5| ผู้ชายพกถุง

1346 คำ
"โอ๊ย! " คำแรกที่ลืมตา เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนไปวิ่งหนีหมาหน้าปากซอยมาทั้งคืน ยิ่งกว่าเช้าวันนั้น ยิ่งกว่าเดินราวน์ทั้งวันแล้วถูกสั่งห้ามพักถ้างานยังไม่เสร็จ เวรกรรม! ป่วยหรือเนี่ย อาการเบื้องต้น มีไข้ต่ำๆ เริ่มเจ็บคอ มีน้ำมูกนิดหน่อย เฮ้อ พอหายใจเข้าปอดลึกๆ ไล่น้ำมูกออกจากรูจมูกก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ บางอย่าง สติทั้งหมดที่มีประมวลผลออกมาแล้วฟันธงว่า มันคืออาหาร ฉันหันขวับไปมองโต๊ะข้างเตียง นั่นไง! พอรับกลิ่นเข้าไปน้ำย่อยในท้องก็เริ่มเดือดปุดๆ จำได้ว่าเมื่อวานกลับมาถึงแล้วก็นอน ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยน้ำก็ไม่ได้อาบ แต่.. "เดี๋ยวนะ! ไม่ได้อาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังไง " ใครเปลี่ยนให้ ก๋วยเตี๋ยวในถ้วยนั่นอีก หรือว่า!? ระหว่างที่ความคิดกำลังถกเถียงกันอยู่ในหัวฉันก็รีบสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วสำรวจร่างกายทั้งภายนอกและภายในเหมือนวันนั้น ไม่พบร่องรอยความเสียหาย ไม่เจ็บ ไม่จี๊ด ไม่พีคเหมือนวันนั้น สัมผัสที่ตามหลอกหลอน เบาใจไปได้หนึ่งขั้น นอกจากก๋วยเตี๋ยวยังมียาลดไข้วางอยู่ด้วยอีกหนึ่งเม็ด คิดสิคิด! คิดออกแล้วเมื่อคืนปาป๊ามาหาที่ห้อง ใช่แน่ๆ ต้องเป็นปาป๊าแน่ที่เปลี่ยนให้ พอคิดได้แบบนั้นก็โล่งอกเบาใจไปได้เกินครึ่ง ก๋วยเตี๋ยวยังอุ่นๆ อยู่เลยแสดงว่าป๊าเพิ่งกลับไปได้ไม่นาน ทำไมรีบกลับล่ะ? พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบคว้าชามก๋วยเตี๋ยวอุ่นๆ เกือบเย็นขึ้นมาซดจนหมดแล้วตามด้วยยาลดไข้ที่วางเอาไว้ สัมผัสได้ถึงความหวังดีและความเป็นห่วง ป๊าน่ารักที่สุด อาการดีขึ้นตามลำดับ เมื่อคืนหลับไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่ลืมกินยาคุมเม็ดที่สองก่อนนอน ก่อนเวลาได้ไม่เป็นไร วันนี้มาราวน์แบบป่วยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่จนเดินไม่ไหวเอาไข้มาติดคนอื่น เช็กแล้วว่าตัวเองโอเค อีกอย่างไม่อยากขาดด้วยกลัวไม่ทันเพื่อนแล้วจบช้า พอมาถึงสิ่งแรกที่เห็นคือพี่อินเทิร์นยืนรออยู่ห้องกุมารเวช หน้าตาไม่สดใสเหมือนโดนของ รึว่าตรอมใจเรื่องที่โดนฉันปฏิเสธ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่นะ ต้องทำให้ได้ ตัดใจอะรู้จักรึเปล่า