอำพรางศพแบบจริงจัง ขนาดนี้มาก่อน
“อ้าว! เสี่ยรัญ ไปไงมาไงครับเนี่ย” ฌอห์ณ เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง หนึ่งในสปอนเซอร์ใหญ่ของการชกครั้งนี้ เอ่ยทักทายเสี่ยใหญ่อย่างดีใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองภายในของครอบครัวบรรจงวิเศษ
“อ๋อ! ผมแวะมาแสดงความยินกับน้องยูกิครับ ได้ข่าวว่าคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้สำเร็จ ยินดีด้วยนะครับ” หิรัญเอ่ยพลางล้วงกล่องของขวัญขนาดเล็กส่งให้นางฟ้าคนสวย
“ขอบคุณค่ะ เชิญพี่...” อาซามิรับกล่องของขวัญมาถือ และเอ่ยค้างไว้ เพราะยังไม่รู้จักกับหนุ่มตรงหน้าอย่างเป็นทางการ
“รัญครับ” หิรัญรีบบอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกขำกับสีหน้าท่าทีของไดอิจิที่ดูจะเงียบผิดปกติไปจากทุกครั้ง
“เชิญพี่รัญที่ด้านในค่ะ” อาซามิผายมือเชิญและออกเดินนำเข้าไปในงาน
ไดอิจิมองคู่อริเดินตามน้องสาวอย่างรู้สึกเดือดจัด “กูไปเอาปืนมายิงมันทิ้งตรงนี้เลยดีไหมวะ”
“ใจเย็นครับบอส รอดูไปก่อน” คมสันรีบห้าม
“รอดูมันจีบน้องกูงั้นเหรอ?” ไดอิจิถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เอ่อ...วันนี้เรามีแขกนะครับ” คมสันรีบเตือนสติผู้เป็นนาย
“ไปเรียกไอโกะมาตามยูกิเข้าไปข้างในบ้าน” ไดอิจิเอ่ยเสียงเข้ม จ้องมองคู่อริที่ทำหน้าระรื่นใส่น้องสาวของตัวเองอย่างรู้สึกโกรธ
“ครับบอส” คมสันขานรับก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังนางฟ้าคนสวยพามานั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ หิรัญก็รีบเอ่ยอ้อนเสียงหวาน “เอ่อ...น้องยูกินั่งกับพี่ก่อนนะครับ”
“ดะ...ได้ค่ะ” อาซามิขานรับอย่างมึนๆ ขณะที่หัวใจของเธอก็เริ่มจะสั่นระรัวกับสายตาที่มองมาคล้ายกับจะสื่อความหมายบางอย่างที่เธอเองก็ไม่กล้าจะตีความไปไกล เพราะเพิ่งจะเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก
“เรียนจบแล้วอยากทำอะไรครับ” หิรัญถามยิ้มๆ
“ยังไม่แน่ใจค่ะว่าจะทำอะไรดี ระหว่างร้านอาหารหรือว่าร้านกาแฟ” อาซามิบอกอย่างอายๆ
“ว้าว! พี่มีทำเลทองที่ยังว่างอยู่พอดีเลยครับ” หิรัญรีบเสนอ
“ค่ะ” อาซามิยิ้มรับอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“เอ่อ...แล้วน้องยูกิมีแฟนหรือยังเอ่ย” คนที่เพิ่งจะออกเดินอ้อมโลกไปได้แค่สองก้าว ก็วกกลับมาเดินทางตรงต่อ
“ยะ...ยังค่ะ” อาซามิรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ก็เหมือนกันครับ” หิรัญจ้องมองใบหน้างามที่ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ อย่างหลงใหล
“เอ่อ...ขอยืมตัวยูกิสักครู่นะคะ” ไอโกะที่ถูกใช้ให้มาดึงตัวเพื่อนสาวกลับ เอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มรูปหล่อ ที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของไดอิจิ
“ได้ครับ” หิรัญรับไหว้พร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ไปให้หญิงสาวอย่างเข้าใจ
“ขอตัวก่อนนะคะพี่รัญ” อาซามิเอ่ยก่อนจะเดินตามเพื่อนสาวไปอย่างรู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายมาได้จังหวะพอดี เพราะหากต้องนั่งคุยกับหนุ่มเสน่ห์แรงที่เอาแต่จ้องหน้า มีหวังหัวใจของเธอคงได้ลอยไปอยู่กับเขาแน่ๆ