พี่รับปากน้องแล้วก็ต้องทำให้ได้อย่าแสดงอาการซึมเศร้าแบบนี้ต่อหน้าน้อง เห็นแล้วรู้สึกผิดนะเว้ย! "สวัสดีค่ะ ขอโทษที่มาสาย" ฉันเป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้วก็เอ่ยขอโทษที่มาสาย จะบ่นอะไรก็เชิญได้เลยจะไม่เถียงแล้วก็ยืนฟังอย่าสงบนิ่ง "ป่วยหรือเรา ถ้าไม่ไหวกลับไปพักได้นะ " เป็นหมอดูรึไง? คนที่ป่วยพี่มากกว่า ฉันน่ะหายแล้วเพราะได้ก๋วยเตี๋ยวกับยาลดไข้จากคนห่วงใยในครอบครัว ฉันว่าพี่อินเทิร์นน่ะอาการหนักมากกว่า ได้นอนบ้างรึเปล่า น่าสงสารคิดเรื่องเมื่อวานทั้งคืนแน่เลย "เปล่านี่คะ สบายมากเมื่อเช้ารถติดก็เลยมาสาย พี่มากกว่าที่ไม่สบาย " "เป็นห่วงเหรอ " ไม่น่าเลย เดี๋ยวก็ยาวอีก "แค่ถามเฉยๆ ค่ะหน้าพี่ไม่ค่อยสดชื่นคิดว่าน่าจะไม่สบาย คิดมากหรือคะ " "อือ คิดเรื่องน้องนั่นแหละ แต่สบายใจได้นะ เลิกก็คือเลิกพี่รักษาคำพูดอยู่แล้ว " ฉันพยักหน้าเข้าใจ เชื่อก็ได้ แต่อาการพี่ตอนนี้ทำให้ฉันคิดไปไกล ที่จริงเรายังไม่ได้คบกันนะ "ถ้าพี่ไม่โอเค ไม่ต้องคุยกับน้องก็ได้นะคะ " "ไม่คุยแล้วจะทำงานกันได้ยังไง " นั่นสิ การสื่อสารคือประเด็นหลักและสิ่งที่ต้องใช้ ภาษาใบ้ล่ะ? ตลกไปใหญ่ทำแบบนั้นโดนคนไข้ฟาดหน้าแน่ๆ "นั่นสิเนอะ " ฉันตอบยิ้มๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเหมือนกัน "กินข้าวเช้ามารึยัง คนไข้เยอะมากน่าจะเกินเวลา " ฉันเอียงคอมองเข้าไปข้างในแล้วถอนหายใจ เยอะจริงๆ ด้วย แล้วแบบนี้จะได้พักกี่โมง "กินแล้วค่ะ " "อือ ดี " พี่อินเทิร์นพยักหน้าแล้วยิ้ม แค่กินข้าวเช้าก็ทำให้พี่เขายิ้มได้? เออเว้ย ดีเหมือนกันไม่อยากเห็นหน้าเซ็งๆ ผิดหวังของพี่เขาเท่าไหร่ แบบนี้ดีแล้ว "เริ่มเลยมั้ยคะเดี๋ยวเพื่อนๆ รอนาน " "เชิญ " เกือบเลยเวลาพักเหลืออีกแค่สิบนาที ดีที่วันนี้ทุกคนช่วยกัน ถ้าไม่ได้ยัยเกี๊ยวฉันคงแย่ เด็กๆ แต่ละคนร้องไห้งอแง แค่จับวัดไข้ก็โวยวายเหมือนกำลังจะถูกควักไส้ เครียดถึงขั้นต้องหยิบยาดมขึ้นมาสูดหลายรอบ พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอดทนเข้าไว้ท่องไว้ในใจว่าเด็กก็คือเด็ก "ไปกินข้าวโรงอาหารกันมั้ย " "เบื่ออะ ออกไปกินข้างนอกมั้ย ไปร้านกาแฟข้างๆ โรงพยาบาลก็ได้ นะแกนะฉันเบื่อผัดฟักทองแล้ว " "ร้านอื่นก็มีให้เลือก กินอยู่แต่ผัดฟักทองไม่เปลี่ยนเอง " ยัยเกี๊ยวบ่นอุบเรื่องกับข้าวในโรงอาหาร หาเรื่องอยากออกไปกินข้าวข้างนอกแต่ฉันเบื่อแล้วก็เหนื่อยไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น ที่จริงอยากไปแค่เซเว่นซื้อข้าวกล่องเวฟมานั่งกินเงียบๆ คนเดียวด้วยซ้ำ "ไม่ไปจริงอะ " "จะไปก็ไปสิแต่เราไม่ไปนะ ขี้เกียจเดี๋ยวก็ต้องราวน์ต่อ วันนี้มีควิซท้ายชั่วโมงด้วย " "เป็นอะไร? โดนป๊าดุเรื่องพี่เอกมาเหรอ " "ป๊าไม่เคยดุเราเรื่องผู้ชายแบบนั้นหรอก เราแค่เหนื่อยๆ ไม่อยากไปไหนไกล " เมื่อคืนป๊ามาเช็ดตัวให้ฉันยังไม่ได้โทรไปขอบคุณเลย เรื่องพี่เอกปล่อยไว้แบบนั้นแหละดีแล้วไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยสักนิด กามเองช่วยไม่ได้ นึกแล้วขยะแขยงโชคดีของฉันที่ไม่ได้ผู้ชายแบบนั้นมาทำผัว "พี่จะไปเซเว่นเอาอะไรมั้ย " ได้ผู้ชายอย่างพี่อินเทิร์นมาเป็นผัวนี่ไง เห็นนิ่งเงียบแต่แอบแซ่บ "ไม่เป็นไรค่ะหนูจะออกไปข้างนอกพอดี ไปนะแก " "อือขับรถดีๆ แล้วรีบกลับล่ะ " ยัยเกี๊ยวพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป ส่วนพี่อินเทิร์นยังไม่ไปไหนยืนมองหน้าฉันเพื่อต้องการคำตอบ "อะไรคะ" "พี่ถามว่าจะไปเซเว่นเอาอะไรมั้ย ฝากได้นะ " ก็ดีเหมือนกัน ขี้เกียจเดินปวดขา "จดให้แป๊บนึง รอได้มั้ยคะ" "ได้สิ จดมาเลยไม่ต้องเกรงใจ พี่มีถุงผ้ามาด้วย " พี่อินเทิร์นชูถุงผ้าในมือให้ดู นอกจากรักษาคนไข้แล้วยังรักษ์โลกด้วย เอาเป็นว่าไม่เกรงใจแล้วนะ "ไม่เกรงใจจริงๆ แล้วนะ " "ได้สิ ขอโทษนะที่วันนั้นพกแค่ถุงผ้า" รู้แหละว่าหมายถึงอะไร ฉันเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม อย่างน้อยๆ พี่เขาก็กล้ายอมรับไม่วิ่งหนีแล้วก็พยายามจะรับผิดชอบถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นชะตากรรมของฉันจะเป็นยังไงบ้างคงไม่รู้ "ทีหลังก็หัดพกมากกว่าถุงผ้าสิคะ จะได้ไม่พลาดกับคนอื่นแบบน้องอีก " "กับน้อง พี่ไม่เคยคิดว่าคือความผิดพลาด เอาอะไรบ้างรีบจดเดี๋ยวจะกินไม่ทัน " ประโยคนั้นของพี่อินเทิร์นทำให้มือค้าง พอดึงสติกลับมาได้ก็รีบจดของที่อยากกินลงในนั้นทันที "นี่ค่ะ " "พี่ไปนะ ไปนั่งรอพี่ตรงม้าหินอ่อนที่มีร่มไม้ข้างๆ อาคารก็ได้ " "ค่ะ ขอบคุณนะคะ " "อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก " ไม่มีอะไรงั้นเหรอ กำลังพยายาม อย่าเผลอพูดอะไรแบบนี้อีกสิ น้องจะคิดว่าพี่มีใจให้น้องแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ น้องจะทำยังไง ? __________________
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม